เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ฝึกงานอ่อป๊า ฝึกงานแล้วไงป๊ากลัวอะไรมันMarmalade on toast
EP.2 สัญญาลับ
  • 24-28 พฤษาคม 2565


            สวัสดีค่ะ ก็มาเจอกับ EP.2 ค่ะ ถ้ามีใครเอะใจว่าก่อนหน้าเป็น EP.0 ไม่ใช่เหรอ เก่งมากค่ะ เราขอมอบรางวัลคนช่างสังเกตให้คุณ ยกนิ้วโป้งให้หนึ่งที สาเหตุที่ EP.1 หายไป ก็เพราะว่าเราไม่อยากให้คนอ่านคาดหวังกับ EP.1 เยอะเกินไป ก็เลยแก้ปัญหานี้โดยการข้ามมา EP.2 เลยแล้วกัน รู้สึกสบายใจขึ้นเลยค่ะทุกคน (ฮา)
            หลังจากที่มีการพูดคุยกันในครั้งแรกมีการให้ลงชื่อเกี่ยวกับสัญญาของบริษัท ซึ่งก็เป็นปกติเกี่ยวกับการฝึกงานที่จะต้องมีการเซ็นยินยอมปกปิดความลับของบริษัท ซึ่งเรากับเพื่อนก็ตัดสินใจกันว่า จะให้พี่ที่ดูแลช่วยตรวจสอบข้อความที่ร่างไว้ ก่อนที่จะนำเนื้อหาที่เขียนไปลงบล็อกจริง ๆ เพื่อเป็นการป้องกันการเสียค่าปรับ ตัวเองจากความเผอเรอหรือไม่รู้จนเปิดเผยข้อมูลของบริษัทออกไป อีกทั้งยังเป็นการป้องกันไม่ให้ความลับของบริษัทรั่วไหลสู่สาธารณะชน ซึ่งตรงนี้ก็ต้องขอขอบคุณพี่เฟิร์นมาก ๆ ที่ให้ความช่วยเหลือ สำหรับบล็อกของเรา เราตัดสินใจว่าจะมีการอัพบล็อกหนึ่งครั้งในแต่ละอาทิตย์ เพราะว่าเราไม่อยากเพิ่มภาระให้พี่เฟิร์นด้วยการต้องเข้ามาช่วยตรวจทานข้อความที่เราร่างไว้ก่อนนำไปลงบล็อกเราบ่อย ๆ เลยตัดสินใจว่าทุก ๆ วันเสาร์จะส่งข้อความที่ร่างไว้ไปให้พี่เฟิร์นแล้วจะอัพลงบล็อกทุกวันอาทิตย์ ทั้งนี้อาจมีการคลาดเคลื่อนบ้าง ต้องขออภัยล่วงหน้า เชื่อว่าทุกคนให้อภัยกันได้ใช่ไหมคะ หงายการ์ดคนไทยให้อภัยกัน

            เข้าสู่เนื้อหาของการฝึกงาน ก็มีการพูดคุยกันก่อนว่าเรากับเพื่อน มีความสนใจด้านไหนเป็นพิเศษไหมอยากส่งงาน-ติดตามงานกันอย่างไร โดยเรากับเพื่อนก็ตัดสินใจว่าจะเป็นการนัดพูดคุยกันทุก ๆ สองวัน นั่นก็คือจันทร์ พุธและศุกร์ เพื่อให้ง่ายต่อการส่งงานแล้วก็การประเมินงาน ส่วนตัวไม่อยากรับงานอาทิตย์ต่ออาทิตย์เพราะว่าเป็นคนที่มีนิสัยชอบทำงานใกล้ Deadline ดังนั้นการส่งงานหรือนัดประเมินงานทุก ๆ สองวันจึงเป็นอะไรที่เรารู้สึกโอเคมาก ๆ งานแรกที่พี่เฟิร์นมอบหมายให้เราคือการไปศึกษาเกี่ยวกับ Vtuber แต่ละคนในค่ายว่ามีคาแรกเตอร์เป็นอย่างไร แต่ละคนมีจุดเด่นด้านไหน เราเริ่มจากหาข้อมูลคร่าว ๆ ว่ามีวีทั้งหมดกี่คน จากนั้นก็ไปไล่ดูคลิปวีดิโอของแต่คน เพื่อสังเกตจุดเด่นของแต่ละคน นอกจากจะเป็นการทำความรู้จักกับวีในค่าย ยังเป็นการฝึกการสังเกตและการคิดวิเคราะห์อีกด้วย
    ส่วนงานต่อมาเป็นงานที่สองก็มีการมอบหมายงานให้เรากับเพื่อนเนี่ยทำร่วมกันนั่นก็คือการเขียนบทละครคร่าว ๆ เป็น voice drama กำหนดหัวข้อ กำหนดแนวทางให้ตัวละคร (เช่น การทำใช้น้ำเสียง หรือการใช้ดนตรีประกอบ) ซึ่งคิดว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากทั้งเราและเพื่อนต่างก็เคยมีประสบการณ์การเขียนบทมาแล้วจากคาบเรียนวิชาการละคร แต่อาจจะยากตรงที่ต้องคิดคอนเทนต์ที่จะทำให้ Voice drama นี้ตลก หรือถูกใจผู้ชม เพราะกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่แค่เด็ก แต่เป็นกลุ่มวัยรุ่นจนไปถึงวัยทำงาน  โดยจะมีการนัดหมายพูดคุยกันอีกทีในวันจันทร์ถัดไปที่กำลังจะถึงนี้
              สำหรับการฝึกสอน พี่เฟิร์นก็ได้บอกว่าในอนาคตจะมีทีมงานคนอื่น ๆ ที่จะเข้ามาช่วยฝึกสอนงานด้วย โดยจะฝึกสอนด้านที่เราสนใจ โดยตัวเราเองก็มีความสนใจในด้านดนตรี การเขียนบทละคร การคิดคอนเทนต์ทั่วไป แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะฝึกและเรียนรู้ทุกอย่างเลย เพราะจะได้รู้ตัวเองว่าถนัดหรือชอบด้านไหน 

          เพิ่มเติมกันอีกสักนิดค่ะ บางคนอาจจะสงสัยว่า Voice drama คืออะไรนะ Voice drama จะมีลักษณะคล้ายกับ Drama CD ค่ะ  โดย Voice drama จะมีการอัดเสียงเป็นเรื่องสั้นหรือเรื่องยาว ระยะเวลาในการอัดแล้วแต่เนื้อหาและผู้เขียนจะกำหนด โดยผู้พากย์จะรับบทเป็นตัวละครแต่ละตัว ในเรื่องจะมีตัวละครกี่ตัวก็ได้ โดยการฟัง Voice drama จะทำให้ผู้ฟังรู้สึกถึงจินตนาการที่เกิดขึ้นได้โดยไม่มีภาพประกอบเพื่อเล่าเรื่องราวนั่นเองค่ะ สำหรับการเผยแพร่ก็ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้ต้องการเผยแพร่ต้องการ


    สำหรับตัวอย่างของ Voice  drama ที่นำมาประกอบ จะมีลักษณะเป็นเรื่องสั้น 

    สำหรับวันนี้ก็มีประมาณนี้ค่ะ ไว้เจอกันใหม่ค่ะ  


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in