รู้หรือไม่ โรคหัวใจขาดเลือดเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ซึ่งข้อมูลนี้มาจากองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยจากรายงานขององค์การอนามัยโลกในปี 2559 พบว่าผู้คนจากทั่วโลกเสียชีวิตปีละประมาณ 57 ล้านคนโดยสาเหตุโรคหัวใจขาดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 มีตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 9.2 ล้านคน เมื่อมองกลับมาในประเทศไทย ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) คาดว่าในปี 2560 คนไทยมีแนวโน้มป่วยด้วยโรคหัวใจขาดเลือดถึง 326,946 คน เรียกว่าโรคที่เกี่ยวกับหัวใจเป็นโรคที่เราประมาทไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนในประเทศไทย

ซึ่งสาเหตุของโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่ทั้งปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ อย่างเช่น กรรมพันธุ์ อายุ เพศ ไปจนถึงปัจจัยที่ควบคุมได้ ซึ่งปัจจัยนี้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้กระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจ เช่น น้ำหนักเกิน มีไขมันในร่างกายสูง การสูบหรือสูดดมควันบุหรี่ และการรับประทานอาหารโดยไม่สนใจโภชนาการ เช่น อาหารที่มีไขมันสูง ของหวานหรืออาหารปรุงรสเน้นหวาน อาหารที่มีรสเค็ม เพื่อป้องกันโรคนี้จึงจำเป็นต้องบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพและดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ นอกจากสองปัจจัยที่กล่าวมา อายุที่เพิ่มมากขึ้นก็มีส่วนให้เกิดโรคเช่นกันเพราะยิ่งมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะเกิดไขมันเกาะที่ผนังหลอดเลือด

ข้อบ่งชี้อาการของโรคที่เกี่ยวกับหัวใจซึ่งอาจสังเกตได้จาก มีอาการหอบจนตัวโยน ใจสั่นและหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีอาการเหนื่อยตอนที่ออกกำลังกายมากกว่าปกติ เป็นลมหมดสติบ่อยๆ เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก รวมไปถึงปลายนิ้วมือ ปลายนิ้วเท้า และริมฝีปากมีสีเขียวคล้ำ หรือหัวหยุดเต้นกะทันหัน ซึ่งหากต้องการไปที่โรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ช่วยวินิจฉัยก็สามารถทำได้ โดยแพทย์มักเริ่มด้วยการตรวจร่างกายเบื้องต้นก่อน สอบถามอาการที่เกิดขึ้น ประวัติการเจ็บป่วยที่ผ่านมา รวมถึงบุคคลในครอบครัวที่เคยป่วยเป็นโรคหัวใจเนื่องจากเป็นโรคที่ส่งผ่านทางกรรมพันธุ์ จากนั้นจึงทำการพิจารณาความเป็นไปได้ ซึ่งขั้นตอนถัดไปอาจเป็นการตรวจเลือด เอกซเรย์หน้าอก ตรวจหัวใจด้วยเครื่อง CT Scan หรือ MRI ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจบันทึกการทำงานของหัวใจ หรือตรวจด้วยการสวนหลอดเลือดหัวใจ 

การป้องกันโรคหัวใจด้วยตนเองทำได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและคอยตรวจร่างกาย เพื่อเช็กระดับความดันและไขมันในเลือด เลือกทานอาหารอย่างผัก ผลไม้ ธัญพืช และลดปริมาณไขมัน โซเดียม และน้ำตาลให้น้อยลง และออกกำลังกายควบคู่ไป นอกจากนั้นความเครียดและความเศร้าก็เป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นโรคนี้เช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้โรคหัวใจมาเยือนในวันที่เราไม่พร้อม ดูแลตัวเองทั้งสุขภาพจิตให้แจ่มใสและสุขภาพร่างกายแข็งแรงตั้งแต่ตอนนี้เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าในวันข้างหน้า