รีวิว - เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน
อีดิธกลับมาที่บ้านหลังใหญ่ในป่าที่ปู่กับย่าทวดสร้างไว้เป็นร้อยปีมาแล้ว
บ้านหลังโตตั้งอยู่ริมน้ำ หากใครเคยเห็นหน้าตาประหลาดของมันแล้วจะไม่มีวันลืมบ้านหลังนี้ลง
บ้านที่ถูกต่อเติมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผิดรูป มีห้องที่ต่อขึ้นเหนือหลังคาจนสูงชะลูดดูโย้เย้
บ้านที่เต็มไปด้วยทางลับซับซ้อน มุมแคบให้คลานจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง ประตูลับ ห้องหับที่เป็นเหมือนอนุสรณ์สมาชิกครอบครัวที่เคยอยู่อาศัยที่นี่
และตายที่นี่
What Remains of Edith Finch (2016) เป็นเกมอินดี้ขนาดสั้นราวๆ 2 ชั่วโมง ผู้เล่นเพียงเดินไปข้างหน้าเพื่อสำรวจและเรียนรู้เรื่องราวโศกนาฐกรรมของครอบครัวฟินช์ อาจไม่ใช่เกมที่ตื่นเต้นในขณะเล่น แต่เรื่องราวของตัวละครแต่ละตัว รายละเอียดเล็กๆ จะค่อยๆ ผลิบานในใจของผู้เล่นเมื่อพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวหลังจากเล่นจบ สิ่งนี้เองที่ทำให้ What Remains of Edith Finch เป็นเกมที่ได้รับความนิยมและถูกพูดถึงมากที่สุดในบรรดาเกมแนวเล่าเรื่องทั้งหลายและกลายเป็นเกมคลาสสิกของแขนงนี้
ผู้เล่นจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับครอบครัวฟินช์ ครอบครัวที่ได้รับฉายาว่า "America's Most Unfortunate Family" ครอบครัวที่โชคร้ายที่สุดในอเมริกา ราวกับถูกสาปให้ลูกหลานของตระกูลพบกับจุดจบก่อนวัยอันควร และเหลือทายาทเพียง 1 คน ไว้สืบทอดตระกูลเท่านั้น
ทวดโอดินตัดสินใจหอบบ้านทั้งหลังขึ้นเรือมาไกลจากนอร์เวย์หวังว่าระยะทางจะทำให้หนีคำสาปฝันร้ายนี้ได้ แต่ก็เหมือนกับคำสาปเล่นตลก ทวดโอดินเรือแตกก่อนถึงชายฝั่ง เพียงนิดเดียวก่อนที่ทวดจะได้เหยียบลงบนผืนดินอเมริกา บ้านที่หอบขึ้นเรือมา ถูกทิ้งเป็นซากไว้บนน้ำตื้นริมหาด อีดี้และซเวน ภรรยาและลูกของโอดินรอดชีวิตมาได้ ก็สร้างบ้านหลังใหม่ที่ริมหาดแห่งนั้น และปล่อยให้บ้านหลังเก่ากลายเป็นอนุสรณ์แห่งมุมานะของทวดโอดินและเป็นสุสานของเขา
ในขณะที่อีดิธเดินลัดเลาะไปตามหลืบซอกลับของบ้าน เธอก็ได้รู้เกี่ยวกับความตายของสมาชิกตระกูลฟินช์คนอื่นๆ อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ผนวกกับห้องนอนของสมาชิกครอบครัวแต่ละคนที่ถูกตกแต่งไว้อย่างมีชีวิตชีวา อีดิธเดินกึ่งมุดลอดจากมุมหนึ่งไปมุมหนึ่งราวเป็น Alice In Wonderland เพียงแต่วันเดอร์แลนด์นั้นอบอวลไปด้วยความเจ็บปวดของเจ้าของบ้าน
