สวัสดีค่ะทุกคน

          เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยพบเจอปัญหาบนใบหน้าที่คอยกวนใจอย่างสิว ไม่ว่าจะเป็นสิวผด สิวอักเสบ สิวอุดตัน ฯลฯ ยิ่งในช่วงที่ต้องใส่แมสก์ออกไปข้างนอกตลอดเวลาในสภาพอากาศที่อบอ้าวแล้วก็ยิ่งจะเห่อกันไปใหญ่ นอกจากนี้ ช่วงประจำเดือนที่ฮอร์โมนเปลี่ยนก็จะยิ่งทำให้สิวปะทุเดือดหนักเข้าไปอีก สำหรับเราที่เป็นสิวมาครึ่งชีวิตมันไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาด้านความสวยงามและภาพลักษณ์เท่านั้น แต่ยังทำให้เจ็บคันที่ใบหน้าจนบางครั้งถึงขั้นนอนไม่หลับกันเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ทำให้ต้องพยายามลองผิดลองถูก ทดลองสกินแคร์มามากมาย บ้างก็ดีบ้างก็หน้าพัง แต่สุดท้ายหนึ่งปีผ่านไปก็ประสบความสำเร็จกับการรักษาหน้าด้วยตัวเองจนได้ ด้วยฝีมือของสกินแคร์ราคาจับต้องได้ (เมื่อลดราคา) และ skincare routine ที่จะแนะนำต่อไปนี้ค่ะ

ก่อนอื่นขอลงรูปหน้าตัวเองแบบ before& after ให้ดูก่อนนะคะ (แสงจะต่างกันเพราะถ่ายคนละที่และคนละเวลา) 

          ขอบอกก่อนว่าเราเป็นคนที่หน้ามันรูขุมขนกว้าง เป็นสิวง่าย อุดตันง่าย การลงสกินแคร์เนื้อครีมหรืออะไรที่ข้น ๆ ทับกันหลายชั้นจะเสี่ยงต่อการอุดตันและนำมาสู่การเกิดสิวเพราะฉะนั้นถ้าใครมีปัญหาผิวแบบเราไม่แนะนำให้โบกครีมนะคะ! (เคยเป็นมาแล้วแถมยังรักษายากด้วย TT) ในส่วนต่อไปจะเป็นรายชื่อสกินแคร์และลำดับการลงสกินแคร์ที่เราใช้ หลัก ๆ จะเน้นการทำความสะอาดหน้าและรักษาสิวเป็นหลักแล้วก็บำรุงอีกนิดหน่อย ถ้ายังไงก็เชิญเลื่อนต่อได้เลยค่า

SKINCARE LIST

สกินแคร์ทั้ง 10 ชิ้นที่เราใช้ค่ะ *ภาพที่ 1 และ 2 ยืมมาจากอินเทอร์เน็ตเพราะยังไม่ได้ซื้อเพิ่ม* 

♡รายชื่อสกินแคร์ ราคา และคำอธิบายเบื้องต้น (เรียงตามลำดับเลข)

Note: บางครั้งถ้าซื้อในเว็บขายสกินแคร์ร้านขายเครื่องสำอาง ดรักสโตร์ หรือซื้อเป็น Starter Kit มักจะได้ส่วนลดและราคาถูกกว่าเดิม ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นในแต่ละช่วงค่ะ

Note 2: ราคาตามด้านล่างให้เป็นราคาเต็มที่ยังไม่ผ่านโปรโมชันใดๆ

1. Eucerin Pro Acne Solution & Makeup Cleansing Water (729 บาท /200 ml.)

ตัวนี้เป็นคลีนซิ่งที่เราชอบที่สุด (เขาเคลมว่าสร้างมาเพื่อเรื่องสิวโดยเฉพาะ) และการเช็ดหน้าด้วยคลีนซิ่งไม่จำเป็นต้องเช็ดแค่วันที่แต่งหน้านะคะ โฟมล้างหน้าไม่สามารถล้างอะไรก็ตามบนใบหน้าเราออกได้จนหมดเกลี้ยง 100% แน่นอน ดังนั้นคลีนซิ่งเลยเป็ฯไอเทมที่สำคัญมาก ๆ

