เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวเว้ย (3)Chaitawat Marc Seephongsai
จากพระคุณที่สามถึง คศ. 3 By ภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์
  • รีวิวเว้ย (1635) ครูคือเทียนส่องทางสร้างคน เป็นคนด้วยผลของการศึกษา ครูจึงเป็นบุคคลล้ำค่านำพาประชาและชาติสดใส ครูอยู่ที่ไหนเจริญรุดไปที่นั่น เพราะครูคือผู้สร้างสรรค์ส่งเสริมภูมิปัญญาดังแสงเทียนจุดท้าต้านพายุแรงลมเป่า มิเคยมอดดับอับเฉา ดับเพียงโง่เขลาของตน (เพลง: เทียนเล่มน้อย) ตอนเด็ก ๆ เราน่าจะเคยได้ร้องเพลงนี้หรือได้ยินเพลงนี้ในวันครูและวันไหว้ครูมาบ้าง หรืออย่างเพลงพระคุณที่สาม ตอนเด็กเราเคยสงสัยว่าทำไมเพลงที่เกี่ยวกับครูถึงต้อง "ทำให้ชีวิตครูดูรันทด" หรือกระทั่งละคร หนังหรือหนังสือที่เกี่ยวกับครูในสมัยก่อนครูที่ปรากฏในฐานะตัวละครก็ทำให้เราอดรันทดท้อใจไปกับชีวิตของครูไม่ได้ กระทั่งเมื่อเติบโตขึ้นและมีเพื่อน พี่ น้อง หลายคนประกอบอาชีพเป็นครู เราจึงเริ่มเข้าใจว่า "ความรันทด" ที่เราคิดตอนเด็กไม่ได้เป็นเรื่องคิดไปเอง เพราะดู ๆ ไปชีวิตของเพื่อน พี่ น้อง เราหลายคนที่เป็นครูก็ดูหดหู่และรันทดอยู่ไม่น้อย กระทั่งได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม PLC กับครูหลาย ๆ วงเข้าเราก็เข้าใจได้ว่าชีวิตครูในระบบการศึกษาไทย เรียกได้ว่า "รัดทดปนบัดซบ" แท้ ๆ เพราะหน้าที่ของครูมีมากกว่าแค่การสอนหนังสือ มากเสียจนครูหลายคนไม่มีเวลาสอนหนังสืออีกเลย
    หนังสือ : จากพระคุณที่สามถึง คศ. 3: พลวัตวิชาชีพครู ว่าด้วยอำนาจและสถานภาพทางสังคมในสังคมไทย
    โดย : ภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์
    จำนวน : 230 หน้า
    .
    "จากพระคุณที่สามถึง คศ. 3: พลวัตวิชาชีพครู ว่าด้วยอำนาจและสถานภาพทางสังคมในสังคมไทย" ชื่อยาวไปต่อจากนี้จะเรียกสั้น ๆ ว่า "จากพระคุณที่สามถึง คศ. 3" หนังสือชื่อยาวที่ว่าด้วยเรื่องประวัติศาสตร์ของครูและระบบการศึกษาไทย ที่มุ่งเน้นการศึกษาไปที่เรื่องของพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของครูในสังคมสยามถึงไทย ผ่านการศึกษาหลักฐานและบริบททางประวัติศาสตร์
    .
    โดยที่ผู้เขียนได้ระบุเอาไว้ว่าหนังสือเล่มนี้มีเป้าหมาย 2 ประการ อันได้แก่ ประการแรก เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลวัตการผลิตครูในสังคมไทยในหน้าประวัติศาสตร์ และประการต่อมา เพื่อนำเสนอบทบาทและสถานภาพของครูภายใต้โครงสร้างทางการเมือง สังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจุดตั้งต้นของการเล่าเรื่องของ "ครู" ใน "จากพระคุณที่สามถึง คศ. 3" เริ่มต้นตั้งแต่บทบาทของครูในช่วงเวลาก่อนสมบูรณาญาสิทธิราชของสยาม ที่ความเป็นครูผูกติดอยู่กับชุดความเชื่อของศาสนาไทย ที่ประกอบขึ้นจากศาสนาผี ศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ แต่สำหรับการศึกษาของสยาม-ไทย นั้นจำเป็นต้องรวมเอาศาสนาคริสต์เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย เพราะรากฐานเหล่านี้ได้กลายมาเป็นการก่อร่างสร้างการศึกษาของสยาม-ไทย ในสมัยแรกก่อนการก้าวเข้าสู่การเป็นรัฐสมัยใหม่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5
    .
