เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวเว้ย (3)Chaitawat Marc Seephongsai
รัฐศาสตร์นิเทศ ปีที่ 11 ฉบับที่ 1
  • รีวิวเว้ย (1702) รัฐศาสตร์นิเทศ ฉบับนี้เป็นฉบับที่ได้รับการเผยแพร่ออกมาค่อนข้างรวดเร็ว นั่นเป็นเพราะศักยภาพในการบริหารจัดการของคณะทำงานวารสารที่บูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงยิ่งอาจทำให้คณะทำงานตกอยู่ในภวังค์บ้าง และอาจต้องคอยย้ำเตือนตนเองว่าโลกนี้คืออนิจจังและสังขารมนุษย์เรานั้นไม่เที่ยงควรแก่การระบุไว้ ณ ที่นี้เพื่อเป็นหมุดหมายทางประวัติศาสตร์เช่นกันว่า ในช่วงเวลาที่วารสารฉบับนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกมา ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการกลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีของ โดนัลด์ ทรัมป์ อีกครั้งหนึ่ง ในฐานะที่เป็นวารสารรัฐศาสตร์ คณะผู้จัดทำไม่กล้าที่จะมองไปยังอนาคตข้างหน้าเพื่อคาดการณ์สิ่งใดมากนัก นั่นเพราะว่าอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน การถอดบทเรียนจากอดีตจึงน่าจะเป็นสิ่งที่พอเป็นไปได้มากกว่า ดังนั้น นับจากนี้ไปอีกสี่ปี คณะผู้จัดทำประสงค์อยากเห็นบทความวิจัยหรือบทความวิชาการภาษาไทยที่ศึกษาทรัมป์ครั้งที่หนึ่งในมิติทางรัฐศาสตร์ เพื่อสร้างความกระจ่างต่อท่าทีหรือบุคลิคของประธานาธิบดีผู้กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวท่านนี้นอกจากนี้ ประเด็นที่เป็นประเด็นความมั่นคงที่กระทบต่อสุขภาพโดยตรงในช่วงเวลาที่วารสารฉบับนี้กำลังเผยแพร่ก็คือประเด็นเรื่องฝุ่น pm 2.5 ซึ่งกระทบต่อสุขภาพปอดของผู้คนในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑลแทบทั้งสิ้น และเนื่องจากนี่เป็นประเด็นที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน วารสารรัฐศาสตร์นิเทศอยากจะเป็นพื้นที่เผยแพร่บทวิเคราะห์หรือบทความวิจัยต้นเหตุของวิกฤตสภาพอากาศที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่ เผื่อที่ว่าบทความจากวารสารนี้จะเข้าหูเข้าตาผู้มีบทบาทสำคัญของบ้านเมืองบ้าง
    หนังสือ : รัฐศาสตร์นิเทศ ปีที่ 11 ฉบับที่ 1
    โดย : รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์
    จำนวน : 272 หน้า
    .
    (1) นโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศไทย: กรณีศึกษาการร่วมผลิตในแผนแม่บทด้านการจัดการขยะพลาสติกของประเทศระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2573) โดย ธีรพัฒน์ อังศุชวาล และ จีรภา โสสม // https://so05.tci-thaijo.org/index.php/RatthasatNithet/article/view/267855
    .
    บทความวิชาการนี้มุ่งอธิบายนโยบายการขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy: CE) ของประเทศไทย ผ่านการดำเนินงานภายใต้แผนแม่บทด้านการจัดการขยะพลาสติกของประเทศระยะ 20 ปี (ปี 2561-2573) เพื่อเป็นกรณีศึกษาถึงความพยายามของการร่วมผลิตในนโยบายสาธารณะระหว่างภาครัฐและเอกชนภายใต้การเปลี่ยนแปลงรูปแบบเศรษฐกิจที่มีความซับซ้อนหลายมิติ การมองแผนแม่บทฯ ผ่านมุมมองการร่วมผลิตทำให้เห็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการผลักดันให้ตัวแสดงที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในจัดการขยะพลาสติกเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศ บทความชิ้นนี้ชี้ให้เห็นด้วยว่า การขับเคลื่อนนโยบายนี้ยังขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชนในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนกระบวนการทางนโยบายในบทบาทผู้ร่วมริเริ่มกระบวนการ (co-initiator) และผู้ออกแบบร่วม (co-designer) โดยการร่วมผลิตจะสามารถช่วยให้การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศไทยมีโอกาสและประสิทธิภาพของการมีส่วนร่วมในนโยบายสาธารณะมากยิ่งขึ้น
    .
