เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
What I watchedDetached Girl
Thank you, Ted Lasso
  • Thank you, Ted Lasso, for changing my life

    เป็นประโยคที่เลี่ยนและ cliche มาก 555 ถ้าเท็ดมาได้ยินคงจะแบบ Come now, we're not living in a rom-com movie, aren't we? แต่จากใจจริงๆ คือ อยากเขียนอะไรถึงโชว์ Ted Lasso ซักหน่อย เป็นโชว์ใน Apple TV+ ที่มีจุดเริ่มต้นมาจาก NBC skit เกี่ยวกับเท็ด โค้ช American football ที่ถูกจ้างใช้มาเป้นโค้ชฟุตบอล (aka soccer) ในอังกฤษ ซึ่งแบบ แค่ได้ยินก็การันตีความตลกและวุ่นวายแล้ว แต่จริงๆ แล้ว Ted Lasso มีดีมากกว่านั้นมาก

    มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิต

    เลี่ยนอีกแล้ว ฟังดูดราม่ามาก555 ยืนยันว่า Ted Lasso เป็นโชว์ตลกจริงๆ นะ5555 แบบ ฮาแตกทุกตอน แต่ก็เหมือน old-time saying มั้งที่ว่า life is nothing but a big messy joke โค้ชชาวเมกาที่ต้องมาอยู่อังกฤษ เรียนรู้วัฒนธรรมและอาชีพใหม่หมด ไม่ได้แค่นั้น ยังมีเจ้าของสโมสรสาวที่ตั้งใจทำลายทีมที่เป็นของอดีตสามีมาก่อน นักเตะวัยปลดสตั๊ดที่เคยเป็นตัวท็อป นักเตะตัวท็อปที่เล่นฟุตบอลด้วยความรักและความเกลียด (ไม่ใช่แค่นั้น เรามีนักเตะ ativist, นักเตะเกย์, นักเตะพลังบวกเหลือล้น, นักเตะชาวฮอลแลนด์, ฯลฯ) และเทพโค้ชฟุตบอลตัวจริงที่รอคอยการค้นพบ It's a mess. It's a freaking mess.

    But it's life

    Ted Lasso ไม่ใช่โชว์ของ Ted Lasso แต่เป็นโชว์ของทุกคน ของ AFC Richmond สโมสรไก่รองบ่อนที่อยู่นอกสายตา ตลอดสามซีซันของโชว์พาเราไปทำความรู้จัก สนิทสนมกับประเทศอังกฤษ (unfortunately) วัฒธรรมฟุตบอล (in case no one already knows it) สโมสร ผู้บริหาร โค้ช และนักเตะแต่ละคน ทุกสิ่งทุกอย่างประกอบกันทำให้โชว์นี้สมบูรณ์ และทำให้ Ted Lasso กลายเป็นหนึ่งคนที่เรารู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้มีโอกาสรู้จักเขา


    สิ่งหนึ่ง (one of the many) ที่เราชอบสำหรับ Ted Lasso ก็คงเป็นเรื่องที่มันไม่ได้เกี่ยวกับ Ted Lasso per se คือ ในตอนสุดท้าย เท็ดก็ไม่ได้กลายเป็นเทพนักโค้ชแบบ Sir Ferguson แต่อย่างใด และเท็ดก็ไม่ได้เป็น the savior ที่ทีม AFC Richmond ไม่สามารถขาดได้ แต่เท็ดทำให้ทุกคน (รวมถึงคนดูแบบเรา) โตขึ้น ด้วยการที่เท็ดเองก็เติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กับเรา พร้อมๆ กับรีเบคก้า รอย เจมี่ เนท คีลี่ย์

    ตลอดการเดินทางของเรากับโชว์นี้เรียกได้ว่าเราไม่ได้รู้สึก dissociated เลย จริงอยู่ที่ซีรีส์เรื่องนี้เกี่ยวกับ positivity และ life trajectory แต่มันไม่ได้มุ่งไปแค่ข้างหน้าและทำให้รู้สึกว่าคนที่ไปข้างหน้าไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยว For what's worth ตัวละครใน Ted Lasso (และ, to be fair, AFC Richmond itself) ล้มลุกคลุกคลาน สะบักสะบอม ไปหน้าสามก้าวถอยหลังสองก้าว บางทีถอยหลังโดยไม่ได้ไปข้างหน้า และบางทีหยุดอยู่ที่เดิม เคลื่อนที่ไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายมันตอกย้ำว่า we can move forward, if we do it together เราโอบอุ้มความผิดพลาดของกันและกัน เรากอดปลอบกันในวันที่เสียใจ หัวเราะตะโกนในวันที่ดีใจ และในวันที่เจอกับการเปลี่ยนแปลง เราแค่ต้องการใครซักคนไว้ยึดเหนี่ยวให้อุ่นใจว่าเราไม่ได้ตัวลำพัง

    It’s funny to think about the things in your life that can make you cry just knowing that they existed...

    ในช่วงซีซันสุดท้ายของ Ted Lasso (ซึ่งเป็นซีซันของการคว้า Premier Leage title ของ AFC Richmond พอดี - สำหรับคนที่งงพวกลำดับขั้นฟุตบอล เราก็งง แต่เท็ดเองก็งงดังนั้นก็ไม่เป็นไรหรอก) เรียกได้ว่าเป็น one of the best moment ของโชว์นี้เลย ธีมการดำเนินเรื่องแข็งแรง ตัวละครหลายคนมี major breaktrough เราจะไม่สปอยล์ว่าเท็ดลาสโซจบยังไง ทีมได้ไปต่อใน Champion League ม้ั้ย (again - เรางงลำกับขั้นมาก แต่ปล่อยๆ มันไป) แต่ซีซันนี้จบสมบูรณ์มากในตัวมันเอง เพราะมันจบด้วยการเปลี่ยนแปลง เหมือนกับที่มันเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลง

    It’s funny to think about the things in your life that can make you cry just knowing that they existed, can then become the same thing that make you cry knowing that they’re now gone. I think those things come into our lives to help us get from one place to a better one.

    And that brings us the conclusion of this forum, my tribute to Ted Lasso, to AFC Richmond ขอบคุณที่ได้รู้จักกัน และขอบคุณที่ทำให้เรากลายเป็นคนที่ดีขึ้น ไม่ว่าหลังจากนี้สถานะของสโมสรจะเป็นยังไง หรือตัวเราจะอยู่ในจุดที่ดีขึ่้นหรือแย่ลงในชีวิตนี้(5555) I'll never forget that we have each other

    I believe that


    ป.ล. edit สุดท้ายละ555 คืออยากจะพูดถึง another strong theme ใน Ted Lasso นอกเหนือจากเรื่องการเชื่อมั่นและเชื่อใจในตัวเองและคนรอบข้าง อีกสิ่งหนึ่งที่อัดแน่นเต็มเปี่ยมตลอดสามซีซันคือความรัก literally how is this show full of love this much?? ทั้งความรักในตัวเอง รักงาน รักเพื่อนร่วมงาน เพื่อนนอกงาน รักครอบครัว เต็มไปด้วยความรักแบบ romantic/platonic แล้วเป็น subtheme ที่แข็งแรงมากตั้งแต่ต้นจนจบซีเควนซ์สุดท้ายของซีรีส์ จนสุดท้ายพอเรามองย้อนกลับไปในตัวซีรีส์ ก็เจอแต่ความรัก ที่ชนะความอ่อนแอ ความกลัว อคติ และความเกลียดชัง

    here's to love :)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in