เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวเว้ย (3)Chaitawat Marc Seephongsai
THE GRATITUDE DIARY By ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
  • รีวิวเว้ย (1427) "ผมเขียนหนังสือ THE GRATITUDE DIARY ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตนี้มีความหมาย ด้วยตั้งใจว่าอยากจะบันทึกเรื่องราวดี ๆ ของ 'คนธรรมดา' ทั่วโลกที่ได้ทำในสิ่งที่มีคุณค่าและสามารถมอบบทเรียนสำคัญในชีวิตกับเรา" ข้อความที่ปรากฏอยู่บนปกหลังของหนังสือ บอกเป็นนัยว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้พูดถึงผู้ยิ่งใหญ่ หรือผูที่เปลี่ยนโลกทั้งใบไปตลอดกาล หากแต่หนังสือเล่มนี้พูดถึงเรื่องของคนธรรมดา ที่เปลี่ยนโลกของตัวเขาเองและโลกของคนที่เอาทุมเทเอาใจใส่ โลกจะน่าอยู่มากยิ่งขึ้นโดยที่เราไม่ต้องลงมือเพื่อเปลี่ยนโลกของคนอื่น แค่เราทำให้โลกของเราน่าอยู่และแบ่งปันความน่าอยู่ให้กับคนข้าง ๆ สัก 1-2 คนก็พอแล้ว
    หนังสือ : THE GRATITUDE DIARY
    โดย : ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
    จำนวน : 275 หน้า
    .
    "THE GRATITUDE DIARY" ในชื่อภาษาไทยว่า "ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตนี้มีความหมาย" หนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวของคนธรรมดา ที่ต่างก็ลงมือทำในสิ่งที่พวกเขาเชื่อมมั่นยึดถึง ถึงแม้ว่าการกระทำต่าง ๆ เหล่านั้นจะไม่ได้เปลี่ยนโลกทั้งใบ หากแต่สิ่งที่พวกเขาลงมือกระทำอย่างน้อย ๆ มันก็เปลี่ยนโลกของตัวเขาเองและเปลี่ยนโลกของคนที่อยู่รายรอบพวกเขาไปในที
    .
    "THE GRATITUDE DIARY" บอกเล่า 32 เรื่องราวของบุคคลธรรมดา ๆ ที่มีเรื่องราว เรื่องเล่าและการกระทำที่ไม่ธรรมดาอีกทั้งยังแสนพิเศษ โดยเนื้อหาของ "THE GRATITUDE DIARY" จะแบ่งการเล่าเรื่องราวทั้ง 32 เรื่อง แยกออกเป็น 4 หมวดหมู่ของเรื่องราวที่ผู้เขียนได้จัดแบ่งเอาไว้ โดยเรื่องราวต่าง ๆ แบ่งเป็นดังนี้ ขอบคุณที่เป็นแรงบันดาลใจ, ขอบคุณที่ไม่ยอมแพ้, ขอบคุณที่ไม่ทิ่งให้แตกสลายคนเดียว และขอบคุณที่แบ่งปันช่วงเวลาที่มีความหมายร่วมกัน
    .
    หากสังเกตให้ดีจะพบว่าในแต่งะกลุ่มของเนื้อหาใน "THE GRATITUDE DIARY" จะขึ้นต้นด้วยคำว่า "ขอบคุณ" เพราะเนื้อหาต่าง ๆ ทั้ง 32 เรื่องราวที่ปนากฏขึ้นใน "THE GRATITUDE DIARY" ต่างอัดแน่นเอาไว้ด้วยเรื่องราวของคำขอบคุณ ทั้งขอบคุณที่คนคนนึงลุกขึ้นมาส่งต่อความหวัง ความฝันต่อคนอื่น ๆ ขอบคุณที่มีคนหลายคนยังคงอยู่และคอยช่วยเหลือในยามที่คนอื่นอ่อนแอ่ และขอบคุณที่เรื่องราวต่าง ๆ ใน "THE GRATITUDE DIARY" แสดงให้เราเห็นว่าโลกใบนี้ยังคงน่าอยู่เสมอเพราะมีคนธรรมดา ๆ ที่คอยส่งต่อความธรรมดาแสนพิเศษให้กับคนอื่น ๆ อยู่ในโลกใบนี้
    .
    "THE GRATITUDE DIARY" ไม่ได้เรียกร้องให้ผู้อ่านต้องกลายเป็นคนส่งต่อหรือกลายมาเป็นคนเปลี่ยนโลกแต่ประการใด หากแต่ "THE GRATITUDE DIARY" กำลังบอกเราเป็นนัยว่า "วันนี้เราขอบคุณตัวเราเองแล้วหรือยัง"

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in