วันที่ 3 ตามกำหนดคือจะออกจากโตเกียวไป Kawaguchiko นอนค้าง 1 คืน เพื่อดื่มด่ำ(?)บรรยากาศและชมฟูจิซัง
จะเห็นหรือเปล่าวะ…
อย่างที่เล่าไปในตอนก่อนว่าก่อนจะมาเที่ยวเราเช็กพยากรณ์อากาศแทบทุกวัน เดี๋ยวฝนตกบ้าง มีเมฆบ้าง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเช้าวันที่ 15 มันบอกว่า mostly sunny
เชื่อได้ไหมเนี่ย ?
พอตื่นเช้าขึ้นมาพี่เราเปิดม่านหน้าต่าง เฮ้ย ! แดดออกว่ะ รู้สึกมีความหวังขึ้นมา แต่ก็เผื่อใจเอาไว้มาก ๆ ว่าอาจจะไม่ได้เห็นก็ได้ ตอนนั้นใจเราคิดแค่ว่าได้ไปนอนเรียวกัง นั่งรถไฟไปสัมผัสบรรยากาศแถวนั้นก็พอใจแล้ว
เออ มักน้อยจริง ๆ
วันนี้ออกจากที่พักสายกว่าทุกวัน สักประมาณ 8.30 ก็เช็กเอาท์แล้วลากกระเป๋าไปฝากไว้ที่สถานี Ueno เช่นเดิม เรากับพี่ตั้งใจจะเดินทางไปคาวากุจิโกะด้วยรถไฟเพราะไม่รีบและชอบนั่งรถไฟกันมาก เลยนั่ง Yamanote Line ไปลงสถานี Shinjuku เพื่อนั่ง LTD. EXP KAIJI 101 ไปลงสถานี Otsuki แล้วค่อยเปลี่ยนเป็น Fujikyu Railway ไปลงสถานี Kawaguchiko
ทั้ง ๆ ที่ก่อนมาเรากับพี่อ่านข้อมูลมาเยอะ คิดว่าจำได้ขึ้นใจว่าต้องทำยังไงบ้าง รถไฟออกกี่โมง มีกำหนดการที่เขียนเอาไว้ในสมุดและแผ่นที่ปริ๊นท์ออกมา ปรากฏว่าพอถึงเวลาเข้าจริง ๆ เปิดไฮเปอร์เดียแล้ว… เฮ้ย มันใกล้เวลาแล้ว ดูแค่ว่าชานชาลาไหนแล้ววิ่งไปตรงนั้น เราจำได้แค่ว่าการจะนั่ง KAIJI 101 เนี่ยจะต้องซื้อตั๋วต่างหากอีกนะ อ้าว แล้วมันไปซื้อตรงไหนล่ะเนี่ย ลืมอีก รถไฟก็ใกล้จะออกแล้ว แล้วถามนายสถานีเขาบอกว่าถ้าไม่ได้จองก็ซื้อตั๋วในรถได้ โอเค… เรากับพี่ก็โดดขึ้นรถไฟไปเลย มอง ๆ หาที่ว่าง พอนั่งได้สักพักรถไฟก็ออกจากสถานี
ช่วงเวลานั้นเราลนกันจริง ๆ ข้อมูลที่คิดว่าเตรียมมาพร้อมแล้วดันลืมหมดเลย จะรื้อกระเป๋าเพื่อเอารายละเอียดที่ปริ๊นท์ไว้ออกมาดูก็กลัวจะไม่ทัน และที่สำคัญตอนนั้นตรงสถานีชินจุกุกำลังก่อสร้างทำให้เกือบมองไม่เห็นป้ายชานชาลา พอรถไฟออกไปได้สักพักเราก็มองซ้ายมองขวาว่าต้องซื้อตั๋วตรงไหน หลังจากนั้นไม่นานก็เห็นพนักงานตรวจตั๋วเดินมาที่ตู้เรา คนมีตั๋วแล้วก็ยื่นให้เขา ส่วนคนที่ยังไม่มีตั๋วก็สามารถซื้อตรงนั้นได้เลย ราคาคนละ 860 เยน
นี่ซื้อแบบ 2 คนไปเลย ได้มา 1 ใบ ประหยัดกระดาษดีนะ
หลังจากนั้นก็เริ่มรู้สึกว่า… หิวว่ะ เลยล้วงขนมปังที่ซื้อจาก Kibiya Bakery มากิน ฮืออออ อร่อย อยากกลับไปอีก
ภาพในขวน KAIJI 101 ถ่ายมาแค่นี้ สั่นด้วย ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่มีอารมณ์ถ่ายเลย
