หลังจากโควิดตัวร้ายได้มาเยือน การฝึกสหกิจของมหาวิทยาลัยเลยต้องจบลงอย่างกะทันหัน นักศึกษาสาวปีสี่ผู้เขว้งขว้างผู้ยังไม่รู้อนาคตตัวเองอย่างฉันกลับได้รับโอกาสการเป็นครูมาอย่างงงๆ หรืออาจเป็นเพราะโชคชะตาฟ้าลิขิตบวกด้วยความสามารถสุดปังก็ไม่มีใครทราบได้ แต่การได้รับโอกาสครั้งนี้ในยุคที่งานหายากดุจงมเข็มในมหาสมุทรเป็นเหมือนของขวัญชิ้นใหญ่ก่อนการเรียนจบมหาลัย มันเป็นเครื่องการันตีว่าจบไปมีงานทำแน่นอน
"สนใจอยากทำงานที่นี่ไหม ลองไปคิดดูก่อนได้นะ" วินาทีที่ได้ยินประโยคนี้ออกจากปากของ เจ้านาย ฉันกรี๊ดร้องภายในใจพร้อมข้อสงสัยว่านายเห็นอะไรในตัวฉัน
ขอบอกเลยว่าทุกวันคือความท้าทาย การลับฝีปากกับนักเรียนเป็นหนึ่งทักษะจำเป็นของครูช่าง การต่อล้อต่อเถียงกับพวกเหล่าตัวแสบที่พร้อมคิดมุขใหม่ ๆ มาเสมอคือสิ่งที่ต้องเจอในทุกวัน ถือว่าเป็นความบันเทิงรูปแบบหนึ่งของเหล่าครูโรงเรียนนี้เลยก็ว่าได้ แม้ว่าบางครั้งจะทำให้ปวดหัวไมเกรนขึ้นก็ตาม แต่นอกจากการสอนแล้ว งานเอกสาร งานราษฎร์ งานหลวง ที่รักเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องพบเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาพโต๊ะทำงานที่กองพะเนินไปด้วยเอกสารและกำหนดการต่างๆ จึงเป็นภาพที่คุ้นชินตานัก ฉันใช้เวลาวนลูปกับการทำงานเหล่านี้จากภาคการศึกษาหนึ่งไปสู่ภาคการศึกษาใหม่ วนลูปแบบเดิมไปเรื่อย ๆ จนทุกอย่างถึงจุดอิ่มตัว ไม่มีความท้ายทายอะไรอีกแล้ว
การเรียนต่อปอโทที่เฝ้าฝันเสมอจึงเริ่มแวบเข้ามาในหัวแต่จะเรียนต่อที่ไทยก็ดูไม่ท้าทายสักเท่าไร การได้ไปผจญภัยในต่างแดนดูจะน่าสนใจเสียมากกว่า เมื่อได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนต่อแน่ ๆ จึงเริ่มหาข้อมูลมหาลัยต่าง ๆ ดู แล้วพบว่าเรียนต่อที่ประเทศเยอรมนีดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด ด้วยการศึกษาที่ติดอันดับโลกไม่แพ้อังกฤษและอเมริกาแถมค่าครองชีพที่ไม่สูงมากจนเกินไปจึงนับว่าเป็นตัวเลือกที่ดี
ไม่รอช้าฉันจึงกดเข้าเว็ปไซต์ เพื่อกรอกใบสมัครทันที การสมัครเรียนแม้ว่าจะไม่ยุ่งยากแต่ต้องใช้เวลาในการรวบรวมเอกสารพอสมควร เริ่มตั้งแต่ ใบจบมัธยมปลาย ใบปริญญาบัตร คะแนนสอบภาษาอังกฤษ
ติดตามเพจได้ที่:
Facebook: หนีมาGerกัน
-------------------------- to be continued ---------------------------------
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in