    (2) ยุทธศาสตร์ชาติใต้ร่มเงาวุฒิสภา: กรณีศึกษาบทบาทของวุฒิสภาชุดที่ 12 ที่มีต่อควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินผ่านมิติของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ในช่วง 1 ปีแรก (พ.ศ. 2562 – 2563) โดย วรศักดิ์ จันทร์ภักดี // https://so05.tci-thaijo.org/index.php/RatthasatNithet/article/view/274006
    .
    วุฒิสภาชุดที่ 12 ถือเป็นวุฒิสภาตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มีหน้าที่พิเศษอีกประการหนึ่ง นั่นคือ ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งวุฒิสภาได้ใช้กลไกต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนผ่านภูมิหลังของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่จำแนกได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่มทหาร/ตำรวจ (2) กลุ่มข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ (3) กลุ่มเครือข่ายภาคประชาสังคมและปราชญ์ชาวบ้าน และ (4) กลุ่มนักการเมือง/นักธุรกิจ โดยแต่ละกลุ่มเลือกใช้บทบาทในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินที่แตกต่างกัน แต่ด้วยกลไกต่าง ๆ ที่มีอยู่ของวุฒิสภาประกอบกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลทั้งในส่วนของคณะรัฐมนตรีและระบบราชการ ที่เป็นผู้ปฏิบัติขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อพิจารณาในเชิงการควบคุมวาระประเด็น (Agenda Control) จะพบว่า รูปแบบในการควบคุมวาระประเด็นจึงเป็นไปในเชิงบวก (Positive Agenda Control) กล่าวคือ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในระดับที่วุฒิสภาพึงพอใจ และการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกับยุทธศาสตร์ชาติ วุฒิสภาจึงมองว่าในช่วงเวลานี้รัฐบาลยังคงดำเนินการตามวิถีที่จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวนี้เอง ส่งผลให้ในท้ายที่สุดรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างวุฒิสภาชุดที่ 12 กับฝ่ายบริหาร เป็นความสัมพันธ์ในเชิงสร้างสรรค์ (Constructive Relationship) ที่วุฒิสภากับฝ่ายบริหารต่างเดินไปด้วยกัน
    .
    (3) การวิเคราะห์เครือข่ายการดำเนินงานธนาคารเวลาตำบลชมภู อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ โดย ฐิติกาญจน์ บำรุงชัยกุล และ กัลยา แซ่อั้ง // https://so05.tci-thaijo.org/index.php/RatthasatNithet/article/view/273004
    .
    การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแสดงในการดำเนินงานธนาคารเวลา ตำบลชมภู อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ใช้แนวทางการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บรวบรวมข้อมูลจากการศึกษารวบรวมจากเอกสารและการสัมภาษณ์เชิงลึก โดยมีผู้ให้ข้อมูลหลัก จำนวน 9 คน ดังนี้ (1) ตัวแสดงในภาครัฐ คือ ผู้แทนจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพญาชมภู จำนวน 2 คน (2) ตัวแสดงนอกภาครัฐ คือ ผู้จัดการธนาคารเวลา เลขานุการธนาคารเวลา ประธานศูนย์บริการคนพิการตำบลชมภู และสมาชิกธนาคารเวลา จำนวน 4 คน ผลการศึกษา พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแสดงภายในเครือข่ายในการดำเนินงานธนาคารเวลาตำบลชมภู มีลักษณะความสัมพันธ์ตามแนวคิดการประสานความร่วมมือ (Collaboration) ตั้งแต่ระดับบุคคล กลุ่มคนและหน่วยงาน ต่างภาคส่วนกันเข้ามาร่วมมือกันดำเนินงาน ผ่านการจัดตั้งโครงสร้างคณะกรรมการที่เป็นทางการ ซึ่งความสัมพันธ์ของเครือข่ายธนาคารเวลาตำบลชมภูมีลักษณะที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยมีผู้จัดการธนาคารเวลาตำบลชมภู เป็นผู้ประสานความสัมพันธ์ให้ทุกตัวแสดงในเครือข่ายมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ร่วมแลกเปลี่ยนทรัพยากรแบบพึ่งพาอาศัยกันได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้การขับเคลื่อนดำเนินงานธนาคารเวลาตำบลชมภู เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
    .