เท่าที่สังเกตมีคนญี่ปุ่นมากันเป็นครอบครัวบ้าง มีคุณตาคุณยายสะพายเป้เล็ก ๆ มากันเป็นคู่ มองดูแล้วก็เพลินดี ตอนแรกคิดว่าวันธรรมดาจะเจอแต่นักท่องเที่ยวซะอีก
พอไปถึงสถานี Otsuki โอ๊ยยย ความโกลาหลมีจริง ไม่รู้ฝูงนักท่องเที่ยวมาจากไหนกันเป็นร้อยเป็นพัน ชานชาลาเต็มไปด้วยคนจนแน่นไปหมด ตอนนั้นคิดแค่ว่าไม่หลงกับพี่ก็พอแล้ว เรามองหาว่าแล้วจะเปลี่ยนรถไป Fujikyu Railway ยังไงวะ ต้องซื้อตั๋วใหม่หรือเปล่า พอเห็นคนไปต่อแถวกันก็เลยคิดว่า อ๋อ คงต้องซื้อตั๋วใหม่ตรงนี้ (คิดเองอีก แหม) เรามองเวลาแล้วคิดในใจ จะทันขบวนนี้หรือเปล่าวะ ขณะที่ต่อแถวรออยู่พนักงานก็เดินมาขอดูตั๋วแล้วถามว่าตอนมามายังไง เราบอกว่าใช้ IC Card แปะเข้ามาแล้วโชว์ตั๋วที่ซื้อบนตู้ เขาก็บอกว่าใช้ IC Card แปะออกไปนอกสถานีแล้วแปะอีกครั้งเพื่อไปขึ้นรถไฟได้เลย สาสสสสสสสส แล้วกูจะต่อแถวทำไมเนี่ย พอเดินไปต่อแถวเพื่อแปะ IC Card จะออกนอกสถานี อ้าว เชี่ย ตังค์ไม่พออีก รถไฟก็ออกไปพอดี เราเลยบอกพี่ เออ งั้นขบวนถัดไปละกันเนอะ ขอเดินไปเติมตังค์แป๊บ พอเดินไปเติมตังค์เสร็จก็ตั้งสติได้ เราจะรีบทำไม รถไฟยังมีอีกตั้งหลายขบวน แค่ไม่ได้นั่งขบวนที่เป็นรถด่วนรูปฟูจิซังก็แค่นั้นเอง
พอเติมตังค์เสร็จก็เดินมากดไอ้นี่ออกมาขวดนึงนึกว่าเป็นนมช็อกโกแลต พอดูดี ๆ อ้าว นมกาแฟนี่หว่า แต่ก็อร่อยดี
หลังจากที่รถด่วนออกไปแล้ว ระหว่างรอรถไฟขบวนท้องถิ่น มันมีรถไฟหน้าตาบ้าน ๆ สีเงินแถบน้ำเงิน ออกเวลา 11:03 กับอีกขบวนที่จะออก 11:18 เรามอง ๆ แล้วก็ยังไม่แน่ใจว่ามันคือขบวนไหน แต่ขบวนสีเงินเห็นคนขึ้นกันเยอะจนเกือบเต็มแล้ว สักพักขบวนสีแดงก็มาจอด ซึ่งเราก็เดาว่า เฮ้ย ขบวนนี้ต้องออกตอน 11:18 แน่เลย เลยบอกพี่ว่านั่งขบวนนี้ดีกว่า แต่ก็ไม่มั่นใจอีกว่าใช่หรือเปล่า เลยเดินไปถามพนักงานว่านี่มันไปคาวากุจิโกะมั้ย นางก็ทำหน้าตื่นๆแล้วรีบชี้ไปที่ขบวนบ้าน ๆ ซึ่งกำลังจะออกพอดี เราเลยแบบ อ้าว… ต้องไปขบวนนู้นเหรอ พอขึ้นปุ๊บรถก็ออกทันที เลยต้องนั่งขบวนบ้าน ๆ ไป
พอรถไฟจอดปุ๊บคนวิ่งมาถ่ายกันใหญ่เลย (เราเองก็เช่นกัน) ลองมองเข้าไปข้างในแล้วมันดูเป็นรถไฟท่องเที่ยวจริง ๆ มีที่นั่งสวย ๆ ตอนแรกก็นึกเสียดายที่ไม่ได้นั่งขบวนสีแดงนี้ แต่พอนั่งขบวนบ้าน ๆ ดูแล้วก็ชอบเหมือนกันนะ
ตอนขึ้นรถไฟเห็นท้ายขบวนมันเต็ม หลายคนก็ยืน เราเลยลองเดินมาด้านหน้า ปรากฏว่า… อ้าว ก็ว่างนี่นา เราเลยเลือกไปนั่งใกล้ ๆ หัวขบวน
พอนั่งรถไฟไปสักพักก็เห็น…
เชี่ยยยยย ทำไมมันชัดขนาดนี้ ไม่ได้เตรียมใจว่าจะได้เห็นชัด ๆ T ^ T