2. Clinda - M (59 บาท / 15 ml.)

          ยาน้ำแต้มสิวในตำนานที่เราเพิ่งมาเบิกเนตรหลังเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ เป็นอะไรที่ซึมไว ไม่เหนอะหน้าเพราะเนื้อสัมผัสเป็นน้ำ แถมยังใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น รวม ๆ คือสินค้าราคาถูกและดีที่แท้จริงค่ะ

3. Senka Perfect White Clay (79 บาท / 50 g.)

โฟมล้างหน้าที่คุ้นตากันดี เนื้อสัมผัสของตัวนี้จะนุ่ม ๆ บีบนิดเดียวตีฟองได้เต็มมือ หลังใช้หน้าไม่เอี๊ยดจนเกินไปแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีความมันตกค้างอยู่ เหมาะกับคนหน้ามัน ตัวนี้หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปค่ะ

4. Banana Boat Simply Perfect Aqua Daily Moisture (390 บาท / 50 ml.)

          บานาน่าโบ้ทในตำนานตัวจริงด้านการกันแดด ทุกคนน่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงของตัวครีมทาผิวหลอดสีส้มที่กันได้แม้กระทั่งแดดทะเลเผา แต่ว่าตัว Aqua ของทางแบรนด์จะเป็นสูตรที่ใช้ทาหน้าได้ค่ะของเราเลือกใช้เป็นสูตร Daily Moisture เพราะเคยใช้สูตร Long Wear แล้วรู้สึกหน้ามันง่ายไปนิดนึง

5. Burnova Gel Plus Plankton (75 บาท / 25 g.)

          ตัวนี้เห็นรีวิวมาจากเว็บรีวิวบวกกับในทวิตเตอร์อีกทีค่ะ ซื้อมาลองใช้เพราะคิดว่าราคาถูกและดูไม่น่าจะเป็นอันตรายกับหน้าเรามากเพราะมันเป็นเจลว่านหางจระเข้ ปกติเราจะใช้เวลาที่รู้สึกว่าหน้าลอกเป็นขุย โดนแดดจัด หรือเวลาที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหน้า

6. GaldemarBenzac AC 5% (140 บาท / 15 g.)

          เบนแซคในตำนานที่มักจะมาควบคู่กับคลินดา-เอ็ม อันนี้ไม่เชิงเป็นสกินแคร์แต่เป็นยาสำหรับแก้ปัญหาสิวโดยเฉพาะดังนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้งานนะคะ ปกติจะมีเบนแซค 2.5% และ 5% ตามระดับความแรง เราเริ่มจากใช้ 2.5% ก่อนแล้วค่อยขยับไป 5% เพราะตัวยามันแรง ใช้แล้วจะทำให้สิวค่อย ๆ ผุดเห่อขึ้นมาและหายไปเอง (ดันสิว) หากใช้เป็นประจำส่งผลให้หน้าบางลง แนะนำว่าให้ใช้เท่าที่จำเป็นและต้องทาครีมกันแดดเวลาออกไปข้างนอกทุกครั้งนะ

7. St.Ives Fresh Skin Apricot Scrub (29 บาท / 28 g.)

สครับตัวนี้บังเอิญได้หลอดเล็กมาจากวัตสันก็เลยลองเอามาใช้ดูค่ะ ส่วนตัวคิดว่าเม็ดสครับใหญ่ไปนิดนึงเลยทำให้บาดหน้า เราใช้แค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งหลังล้างหน้า (สำหรับสครับ สามารถเลือกใช้สูตรหรือแบรนด์ตามที่ชอบได้เลยนะคะ บางคนอาจชอบเม็ดสครับใหญ่ บางคนอาจชอบเม็ดสครับเล็ก อันนี้แล้วแต่เทสต์ของแต่ละคนเลย)

