เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันเดินทางกลับแล้ว ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ
วันนี้ไฟลท์กลับของเราคือ18.20 น. ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น ถึงสุวรรณภูมิก็ประมาณ23.35 น. ทำให้เช้านี้ยังมีเวลาเดินเล่น+ช้อปปิ้งกันอีกหน่อย เรากับพี่เลยออกจากห้องพักกันตอนเช้า ซื้อข้าวปั้นและน้ำดื่มกะว่าจะไปนั่งกินมื้อเช้ากันในสวนอุเอโนะ ชมซากุระ และถ่ายรูปแมว
เป็นกิจกรรมที่ดีจริงๆ
เมื่อได้อาหารเช้าจากลอว์สันเพื่อนรักแล้ว เราก็เดินลากเท้าไปยังสวนอุเอโนะ เช้านี้อากาศไม่หนาวมากเกินไป แต่ก็ยังหนาวสำหรับมนุษย์เมืองร้อนอย่างเราอยู่ดี แต่... ถ้าเทียบกับเช้าวันที่ไปเฝ้าฟูจิซังนั้น วันนี้อากาศอุ่นไปเลย
ปากทางเข้าสวนมีซากุระบานอยู่2 ต้น ซ้าย-ขวา และเรารู้มาว่าเจ้า 2ต้นนี้มันบานก่อนต้นอื่นในสวนนะ แหม รู้งานจริง ๆ
นอกจากซากุระที่บานอยู่2 ต้นแล้วก็ยังมีโฮมเลสนอนเฝ้าอยู่ คงกลัวต้นซากุระหาย
พอเดินเข้าไปในสวนแล้วก็ปักหลักบนม้านั่ง กินข้าวปั้นไปชมซากุระไป เออ... เพลินดีเหมือนกันนะ ช่วงฟูลบลูมมันคงสวยมากๆ แน่เลย
กินเสร็จก็มาเดินส่องแมว เจ้าดำนี่เพิ่งเจอกันวันนี้
ไอ้ 3 ตัวเมื่อวานมันยังนอนกันอยู่ที่เดิม เฮ้ย ! ไม่ขยับกันเลยเหรอ จำศีลหรือไง
เดินมาอีกทาง เฮ้ยยยยยยย ใหญ่มาก นี่หมีหรือแมว /meแกล้งตาย
ดูจากลักษณะท่าทางแล้วเจ้าถิ่นแน่ๆ คุมที่นี่แน่นอน มีบาดแผลจากการปกป้องถิ่นตัวเองเป็นเครื่องยืนยัน
พอเดินย้อนกลับมาทางเดิน อ้าว 1 ใน 3 แก๊งก้อนลุกออกมาอาบแดด เลียเนื้อเลียตัว อ้วนปุ๊กเหมือนที่เคยเห็นในการ์ตูนเลย ฮือออออ
พักสายตาจากการส่องแมว แหงนขึ้นชมซากุระหน่อย
เราหันไปมองอีกด้าน อ้าว เจ้าหนวดที่เจอเมื่อวานนี่นา อยู่ๆ มันก็ลงไปนอนกลิ้งกับพื้น ผึ่งพุง โอ๊ยยยย อ้วนมาก คุณป้าคนนึงก็เดินเข้าไปเล่นกับมัน
สักพักมันก็เดินมาทางพวกเราแล้วนอนให้ลูบเนื้อลูบตัว โอ๊ยยยย ไหนเขาว่าแมวญี่ปุ่นหยิ่งไง เจ้านี่เป็นข้อยกเว้นสินะ
(ภาพนี้ถ่ายด้วยเลนส์18mm ใกล้มาก ไม่มีการซูมแต่อย่างใด เชื่องจริง ๆ)
พอเราไป ก็มีลุงคนนึงเดินเข้าไปเล่นกับมันต่อ เอ็งนี่มัน superstar แห่งสวนอุเอโนะสินะ
สรุปเจอแมวทั้งหมด 5 ตัว
หลังจากนั้นเรากับพี่ก็กลับโรงแรม เตรียมตัวเช็กเอาท์ ขากลับเห็นคนกำลังเดินทางไปทำงานพอดี
ป้ายนี่....