นั่งดูข้างทางไปสักพัก เพิ่งระลึกได้ว่า อ้าว บ้านแถว ๆ นี้ถูกคลุมไปด้วยหิมะทั้งนั้นเลยนี่นา ตอนเห็นที่สถานีก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะมันเหมือนพวกน้ำแข็งในช่องฟรีซที่ละลายไม่หมด พอมาเห็นภาพทิวทัศน์รอบ ๆ ตัวปกคลุมไปด้วยสีขาวนี่มันสวยดีนะ นี่ก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็น
ยืนเกาะกระจกดูวิวไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายทาง
“เบิ่งซะให้เต็มตา” มาโกโตะไม่ได้กล่าว
เจอสถานีนี้มีภาษาไทยด้วย เห็นแค่สถานีนี้นะ สถานีอื่นเราไม่เห็น
นั่งสักพักก็มาถึงแล้ว เห็นรถด่วนจอดอยู่ที่สถานี คือนายไม่รอเราเลยอ่ะ ไม่ต้องมายิ้ม 55555
ถึงสถานีคาวากุจิโกะก็เที่ยง ๆ พอดี เลยมองหามื้อกลางวัน หันไปเห็นร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีเลยตัดสินใจเอาร้านนี้แหละ ใกล้ดี คนไม่ค่อยแน่นมาก
ตัวร้านอาหารอยู่ชั้น 2 เดินขึ้นบันไดไปทางขวา กินเสร็จแล้วให้ลงมาจ่ายตังค์ด้านล่างซึ่งเป็นร้านขายของฝาก เข้าไปในร้านเจอคนไทยกลุ่มนึง แล้วก็นักท่องเที่ยวจีน มองไปอีกด้านจะเห็นซาลารีมังกำลังจะสั่งอาหาร เราเลือกกินแฮมเบิร์ก โอยยยย อร่อยมาก เนื้อนุ่มมาก กินไปมองฟูจิซังไป
พออิ่มแล้วก็กลับมาตั้งต้นหน้าสถานีก่อน เอาไงดี เริ่มจากการฝากสัมภาระสำหรับคืนนี้ไว้ในล็อกเกอร์ละกัน เพราะแจ้งทางโรงแรมไว้ว่าจะเช็กอินประมาณ 4 โมงเย็น หลังจากนั้นก็ซื้อ 2 day pass เพื่อใช้นั่งรถบัสชมทะเลสาบ
แสงเยอะเกิน รู้สึกถ่ายรูปยาก 55555
ซื้อเสร็จก็มารอรถบัส เราได้นั่งคันนี้ ตอนแรกคิดว่า เออ… รถบัสญี่ปุ่นมันก็คงจะขับนิ่มนวลแบบญี่ปุ่นสไตล์ แต่… มันไม่ใช่อ่ะ เราว่าคนขับต้องเคยมาฝึกงานกับรถร่วมแน่ ๆ โอย นี่มันญาติสาย 8 ชัด ๆ เหวี่ยงทีนี่เซกันทั้งรถ เราว่าเราได้ฝึกฝนการยืนบนรถเมล์มาจากประเทศแห่งหนึ่งแล้วก็ยังไม่อาจยืนนิ่ง ๆ อยู่บนรถบัสคันนี้ได้ ฮรึก
รูปรถบัสนี่ถ่ายตอนขากลับ ท้องฟ้านี่คนละเรื่องกันเลย
หลังจากนั้นก็ไปเริ่มต้นที่ Rope Way ซื้อตั๋วต่างหากอีกคนละใบ
ระยะทางของกระเช้าไม่ยาวเท่าที่คิดนะ แล้วคนก็อัดแน่นเป็นปลากระป๋องเชียว แป๊บ ๆ ก็ถึงด้านบน
และแล้วก็ขึ้นมาถึงด้านบน คนเพียบเลย เราจะมองข้าม ๆ มันไปนะ ฟูจิซังอวดโฉมให้เห็นเต็มตาเลย สวยมาก ถ่ายยังไงก็ไม่สวยเท่าตาเห็น
ข้างบนหนาวแต่ไม่ถึงขั้นทรมาน เราเลยเดินไปซื้อดังโงะและชามา 1 เซ็ต มันหวาน ๆ เค็ม ๆ บอกไม่ถูกว่าอร่อยไหม พี่เราบอกว่าซอสมันเนี่ยคล้าย ๆ พวกซอสที่ใช้กับแซลมอนย่างซีอิ๊วเลยว่ะ 55555
ระหว่างที่นั่งกินก็หันไปเห็นดาดฟ้า(?)ของร้านขายของ เลยเดินขึ้นบันไดไปชมฟูจิซังอีกมุม โอ้โห สวยมาก สวยกว่าที่เมื่อกี้อีก
