รีวิวเว้ย (1656) เคยมีคนบอกเอาไว้ว่าเรื่องที่ทำให้สังคมหนึ่ง ๆ สนใจนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2-3 เรื่อง อันได้แก่ เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ที่บอกเล่าว่าใครคบกับใคร ใครเลิกกับใคร เรื่องของชาวบ้านอย่างลูกบ้านนั้นทำงานนี้ ลูกบ้านนี้ทำงานนั้น และเรื่องของคนที่มีสถานะเหนือกว่าตนเอง (หรือในสังคมที่ปกครองแบบมีกษัตริย์คงเรียกง่าย ๆ ว่า "เรื่องเจ้า") เรื่องราวเหล่านี้มักเป็นที่สนใจสูงสุดของสังคมหนึ่ง ๆ อยู่เสมอ และยิ่งไปว่านั้นหากเรื่องราว 2-3 ประเด็นผูกโยงกันจนเป็นเรื่องเดียวมีหรือที่ "สังคมนิยมเรื่องชาวบ้าน" จะพลาดไปได้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับสังคมมนุษย์แต่ถ้าย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์เราจะพบเรื่องราวเหล่านี้ปรากฏเป็นเชิงอรรถที่น่าสนใจอยู่ในหลายหน้าของประวัติศาสตร์โลก (และประวัติศาสตร์ไทย)
หนังสือ : ROYAL LOVE ประวัติศาสตร์การครองรัก
โดย : มนสิชา รุ่งชวาลนนท์
จำนวน : 352 หน้า
.
"ROYAL LOVE ประวัติศาสตร์การครองรัก" หนังสือที่ว่าด้วนเรื่องราวของ "เจ้า" ที่มีความรัก โดยพื้นที่ของการบอกเล่าเรื่องราวความรักดังกล่าวถูกกำหนดขอบเขตเชิงพื้นที่ไว้ในยุโรป โดยมีขอบข่ายของช่วงเวลานับตั้งแต่การเกิดขึ้นของราชวงศ์ทิวเดอร์ไปกระทั่งถึงการล่มสลายลงของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ที่ถ้าใครเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาตร์ยุโรป ดูรายการ PYMK หรือเป็นแฟนรายการ "ไกลบ้าน" เราน่าจะเคยได้ยินได้ฟังเรื่องเล่าของบางตัวละครปรากฏอยู่ตามที่ต่าง ๆ ของหนังสือและรายการ หากแต่เรื่องราวเหล่านั้นไม่ได้มุ่งตรงไปที่เรื่องของความรักและความสัมพันธ์ดังที่ปรากฏอยู่ใน "ROYAL LOVE ประวัติศาสตร์การครองรัก"
.
เพราะนอกจาก "ROYAL LOVE ประวัติศาสตร์การครองรัก" จะช่วยให้เราเห็นถึงเรื่องเล่าและเรื่องราวความรักของเจ้าผู้ปกครอง เจ้าผู้เคยปกครองและเจ้าชายเจ้าหญิงที่อยู่ในความสัมพันธ์และความรักอันสลับซับซ้อนของราชวงศ์ต่าง ๆ ในยุโรป ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ที่หากเราย้อนดูพงศาวลี (pedigree chart) เราจะได้เห็นถึงเส้นที่โยงใยไปมาและคาบเกี่ยวซ้อนทับกันของบรรดาราชวงศ์ในยุโรป ทั้งจากการแต่งงานเพื่อประสานอำนาจ ขยายผลประโยชน์ ลดการเกิดสงครามและไปจนถึงการแต่งงานกันด้วยความรัก สิ่งเหล่านี้ คือ เรื่องราวและเรื่องเล่าที่จะปรากฏอยู่ใน 10 บทของ "ROYAL LOVE ประวัติศาสตร์การครองรัก" นอกจากเรื่องราวของความรักแล้ว เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ การเกิดขึ้น การล่มสลายและความเปลี่ยนแปลงของรัฐหนึ่ง ๆ นับเป็นฉากหลังที่สำคัญอีกอันหนึ่งของเรื่องเล่าที่มีเรื่องราวความรักเป็นฉากหน้า ของแต่ละเรื่องราวใน "ROYAL LOVE ประวัติศาสตร์การครองรัก" สำหรับเนื้อหาทั้ง 10 บทของหนังสือ แบ่งไว้ดังนี้
.
(1) เฮนรีที่ 7 กับเอลิซาเบธแห่งยอร์ก จากการเมืองสู่ความรักและความสำเร็จในการก่อตั้งราชวงศ์ทิวเดอร์
.
(2) ความรักของราชินีเอลิซาเบธกับโรเบิร์ต ดัดลีย์ ว่าด้วยเหตุผลที่ราชินีตัดสินใจไม่แต่งงาน
.
(3) บ้าเพราะรัก? วิเคราะห์อาการจิตวิปลาสของฮวนนาราชินีแห่งคาสตีล
.
(4) วิกตอเรีย ยูจีนี และอัลฟองโซที่ 13 เมื่อความรักนำโชคร้ายมาสู่สายเลือดสเปน
.
(5) ด้วยรักจากพ่อ เรื่องเล่าของเจ้าหญิงเซเนียแห่งรัสเซีย กับเท็ดดี้แบร์สีแดงชื่ออัลฟองโซ
.
(6) เฟลิกซ์กับอิรินาบนแท่นพยาน เมื่อเจ้าชายรัสเซียฟ้องค่ายผู้สร้างภาพยนตร์ Rasputin and the Empress
.
(7) รักสุดท้ายของไกเซอร์วิลเฮล์มที่ 2 จักรพรรดิผู้เสียจักรวรรดิแต่ไม่เคยปราศจากรัก
.
(8) ลูกสาวของจักรพรรดินี ว่าด้วยความรัก ความชังและความคาดหวังของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา
.
(9) คาร์ลกับซีตา ณ วันล่มสลายของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
.
(10) ซีซี่กับฟรานซ์ โจเซฟ ความรักแสนขมที่กลายเป็นเทพนิยายแห่งการสร้างชาติออสเตรีย
.
ในท้ายที่สุดแล้ว เราอาจจะเคยได้ยินคนตั้งคำถามว่า "เราจะรู้เรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ ของคนอื่นไปทำไม ? รู้แล้วได้ประโยชน์อะไร ?" สำหรับเรื่องราวทั้ง 10 บทใน "ROYAL LOVE ประวัติศาสตร์การครองรัก" ช่วยตอบคำถามดังกล่าวได้เป็นอย่างดี เพราะอย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าเรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ ของคนในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง นำพาไปได้แม้กระทั่งการเกิดขึ้นของจักรวรรดิ และนำพาไปสู่การล่มสลายของบางจักรวรรดิได้เช่นเดียวกัน ถึงแม้นว่าเรื่องราวของความรัก-ความใคร่ จะมิใช่เพียงตัวแปรเดียวของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป แต่ก็ยากจะปฏิเสธว่าเพราะเรื่องราวของความรักความใคร่ที่อยู่เบื้อหลังเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์นี้เองที่พาให้โลกเดินมาในเส้นทางดังที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in