เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกของ ferneryFernery diary
วันที่แม่ไม่อยู่

  • ชื่อหนังสือ : #วันที่แม่ไม่อยู่
    ผู้เขียน : ชินกยองซุก
    ผู้แปล : วิทิยา จันทร์พันธ์
    สำนักพิมพ์ : แพรวสำนักพิมพ์
    .
    #เมื่อเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมนุษย์เรามักอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขเสมอ
    .
    หนังสือเขียนถึงครอบครัวนึงที่แม่ของเขาหายตัวไปขณะกำลังขึ้นรถไฟใต้ดินสถานีโซลซึ่งมากับพ่อสองคนเพื่อมาฉลองวันเกิดกับลูกๆที่โซล เมื่อแม่หายตัวไปลูกๆประกาศตามหาทั้งแจกใบปลิว ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ ให้รางวัลสำหรับคนที่แจ้งเบาะแสให้พวกเค้ารู้ โดยระหว่างช่วงเวลาที่พวกเขาตามหาแม่ ลูกๆแต่ละคนจะย้อนกลับไปคิดถึงทบทวนช่วงเวลาตอนเด็กหรือเรื่องสำคัญที่เคยเกิดขึ้นระหว่างแม่กับตัวเอง เรื่องที่พวกเขาไม่เคยสังเกต ไม่เคยตั้งคำถาม หรือลืมนึกถึงในสิ่งที่แม่ทำให้พวกเขา หนังสือพาเราไปทำความรู้จักกับแม่และภรรยาที่ต้องแต่งงานแบบคลุมถุงชนตั้งแต่อายุ17 อ่านเขียนหนังสือไม่ได้ ทำงานทุกอย่างในบ้านตั้งแต่ซ่อมหลังคายันทำไร่ปลูกผักคือเรียกได้ว่าเธอทำทุกอย่างในบ้านเองคนเดียว แม่ที่ขยันทำงานส่งลูกทั้ง5คนเรียนจบและมีหน้าที่การงานที่ดี แม่ที่ป่วยแต่ถ้าไม่ถึงที่สุดก็ไม่ยอมไปรักษา แม่ที่เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อครอบครัว
    .
    ระหว่างที่อ่านหนังสือเล่มนี้มันทำให้เรานึกถึงคนที่จากไปในครอบครัวตัวเอง คือมีหลายประโยคที่มันเหมือนหมัดฮุคต่อยหน้าเราเต็มแรง จะว่าน้ำตาซึมก็ไม่แต่มันรู้สึกเศร้าและจุกๆอยู่ในคอ เช่น "วันที่31 ธันวาคมของทุกปี หนูจะไม่เขียนหนังสือ แต่เขียนสิ่งที่อยากทำลงไปแทน สิ่งที่อยากทำ สิ่งที่ต้องทำ ในช่วงสิบปีข้างหน้า ที่เขียนไว้ไม่มีข้อไหนเกี่ยวกับแม่เลยสักข้อ ตอนที่เขียนหนูไม่รู้ตัวหรอกนะ พอแม่หายตัวไป หยิบมาดูอีกทีถึงได้เห็น"? เนี๊ยะ!!!มันทำให้รู้สึกว่าในขณะที่ทุกลมหายใจเข้าออกของแม่มีแต่เรื่องของเรา แต่สำหรับเราแม่ไม่ได้อยู่ในเป้าหมายชีวิตเลย ลูกกี่คนแม่สามารถสละเวลาได้ แต่แม่คนเดียวลูกเสียสละเวลาไม่ได้ แม่ทำงานหนักเพื่อให้ลูกเติบโตไปใช้ชีวิตที่ตัวเองฝัน จนเมื่อลูกไปถึงฝันแล้วกลับไม่มีแม่อยู่!!! โคตรเศร้า โอ๊ยยย!!!ในใจคือร้องไห้เหมียนหมา!!!แล้ว? และอีกเรื่องที่ทำให้สะเทือนใจมากๆคือในจดหมายที่น้องสาวคนรองเขียนถึงพี่สาวประมาณว่า "พวกเรารู้จักแค่แม่ที่เป็นแม่ แม่เกิดมาในยุคที่ไม่มีโอกาสได้มีฝันของตัวเองในมือแม่ฉวยคว้าได้แต่ความยากจนและเศร้าหมอง ไม่มีทางอื่นให้เลือกนอกจากผ่านมันไปให้ได้ หนูไม่เคยคิดถึงความฝันของแม่มาก่อนเลย" โอ๊ย!!โดนต่อยอีกแล้ว เราอ่านประโยคนี้จบสองคนที่เรานึกถึงเลยคือยายกับย่า (เพราะแม่เราก็พอจะรู้ความฝันอยู่?) เออว่ะ!!!ทำไมเราไม่เคยถามถึงความฝันของยายกับย่าเลยว่าอยากทำอะไรอยากเป็นอะไรเมื่อก่อน เราเพียงแค่รับรู้ว่าเค้า2คนทำงานหนักมากเพื่อส่งลูกเรียนจบสูงๆ (ไปหาย่าคงต้องถามแล้วแหละว่าความฝันของย่าคืออะไร ส่วนยายโกอินเตอร์ไปแระ แต่ถ้าให้เดาคงจะเป็นช่างเสริมสวยมั่ง?)
    .
    บางครั้งการที่เราเป็นคนได้รับมาตลอดมันทำให้เราลืมนึกถึงคนที่ให้เรามาตลอดโดยที่เราไม่รู้ตัว ถ้าหนังสือเล่มนี้มีคนเอาไปทำหนังเราว่ามันต้องเศร้าร้องไห้น้ำตาไหลเป็นลิตรแน่ๆ ขนาดอ่านยังสะเทือนใจ 10/10 ไปเลยจร้า?

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in