8. Thayers Witch Hazel Toner Rose Petal (690 บาท / 355 ml.)

เห็นราคาแล้วอย่าเพิ่งตกใจค่ะเพราะซื้อที่เดียวใช้ได้นานมาก (ทางนี้ใช้มาครึ่งปีแล้วยังไม่หมด แล้วก็ไม่รู้จะหมดตอนไหนด้วย) ช่วงแรกเราไม่ค่อยชอบกลิ่นของมันเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยชอบกลิ่นกุหลาบ แต่สักพักก็ชินไปเอง ตัวนี้ไม่มีแอลกอฮอล์ค่ะ คนที่แพ้แอลกอฮอล์ในสกินแคร์ใช้ได้ เพราะมันจะถนอมผิวหน้าเรา ช่วยลดการเกิดสิว แล้วยังทำให้รูขุมขนบนหน้าเล็กลงนิดหน่อยด้วย โดยสามารถใช้เป็นโทนเนอร์ได้ หรือจะใส่สำลีเอามาโปะหน้าก็ได้เช่นกัน

9. Hatomugi Skin Conditioner (350 บาท / 500 ml.)

โลชั่นอันนี้ดังในทวิตเตอร์มากกกกก เสียงลือเสียงเล่าอ้างจากทุกคนบอกว่าถูกและดี ควรมีเก็บไว้เป็นสกินแคร์กันตายแถมยังสารพัดประโยชน์สุด ๆ เพราะเป็นได้ทั้งโลชั่น น้ำตบ โทนเนอร์ เอามาเทใส่สำลีโปะเป็นมาสก์หน้ายังได้ (ซึ่งมันก็ใช้ได้จริง ๆ) สำหรับเรามันเป็นสกินแคร์ที่ใช้ให้รู้ว่าใช้ ไม่รู้ว่ามันบำรุงอะไรตรงไหน แต่ความรู้สึกคือต้องใช้ทุกวันให้สมกับฉายาน้ำตบสามัญประจำบ้านค่ะ

10. MadagascarCentella Ampoule (690 thb / 55 ml.)

Ampoule คือสกินแคร์ที่คล้าย ๆ กับ Essence และ Serum แต่จะมีความเข้มข้นมากกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าทั้งในแง่ของการบำรุงและความไวของผลลัพธ์ อธิบายง่าย ๆ คือแอมพูลเป็นขั้นกว่าของเซรั่มและเอสเซนส์ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากบำรุงแบบเร่งด่วน ไม่ชอบรอ รอไม่เป็น (เช่นเรา) เราเคยใช้แค่ตัวเดียวและเป็นตัวแรก ซึ่งก็คิดว่าคิดถูกแล้วที่ซื้อตัวนี้มาเพราะใช้ดีจริง ๆ โดยปกติจะช่วยกู้หน้าพัง ลดรูขุมขน และทำให้หน้าชุ่มชื้นขึ้นค่ะ

♡ MORNING SKINCARE ROUTINE

          ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่ต้องออกไปใช้ชีวิตท่ามกลางแดดเปรี้ยงของประเทศไทย ดังนั้นเราเลยคิดว่าควรเน้นการทาครีมกันแดดมากกว่าการทาครีมอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุให้อุดตันเพิ่ม (ลำพังครีมกันแดดก็หนาพอตัวอยู่แล้ว ต่อให้จะเป็นสูตรบางเบาขนาดไหนก็ตาม) นอกจากนี้ บางครั้งยังต้องแต่งหน้าอีก สำหรับเรา ตื่นเช้ามาจะล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า ล้างเสร็จยังไม่ต้องเช็ดหน้าที่เปียก ๆ นะคะ แต่ให้เอาโทนเนอร์เหยาะใส่สำลีแล้วเช็ดย้อนรูขุมขนขึ้นไป (ตามสูตรของจองยอน TWICE ขอบคุณพี่จองยอนมา ณ ที่นี้ค่า) หลังจากเสร็จธุระกับโทนเนอร์แล้วสามารถแต้มสิวได้เลยค่ะ ยาแต้มจะมีลักษณะเป็นน้ำ สามารถเทใส่ฝ่ามือแล้วค่อยแปะ ๆ บนใบหน้าได้ แต่ถ้าเกิดว่าสิวกำลังเห่อจะรู้สึกแสบจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อย ทาแล้วให้ทิ้งไว้สักพักแล้วจึงปิดท้ายด้วยครีมกันแดดค่ะ (ครีมกันแดดควรทาทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาทีก่อนออกจากบ้านเพื่อประสิทธิภาพที่ดีนะคะ)