    (4) ว่าด้วยการสร้างความชอบธรรม: กลยุทธ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการครอบครองทิเบต โดย ชัยพร พยาครุฑ // https://so05.tci-thaijo.org/index.php/RatthasatNithet/article/view/276546
    .
    บทความนี้ศึกษากระบวนการสร้างความชอบธรรมของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการครอบครองทิเบตช่วงปี ค.ศ.1951 โดยมุ่งตอบคำถามว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้ปฏิบัติการอะไรในการกล่าวอ้างอธิปไตยเหนือทิเบต ผลการศึกษาพบว่า นอกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะใช้ปฏิบัติการทางทหารแล้ว ยังมีกระบวนการนำเสนอภาพของการเป็นผู้ปลดแอกทิเบตอย่างสันติและเป็นระบบ ประกอบด้วย กระบวนการนำเสนอปัญหาภายในของทิเบต ตั้งแต่ภูมิศาสตร์ที่ทุรกันดารและโครงสร้างสังคมที่ล้าหลังและเอาเปรียบขูดรีดชนชั้นล่าง กระบวนการทำให้ปัญหาอธิปไตยของทิเบตเป็นปัญหาจากภายนอก กระบวนการนำเสนอความชอบธรรมของจีนว่ามีอธิปไตยเหนือทิเบต และกระบวนการนำเสนอประโยชน์ที่ทิเบตจะได้รับเมื่ออยู่ภายใต้การปกครองของจีน สิ่งนี้สามารถสะท้อนความสามารถด้านการโฆษณาชวนเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามขบวนการชาตินิยมจีนที่ต้องการจะผนวกทิเบตเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจีนนี้มิได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ดังที่ยังคงพบเห็นกระแสชุมนุมประท้วงในทิเบตในเวลาต่อมาจนกระทั่งปัจจุบัน
    .
    (5) Imperialism and Subimperialism in Mainland Southeast Asia: Quantifying Relations of Unequal Exchange By Charlie Thame and Jana Chin Rué-Glutting // https://so05.tci-thaijo.org/index.php/RatthasatNithet/article/view/276288
    .
    This article presents results of an exploratory study on imperialism and subimperialism in the Mekong subregion, including an overview of classical and contemporary debates on imperialism and methodologies developed to quantify unequal exchange. It extends these to analyse trade and investment trends based on existing data for the subregion. Previous studies have incorporated analysis of Thailand and Vietnam, this is the first to incorporate Myanmar, Laos, and Cambodia too. It finds existing data is inadequate but also evidence that Thailand and to a lesser extent Vietnam have benefited from subimperialist relations with neighbouring countries at the expense of ecology and fractions of labour. It concludes that developing countries should remain sceptical of mainstream development economics and statistical data based on them and that Thailand and Vietnam can be considered subimperialist powers with a functional role of mediating imperialist relations between the subregion and the world market. The research contributes to historical materialist scholarship on the international relations and development of mainland Southeast Asia and the political economy of contemporary imperialism and has implications for subaltern classes across the subregion and other peripheral and semi-peripheral economies across the world. It can also be used to support future research that challenges realist, liberal, and constructivist approaches to minilateral institutions such as the GMS, ACMECS, and the LMC from a historical materialist perspective.


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in