ฟูจิซังไถข้างด้วย เท่สึส (เดี๋ยว…)
มอง ๆ อยู่พี่เราก็บอกว่า ถ่ายให้เหมือนทานุกิกำลังชมฟูจิซังหน่อยสิ เราก็โอเค
ชมฟูจิซังจนสมใจแล้วก็ลงมาด้านล่าง มองซ้ายมองขวาไม่รู้จะทำอะไรต่อดี หันไปเห็นร้านนึงมีป้ายซอฟต์ครีมเลยเดินไปลองชิมหน่อยซิ เป็นซอฟต์ครีมน้ำผึ้ง อร่อยดีอะ
ระหว่างที่รอซอฟต์ครีมพนักงานก็เอาน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมาให้ชิม อร่อยมากกกกก พอลองมองไปรอบ ๆ ร้าน ร้านนี้ชื่อร้าน Sugi Bee เป็นร้านที่ขายผลิตภันฑ์จากน้ำผึ้ง มีตั้งแต่น้ำผึ้งผสมส้ม มะนาว เกรปฟรุต ขายทั้งแบบขวดและแบบซองใช้แทนไซรัปเลยก็ได้ พวกผลิตภันฑ์เกี่ยวกับหน้าก็มี สบู่ มาส์ก ครีม ขนมก็มี เดินไปเดินมาก็ได้ของออกมาจากร้านถุงนึงแบบงง ๆ
หลังจากนั้นก็นั่งรถคุณปู่ไปยงจุดชมฟูจิซังอีกจุดนึง คันนี้ขับไม่เหวี่ยงเท่าคันนู้น 555555
ก่อนมาเราไม่ได้คาดหวังจริง ๆ ว่าจะได้เห็นชัดขนาดนี้ ดีใจมากจริง ๆ ที่ได้เห็น รู้สึกว่าแค่นี้ก็มีความสุขละ
ลมแรงเหลือเกิน
รู้สึกเพลีย ๆ แล้วก็เลยนั่งรถกลับมาที่สถานี เอากระเป๋าที่ฝากไว้ เดินไปตรงอินฟอร์มเมชันบอกให้พนักงานช่วยโทรเรียกรถจากโรงแรมมารับให้หน่อย นั่งรอสักพักรถก็มารับ หน้าโรงแรมมีบอกชื่อแขกที่เข้าพักวันนี้ด้วย มีคนไทยหลายกลุ่มเลย
ตอนจองเลือกห้องแบบญี่ปุ่นไว้ อยากสัมผัสบรรยากาศเรียวกัง แม้จะเป็นห้องสูบบุหรี่ได้ก็ตาม ในห้องยังคงมีกลิ่นบุหรี่หลงเหลืออยู่ เครื่องฟอกอากาศคงไม่สามารถกำจัดกลิ่นทั้งหมดไปได้สินะ วิวจากห้องมองออกไปเห็นฟูจิซังด้วย เอาสิ เห็นตลอดเวลาแบบนี้ มองซะให้พอใจ
นั่ง ๆ นอน ๆ สักพักก็ได้เวลาอาหารเย็น ก่อนไปห้องอาหารก็แวะสำรวจล็อบบี้ ดูเหมือนเจ้าของจะชอบอะไรที่เป็นสไตล์ฝรั่งเศสนะ
มีเครื่องพิมพ์ดีดด้วย ห้ามจับนะ
เรากับพี่เลือกชุดอาหารแบบญี่ปุ่นไป จัดมาสวยงาม กินเป็นลำดับขั้นตอน อร่อยนะ แต่รู้สึกยาก
อันนี้อะไรไม่รู้ หน้าตาเหมือนลูกชิ้นทอดเสิร์ฟคู่กับพริกเกลือ
กลับขึ้นมาบนห้องเขาก็ปูที่นอนไว้ให้แล้ว
ความตั้งใจเดิมคือกะจะไปแช่ออนเซน แต่พอลองโผล่เข้าไปดู อ้าว มันเป็นแค่ห้องอาบน้ำรวม(ที่แยกชาย-หญิง) ไม่ใช่อ่างไม้หรือพวกอ่างกลางแจ้งอะไรพวกนี้ เลยคิดว่ากลับมาแช่ในห้องตัวเองก็ได้ เพราะขี้เกียจเดินออกมาแล้ว ตอนเปิดน้ำตั้งให้มันร้อนเกินไปหน่อย มีความสุกมากเกินไป เลยแช่ได้ไม่นานเท่าที่คิด พอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มานอนกลิ้ง พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้ามาชมฟูจิซังต่อ(?)
– จบวันที่ 3 –
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in