ความโรงแรมรับฝากกระเป๋าด้วยนะ แต่เรากับพี่ขี้เกียจเดินย้อนกลับมาแล้ว เลยเอากระเป๋าไปฝากที่ล็อกเกอร์หยอดเหรียญตรงสถานี หลังจากนั้นก็มองหน้ากัน ไม่รู้จะไปไหน ของก็ซื้อครบแล้วล่ะ ของฝากอื่น ๆค่อยไปหาซื้อเอาที่สนามบิน เลยคิดว่าลองนั่งรถไฟไป Asakusa หน่อยละกัน ไหน ๆ ก็มาแล้ว ไปดูแลนมาร์คหน่อยซิ
ขึ้นมาจากสถานีแล้วก็ลองเดินไปมั่วๆ อ้าว นี่มันตึกอึกับโตเกียวสกายทรี ถ่ายไว้หน่อยดีกว่า อ้าว (อีกรอบ)ย้อนแสง…
มีคนมายืนดูอยู่ประมาณนึง(มีนกบินผ่านด้วย) อ้าว เจอป้ายโอคาดะอีกแล้ว ถ่ายซะหน่อย 555555
หลังจากนั้นก็เดินแบบมั่วๆ เดินอ้อมด้วย ความจริงถ้าขึ้นจากสถานีเลี้ยวขวาเดินตรงไปเรื่อย ๆ ก็ถึงเลย แต่เราดันข้ามถนน คิดซะว่ามาเดินเล่นละกัน แวะเซเว่น เจอสตาร์บัคซากุระ ลองซื้อมากินดูมีเนื้อสตรอเบอร์รี่ผสมด้วย อร่อยดีนะ
ไอติมนี่ก็อร่อย ชอบมากอ่ะ
พอเดินออกมาจากเซเว่นก็เจอวัดโคมแดง โอ้โห คนเยอะมาก ยืนถ่ายจากฝั่งนี้แล้วก็เดินจากไป
เท่าที่เดินสำรวจย่านนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนเที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์ นักท่องเที่ยวจีนเยอะมาก เดินเข้าร้านขายยาไปพร้อมทัวร์จีนลงเขาทักทายเราเป็นภาษาจีนเลย โอ้ว อิเอะ ๆ ไทยจินเดส
เสร็จแล้วก็ไม่รู้จะไปไหนต่อดี เลยบอกพี่ว่ากลับกันดีกว่า เราไปกินโซบะหยอดเหรียญที่สถานี ออกมากินไอติมกูลิโกะ ขนาดเขาว่าของญี่ปุ่นอร่อยกว่าที่ไทยยังรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ว้าวเท่าไหร่นะ หรือเพราะอย่างอื่นที่กินมาอร่อยกว่า
พออิ่มท้องแล้วก็ลากกระเป๋าไปสถานี Keisei Ueno เพื่อเดินทางไป Narita ขากลับรู้สึกหวิวๆ มาก เชื่อว่าทุกคนคงเป็นแบบนี้แหละ (แค่คิดถึงกองงานที่รออยู่ก็สยองแล้ว) ระหว่างทางพี่เราหลับ ส่วนเรานั่งมองข้างทาง เหมือนอยากจะใช้สายตาบันทึกภาพเอาไว้ให้ได้มากที่สุด รถไฟวิ่งออกนอกเมือง บ้านเรือนก็เริ่มบางตาลงเรื่อย ๆ เราชอบจังหวะที่รถไฟผ่านแม่น้ำ และชอบที่สุดตอนที่รถไฟผ่านโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นวันจบการศึกษาพอดี เราเห็นเด็ก ๆกระโดดถ่ายรูปกันในสนามฟุตบอล มองดูแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ มันทำให้เรานึกถึงที่เคยอ่านเจอจากไหนสักแห่ง เขาบอกว่าคนญี่ปุ่นเชื่อว่าซากุระบานเป็นสัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นฤดูแห่งการเริ่มต้นใหม่ โรงเรียนแห่งใหม่ มหาวิทยาลัยใหม่ ที่ทำงานใหม่ และอะไรอีกมากมาย
ส่วนเราน่ะเหรอ เหมือนเดิมแหละ กลับไปทำงานที่เดิม แต่ที่เพิ่มเติมน่าจะเป็นปริมาณ
แต่การท่องเที่ยวครั้งนี้นอกจากจะเปิดหูเปิดตาแล้วยังทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจในการทำงาน เพื่อที่จะได้หาเงินมาเที่ยวอีก เราต้องได้เจอกันอีกนะ
(ขอให้มีโอกาสได้ใช้suica card อีก2 ใบด้วยเหอะ ไม่รู้จะเอาไปใช้ทำไรจริง ๆ)
พอเช็กอินเสร็จแล้วก็เดินเล่น เจอเจ้าสองตัวนี้ใส่ชุดโคกุมะจัง แล้วมีแค่สองตัวจริง ๆ ไม่มีอย่างอื่นเลย โคกุมะจังโซลเอาท์จริง ๆ ด้วย ฮือออ
แล้วพี่เราก็แวะABC Mart ได้รองเท้ามาอีกคู่ สมใจอยาก
เจอAnello ที่สนามบิน ราคาเท่าข้างนอก แต่แบบและสีน้อยมาก มีแค่นี้
เสร็จแล้วก็เข้าไปด้านใน ผ่านตม. และศุลกากร ตม.เคาน์เตอร์ 6 เทอร์มินัล 1 หน้าตาดี จัดว่าหล่อเลย รู้สึกอยากมีปัญหา (แต่อย่าดีกว่า) พอเดินมานั่งตรงเกท55 ได้สักพัก กะจะขอสักงีบก็ได้ยินเสียงประกาศให้ย้ายไปเกท 58A อ้าว อยู่ตรงไหนวะ เดินตามป้ายไปสิ โอ้โห ไกลมาก นี่มันเป็นส่วนต่อขยายนี่นา เหม็นใหม่สุด ๆ แต่ห้องน้ำสะอ๊าดสะอาด ชอบ
แล้วเราก็มากดตู้นี่เป็นตู้สุดท้ายก่อนกลับ กดชามาขวดนึง ชาคิรินเคยเข้ามาขายในไทยอยู่สักพักนึงนะ แต่เลิกไปแล้ว ไม่รู้ทำไม เราว่ามันอร่อยออก อร่อยกว่าเจ้าอื่นอีก ตอนมีที่ไทยเรากินบ่อยมากเลย เสียดายจัง
เก้าอี้ที่ท่าทางสบาย มีคนหลับด้วย ส่วนฝรั่งข้างหลังนั่นตั้งวงเล่นไพ่(ที่ไม่ใช่การพนัน) 555555555
ยืนมองดูเครื่องบิน อืม เราต้องกลับแล้วจริง ๆ สินะ บ๊ายบาย แล้วเจอกันใหม่
またね ~
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in