วันนี้เป็นวันสุดท้ายสำหรับการสอบในชีวิตมหาวิทยาลัยปี 4 เทอม 1 ปีการศึกษา 2563 ฉันสอบเสร็จวิชาสุดท้ายในเวลาบ่าย 4 โมงเย็นแสงสีส้มกับบรรยากาศทุกคนต้องประกาศให้โลกได้รู้ว่าวันของพวกเค้าจบชีวิตสถานะนักศึกษาในบางคน ในขณะที่เพื่อนหลายคนยิ้มแย้มถ่ายรูปกันเป็นกลุ่ม แต่ฉันยังไม่โล่งอกเท่าไหร่นักเพราะฉันยังไม่หลุดจากภาวะนักศึกษาที่ทั้งจน ทั้งเปราะบาง ไร้เบาะรองชีวิตรับความเสี่ยงทางการเงิน เส้นชีวิตริบหรี่ ฉันถอนหายใจในรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของ 4 ปีในชีวิตนักศึกษา ฉันยังต้องฝืนรับความจริงว่าฉันต้องพยุงชีวิตจนๆร่างกายของความเหลื่อมล้ำไปเรียนต่ออีก 5 เดือนในเทอม 2 ฉันนับถอยหลังในทุกๆวัน ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องมานึกสมเพชชีวิตตัวเองท่ามกลางที่ทุกคนมีความพร้อมในการเรียน
ในขณะที่หลายๆคนล้อมรอบตัวฉันเขาไม่ต้องพะวงเรื่องปัญหาทางการเงิน สภาพร่างกายและจิตใจพร้อมรับการเรียนอย่างเต็มที่ มีภาวะพร้อมใช้ชีวิตวัยเรียนเรียนรู้ในสิ่งที่ชอบ ได้ไปใช้ชีวิตวัยรุ่นในวันเสาร์อาทิตย์ ในขณะที่ฉันต้องมานั่งข่มอารมณ์ว่าฉันใช้ชีวิตตามใจชอบไม่ได้ เพราะฉันไม่มีเงิน ฉันจะมีรสนิยมมีเทสต์ฉันก็ต้องมีเงินก่อน ฉันจะมีเวลาเรียนรู้ฉันก็ต้องลองผิดลองถูกก่อน ทุกการใช้จ่ายในชีวิตฉันจำใจต้องใช้จ่ายเพื่ออยู่รอด ใช้จ่ายไปงั้นๆไม่เคยเลยที่จะเป็นผู้บริโภค ชีวิตการเป็นนักศึกษาของฉันมีความแปลกแยก (alienation) ตามศัพท์แสงของลัทธิมาร์กซ์ในทุกๆวัน ฉันในวันที่เรียนไปด้วย หาเงินจุนเจือไปด้วย ไม่มีชีวิตประสิทธิภาพ performance ในการทำอะไรใดๆคือพัง เพราะรวนมาก เรียนก็เรียนได้ไม่เต็มที่ ทำงานหาเงินก็ทำไปด้วยความจำใจ ผลออกมาคือ ผลการเรียนเราพังติดกัน 4 ปี เงินก็ไม่ได้เยอะ ไม่ได้พอใช้จ่าย ฉันร้องไห้ ฉันต้องนอนหนีปัญหา ฉันตัดพ้อว่าเมื่อไหร่ชีวิตนรกแบบนี้จะหยุดซักที
ฉันเคยคิดลาออกเป็นพันๆครั้งทุกๆวันวนเวียน ฉันตั้งคำถามว่าชีวิต 4 ปีค่าเทอมรวมกัน ค่าหอ ค่ากินรวมกันมันคุ้มค่าพอในการเบิกทางชีวิตจริงๆไหมกับใบที่บ่งบอกว่า “เออ กูจบปริญญาตรีแล้วนะ” ท่ามกลางสังคมที่งานหดแม่งกระจุกแค่กรุงเทพฯ รายได้น้อย ค่าครองชีพสูงลิบ แล้วยังไม่พอชีวิตคนจนแบบฉันไม่มีมรดก บ้านไม่ได้รวย ชีวิตหลังเรียนจบแม่งต้อง struggle มากๆ เหมือนชีวิตดิ่งลงเหวติดลบกว่าชีวิต ม.6 เข้าปี 1 เออ ตอนม.6 จบมายังพอรู้นะว่าไปทางไหน แต่จบมหาลัย นี่สิเหมือนตายแล้วไปไหนเลย ใครที่หลังเรียนจบมีมรดกเงินพอสำรองชีพ เรายินดีด้วย เพราะคนจนบ้านไม่รวยแถมเป็นหนี้ เหมือนถูกทิ้งเลย ชีวิตที่ไม่มีทุนสำรองชีพหลังเรียนจบ ไม่มีเวลาลองผิดลองถูกอะไรทั้งนั้น แล้วชีวิตมันขึ้นกับการใช้เงิน มันเป็นชีวิตที่ทรมานไม่ได้หายใจโล่งอกเอาเสียเลย อย่างเราชีวิตตอนเรียนก็ลำบากเอามาก อดมื้อกินมื้อเคยหวังเก็บเงินไปขายของออนไลน์แต่ผลสุดท้ายจมทุนชีวิตเศร้าเป็นปี ทำงานพาร์ทไทม์หาเงินร่างกายก็ทรุดลง มาเรียนก็ไม่ทันเขาเกรดก็พัง
ยิ่งช่วงใกล้วันจ่ายค่าเทอมคือวันหนักใจ ใครที่บอกว่าคนจนเพราะโง่และขี้เกียจ เราไม่รับคำบริภาษจากพวกที่คิดตาม Neolib หรือพวกไลค์โค้ชที่เหน็บแนมเลย ไม่จริงทาสในประวัติศาสตร์หรือ แรงงานในประเทศนี้ทำงาน overload มากเขาก็ควรได้เงินสำรองเลี้ยงชีพหนุนเขาไปแล้วสิ เอาเข้าจริงในประเทศที่เห็นหัวคน สวัสดิการอย่างการศึกษา ค่ารักษาพยาบาล หรือ เงินผู้สูงอายุ ครอบคลุมพอที่จะให้คนเราผ่อนหนักเป็นเบามี มันช่วยลดปัญหาหนี้สินครัวเรือน พ่อแม่จะได้มีกำลังส่งลูกเรียนไหว ไม่ต้องลาออกมาหาเงินกลางคัน เพื่อนเราที่ต่างจังหวัดเหมือนถูกตัดขาดโอกาส เพียงเพราะจนท่ามกลางประเทศที่ทรัพยากรกระจุก
ในส่วนของฉันที่เป็นสภาพแบบนี้จนแบบนี้อันเนื่องจากที่บ้านขาดเงิน เงินกู้ที่ทางบ้านแบกรับมากมายทำให้เขาอยู่ในสภาวะติดลบไม่สามารถส่งฉันเรียนได้เต็มที่ ฉันต้องออกหาเงินเลี้ยงตัวเองให้พยุงตัวเองเรียนใน 4 ปีที่แสนขมขื่น ฉันยังไม่เคยเลยที่จะลิ้มรสชีวิตมนุษย์นักศึกษาที่ใช้ชีวิตดังปราถนาเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in