เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
To Play is To ReadHarmish
Draugen ความจริงต่างหากคือคำสาป (รีวิวเกม)


  • นอร์เวย 1923
    เอ็ดเวิร์ดเหนี่ยวกรรเชียงบนลำน้ำขนาบข้างด้วยเขาสูงและลมหนาวที่พานพัดเขาไปสู่จุดหมาย
    เบื้องหน้าคือลิซซี่ หญิงสาวแจ็คเก็ตสีแดงที่ติดสอยหอยตามเขามาด้วย เธอดูร่าเริงไม่สะทกสะท้านกับความหนาวใดๆ แม้กระทั่งความกลัวการเดินทางไปสู่หมู่บ้านประหลาดแห่งนี้เหมือนเขาเลยแม้แต่น้อย

    สปอยล์เนื้อหาบางส่วน

    นี่น่าจะเป็นอารัมภบทของ Draugen เกมแนวเล่าเรื่องขนาด 2 ชั่วโมงนี้ ถ้าหากมันเป็นนิยายเล่มหนึ่ง นี่เป็นเกมที่แฟนเกมของค่าย Red Threat Games เจ้าของผลงานเกมดี ๆ อย่าง Dream Falls Chapters ต้องรอคอยกันและออกจำหน่ายเมื่อปีที่แล้ว เราจะได้รับบทเป็นเอ็ดเวิร์ด ฮาร์เดน นักธรรมชาติวิทยาผู้ตรงเถร ใสซื่อและขี้กลัว ขัดกับลิซซี่เพื่อนร่วมเดินทางของเขาที่เดินเล่นสำรวจหมู่บ้านร้างราวกับเป็นสนามเด็กเล่นหลังบ้านของตัวเอง ทั้งสองเดินทางจากอเมริกาออกมาไกลถึงนอร์เวย์ เพื่อตามหาเบ็ตตี้ น้องสาวของเอ็ดเวิร์ดที่หายตัวไปและคาดว่าที่สุดท้ายที่มีคนพบเธอคือหมู่บ้านห่างไกลความเจริญนี้

    เกมนี้มีบรรยากาศได้น่าสนใจ ความอึมครึมของหมู่บ้านที่แม้จะอยู่ริมน้ำกลางหุบเขา (หรือที่ชาวนอร์เวย์เรียกว่าฟยอร์ด) ห้อมล้อมด้วยภูเขาที่มีหิมะปกคลุมงดงาม แต่การเดินหาผู้คนที่หายไป และสำรวจปะติดปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคนในหมู่บ้านอันเงียบสงัดนั้นให้รู้สึกวังเวง หวาดเสียว กลัวว่าจะมีอะไรโผล่มาอยู่ตลอด แม้จะไม่ใช่เกมแนวสยองขวัญ แต่ก็มี jump-scare บ้างบางครั้ง และทุกครั้งก็ทำให้ขนลุกอยู่เสมอ แม้กระทั่งจะเปิดประตูห้องใหม่ๆ ก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีก 



    ทั้งสองควรจะพักอยู่กับครอบครัว Fretlands หนึ่งในสองครอบครัวเจ้าของเหมืองที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน แต่พวกเขาไม่อยู่ และไม่มีใครอยู่ในเมืองนี้เลย มีเพียงหลักฐานของโศกนาฏกรรม ความแค้น การกดดันกันเองของคนในหมู่บ้าน และศพของใครบางคนบนต้นไม้ แต่ที่น่าสนใจนั่นคือ สมบัติลึกลับบางอย่างที่ลูกสาวของตระกูล Fretlands ดูเหมือนจะบังเอิญเก็บขึ้นมาได้จากในน้ำ ที่ตามความเชื่อของชาวนอร์เวย ถ้าฝังของรักของคนตายลงพร้อมกับศพ คนที่ตายจะฟื้นขึ้นมาเป็นผี Draugen เพื่อมาสร้างความตกต่ำให้แก่ผู้ที่ได้ของนั้นไปอย่างถึงที่สุด 