♡ NIGHT SKINCARE ROUTINE

          การล้างหน้าช่วงกลางคืน จำเป็นอย่างมากที่ต้องล้างให้สะอาดเพราะเราเจอฝุ่นและมลภาวะมาทั้งวัน อีกทั้งเครื่องสำอางและครีมกันแดดที่มันติดค้างอยู่บนใบหน้า ขั้นแรก เราใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอางให้สะอาดก่อน จากนั้นทาเบนแซคบาง ๆ ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-30 นาทีแล้วค่อยล้างออก (ถ้าเพิ่งเริ่มทาครั้งแรก ๆ แนะนำว่าให้ทาทิ้งไว้ 10 นาทีก่อน ครั้งต่อไปค่อยเพิ่มเวลาขึ้น) หลังจากนั้นล้างหน้าให้สะอาดอีกรอบด้วยโฟมล้างหน้าและปิดท้ายด้วยการสครับ (สครับแค่ 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ก็พอค่ะ)

         แล้วก็มาถึงขั้นตอนของการโปะสกินแคร์ อันดับแรกให้ใช้น้ำตบลูกเดือยเทใส่สำลีแล้วเช็ดหน้าในขณะที่หน้ายังไม่แห้งสนิท ใช้ให้เหมือนเป็นโทนเนอร์เลยค่ะ พอเช็เสร็จแล้วให้ต่อด้วยแอมพูล ค่อย ๆ นวดหน้าให้มันซึมเข้าไปในผิว ทิ้งไว้สักพักแล้วตามด้วยยาแต้มสิว จากนั้นก่อนที่เราจะนอนให้เอาเจลว่านหางจระเข้มาผสมกับโทนเนอร์และทาที่หน้าแทนการมาสก์หน้าได้เลย ตรงขั้นตอนนี้จะมีประโยชน์คือทำให้เราผ่อนคลายและเพิ่มความชุ่มชื้นอีกด้วย ยิ่งถ้าเอาเจลว่านหางจระเข้แช่ไว้ในตู้เย็นก่อนแล้วค่อยเอามาผสมโทนเนอร์ทาหน้าก็จะเพิ่มความเย็นสบายเข้าไปอีกค่ะ

          ทั้งหมดที่เราแนะนำไปข้างต้นเป็นความรู้สึกและผลลัพธ์ที่ได้โดยส่วนตัวนะคะ สกินแคร์เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับบุคคลเพราะสภาพผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจหน้าแห้ง บางคนอาจหน้ามัน สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักผิวและเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตัวเอง รู้จักให้เวลากับมัน ส่วนตัวแล้วตอนนี้หน้าเราอาจยังไม่ดีทั้งหมด (เหลือพวกรอยดำเก่า ๆ) แต่ว่าผลลัพธ์ที่ได้ในตอนนี้ก็เป็นที่น่าพอใจมากแล้วค่ะ

สุดท้ายนี้ก็หวังว่าบทความของเราจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ

สวัสดีค่ะ

♡

ปล. ถ้าหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามได้ทาง DM twitter: @momostatham ได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคำถามเลยค่า   

Sources:

https://www.cosmenet.in.th/

https://www.eucerin.co.th/products/proacne/micellar-water-200ml