    อีกทั้งเนื้อหาของ "จากพระคุณที่สามถึง คศ. 3" มุ่งนำเสนอให้เห็นถึงพลวัต พัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของครูในสังคมสยามถึงไทย ภายใต้เหตุการณ์ของสังคมในแต่ละช่วงเวลา ที่ช่วงเวลาต่าง ๆ ในหน้าประวัติศาสตร์ได้กลายมาเป็นเครื่องมือในการปรับทิศเปลี่ยนทางระบบการศึกษาไทยและครูไทยให้ออกมาเป็นดังที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ ทั้งเหตุการณ์ทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจและเทคโนโลยี ต่างส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของครูไทยทั้งในมิติเชิงนโยบายและในเชิงปฏิบัติ
    .
    สำหรับเนื้อหาของ "จากพระคุณที่สามถึง คศ. 3" แบ่งออกเป็น 5 บท ที่ลำดับการเขียนด้วยช่วงเวลาที่ในแต่ละช่วงเวลานั้นจะฉายให้เห็นความเป็นมาของครู ระบบการศึกษา การดำเนินงาน แนวทางในการจัดการเรียนการสอนและรวมไปถึงความท้าทายที่นำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผ่านพัฒนาการของครูและระบบการศึกษาจากอดีตกระทั่งปัจจุบัน โดยบทต่าง ๆ ของ "จากพระคุณที่สามถึง คศ. 3" แบ่งไว้ดังนี้
    .
    บทที่ 1 พัฒนาการของการผลิตครู อำนาจความรู้ภายใต้อุดมการณ์ และการเมืองไทย
    .
    บทที่ 2 การผลิตครูหลังปฏิวัติสยาม 2475 ความระหกระเหินของอำนาจประชาชน กับครูที่กลายเป็นพระคุณที่สาม
    .
    บทที่ 3 สถานภาพการจ้างงาน หนี้สินและอาชีพเสริมของครูไทย
    .
    บทที่ 4 การรวมกลุ่ม การต่อรองและสิทธิประโยชน์ครูไทย
    .
    บทที่ 5 บทสรุป
    .
    "จากพระคุณที่สามถึง คศ. 3" ทำให้เรามองเห็นประวัติศาสตร์ช่วงยาวของการผลิตครูและการเปลี่ยนแปลงของระบบการศึกษาจากสยามถึงไทย ที่ผูกโยงอยู่กับความเปลี่ยนแปลงของบริบททางประวัติศาสตร์ ที่นอกเหนือจากเรื่องของการเมืองแล้ว "จากพระคุณที่สามถึง คศ. 3" ยังช่วยให้เราเห็นภาพของความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม รวมไปถึงเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทต่อความเปลี่ยนแปลงของครูไทยในหลายมิติ น่าสนใจว่าหากเรื่องของครูมีความสลับซับซ้อนและมีตัวแปรมากมายขนาดนี้ เหตุใดระบบการผลิตครูถึงยังคงผูกโยงอยู่กับกลไกบางแบบดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันทั้งที่หลายเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาก็น่าจะเป็นบทเรียนให้กับหน่วยงานทางการศึกษาได้เป็นอย่างดี น่าแปลกใจที่อดีตไม่เคยสอนอะไรให้กับคนในสังคมนี้เลยนอกจาก "ท่องแล้วไม่จำ" แถมนำไปใช้ไม่ได้อีกต่างหาก

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
amelia2 (@amelia2)
RETRIEVING STOLEN BITCOIN & USDT THROUGH HACKER JUDAS

After being persuaded by a friend on Instagram, I decided to invest $24,000 in a promising opportunity. Initially, everything appeared legitimate, with enticing offers and glowing testimonials that made me believe I was on the verge of financial success. However, this excitement quickly turned into despair. Their website promised help for individuals like me who had fallen victim to fraudulent platforms. Skeptical yet hopeful, I reached out to them. The initial consultation was reassuring; The process was straightforward, and their transparent communication eased my anxiety. They provided regular updates on the status of my case, which helped me feel more in control. To my astonishment, within just a week, I received confirmation that Judas was able to recover my funds. It was an exhilarating moment; after all the stress and uncertainty, I could finally see the light at the end of the tunnel. When I got my $24,000 back, I felt an immense weight lift off my shoulders. Judas not only recovered my money but also restored my faith in seeking help when in distress. If you find yourself in a similar situation, I urge you to reach out to them before it’s too late. It’s easy to feel lost and overwhelmed, but you don’t have to face it alone. With the right support, you can reclaim what’s rightfully yours and move forward with renewed confidence.
Site : https://hackerjudasrecovery.info/
Email: hackerjudas9@gmail . com
whatsapp: +18075002291