จุดนี้เองที่เป็นสเน่ห์ในการเล่าเรื่อง ที่ทำให้ What Remains of Edith Finch แตกต่างจากเกมอื่นๆ
Magical Realism สัจจะนิยมเหนือจริง คือเทคนิกการเล่าเรื่องเหนือจริงที่อยู่บนพื้นฐานของความจริง
อย่างเช่นความตายของหนูน้อยมอลลี่ ฟินช์ ยายของอีดิธ เด็กน้อยตื่นขึ้นมาด้วยความหิวโหย เธอเดินไปหาอะไรได้ก็เอาใส่ปากตามประสาเด็ก ตั้งแต่ยาสีฟัน ไปจนถึงลูกเบอรรี่บนพวงคริสมาส แล้วมอลลี่ก็กลายเป็นแมวปีนต้นไม้ไปจับนก กลายเป็นนกฮูกจับหนู กลายเป็นฉลาม จนกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่กิน กิน และกิน จนสุดท้ายสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็มารอใต้เตียง รอกินเธอ
ความตายของมอลลี่ถูกเล่าผ่านมุมมองของเด็กน้อยที่เผลอกินเบอร์รี่พิษ และเกิดอาการเพ้อและตายไปในที่สุด ภาพที่เห็นเป็นความฝันครั้งสุดท้ายของเด็กน้อย ก่อนที่พิษจะคร่าชีวิตของเธอไปในคืนนั้น
เรื่องเล่าชีวิตก่อนความตายของแต่ละคนถูกถ่ายทอดด้วยความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มเปี่ยมของทีมผู้สร้าง ตั้งแต่ตายจากการแกว่งชิงช้าแรงจนปลิวตกน้ำ ที่ผู้เล่นทำแค่เพียงแกว่งชิงช้าให้แรงขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงความตายของลิอิสเด็กหนุ่มที่ทำงานในโรงงานปลากระป๋อง ที่ผู้เล่นจะต้องแบ่งสมองข้างหนึ่งเพื่อสับหัวปลาและอีกข้างหนึ่งเพื่อเล่นเป็นตัวละครฝันกลางวันของเขา
เพียงเพื่อที่จะเห็นความตายอันสยดสยอง... ในจินตนาการอันสดใส
สิ่งที่น่ายกย่องสำหรับคนทำเกม ที่มีความยากเป็นโจทย์ให้ผู้เล่นเดินตรงไปข้างหน้าและมีปุ่มเดียวให้คลิกเท่านั้น นั้นคือไม่มีอะไรเลยใน What Remains of Edith Finch ที่ผู้เล่นจะต้องทำเหมือนเดิมซ้ำอีกครั้ง เอียน ดัลลัส ครีเอทีฟไดเร็คกเตอร์ของเกม เน้นย้ำว่าจะต้องไม่ให้ผู้เล่นรู้สึกสบายจนเกินไป หรือเริ่มไว้ใจเกม ทุกเรื่องราวจึงมีวิธีการเล่าเรื่องที่แตกต่างไปตามบุคลิกนิสัย อายุ ความชอบ ไปจนถึงสภาพจิตใจของบุคคลนั้นๆ และดัดแปลงมันออกเป็นเกมได้อย่างยอดเยี่ยม
ความกึ่งจริงกึ่งฝัน เรื่องเหลือเชื่อในบ้านหน้าตาประหลาดนี้ ผนวกกันกลายเป็นกึ่งเกมกึ่งวรรณกรรมที่พยายามจะเล่าความงามบางอย่างที่ลึกลับและท่วมท้นจนเข้าขีดอันตราย
ความพยายามนี่แหละที่ทำให้ What Remains of Edith Finch เป็นเกมอินดี้เล็กๆ ที่ชนะรางวัล BAFTA 2017 สาขา Best Game ชนะเกมสตูอิโอยักษ์ใหญ่อย่าง Assassin's Creed: Origins และ Horizon Zero Dawn ไปได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in