    ในขณะเดียวกันเราก็อาจมองได้ว่า สาเหตุที่ทุกคนในหมู่บ้านหายไปนั้น เกิดจากการระส่ำระสายที่สองพี่น้องเจ้าของเหมืองซึ่งเป็นผู้จ้างงานคนเกือบทั้งหมู่บ้านเกิดผิดใจทะเลาะกันจนต้องฆ่ากันตาย ทำให้คนในหมู่บ้านต้องอพยพไปหางานทำที่อื่นก็ได้ด้วย

    ภาพโบสถ์ไม้สไตล์นอร์ดิกที่ตอกแผ่นไม้ปิดประตูทางเข้าไว้ด้วยคำว่า "พระเจ้าไม่อยู่" เป็นฉากที่ให้บรรยากาศน่าขนลุกสำหรับฉันไม่น้อย แต่มันก็สามารถตีความได้หลายอย่าง ทั้งพระเจ้าไม่อยู่เพราะพระเจ้าไม่สามารถไล่ปีศาจออกไปจากหมู่บ้านได้ หรือการบูชาพระเจ้าร่วมกันนั้นเปล่าประโยชน์เพราะมันไม่ได้ทำให้ชาวหมู่บ้านรักกันได้อย่างที่เชื่อเลย


    พอมาถึงตรงนี้ มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ กับการหายตัวไปของเบ็ตตี้ น้องสาวของพระเอก ? ถ้าคนที่เล่นไปซักกลางเรื่องก็คงจะพอจะเดาได้ ว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกันเลย เบ็ตตี้เป็นเพียงภาพสะท้อนความผิดบาปในวัยเด็กที่เคยเป็นต้นเหตุให้เสียน้องสาวไป ภาพถ่ายของเบ็ตตี้คือภาพถ่ายของดารา เศษชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่เอามาต่อกันก็เป็นแค่เสื้อผ้าที่ดูคล้ายของคนในรูปเท่านั้น ซ้ำร้าย ลิซซี่สาววัยรุ่นผู้ไม่กลัวใคร ก็ไม่มีตัวตนเช่นกัน เธอเป็นเหมือนมโนทัศน์ของความกล้าหาญ อารมณ์ขัน และความสุข ที่เขาไม่เคยมีเลยทั้งชีวิต (สังเกตว่า ลิซซี่ ก็เป็นชื่อเล่นของ อลิซเบธ เช่นเดียวกับ เบ็ตตี้) และสุดท้าย ภาพหลอนรูปปั้นนางฟ้าสูงทะมืนผู้บอกความจริงอันโหดร้าย เดาว่าคงเป็นรูปปั้นนางฟ้าที่ทางเข้าสุสาน เศษเสี้ยวจากความทรงจำของการไปสุสานเพื่อรำลึกถึงน้องสาวนั้นเอง

    การที่เกมไม่สรุปเนื้อหาชะตากรรมของชาวหมู่บ้าน อาจะเป็นการสรุปอย่างหนึ่งว่าทั้งหมดที่เราเห็นมาคือการปะติดปะต่ออย่างเป็นตุเป็นตะของชายสติไม่ดีคนหนึ่งก็ได้

    และความเสียวสันหลังวาบตอนจบเกมคือเมื่อเรากลับมาทบทวนว่า เมื่อไม่มีอะไรเหลือในหมู่บ้านนี้นอกจากคำสาปและความตาย เอ็ดเวิร์ดไม่มีเพื่อนเดินทาง มีแต่ความทรงจำและภาพหลอน สรุปแล้ว เขามาเดินด้อมๆ อยู่ในหมู่บ้านร้างนี้คนเดียวอยู่หลายวันท่ามกลางภาพหลอนตลอดทั้งเรื่องเลยอย่างนั้นหรือ?

    พลอยให้คิดไปอีกว่า แล้วตัวเขาเองล่ะ มีจริงหรือเปล่า? 

     
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in