เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บทความอันหาสาระไม่ได้robinismind
รีวิวหนัง Matthias & Maxime แด่ มิตรภาพ ความรักและการจากลา

  • แด่ มิตรภาพ ความรัก และการจากลา 




     * ตัวผู้เขียนขอบอกตรงนี้ไว้ก่อนเลยว่าหากข้อความตรงไหนที่ดูอวยเกินหรือเวิ่นเว้อไปหน่อยก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะตัวผู้เขียนเป็นแฟนตัวยงของผู้กำกับเรื่องนี้ Xavier Dolan



           เรื่องย่อ : เล่าเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนสนิท ตัวเอกชื่อ แมทซิม (หนุ่มปานแดงที่หน้า เขานี้ละคือผู้กำกับของเรื่อง ) เขาได้ไปปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อนและจู่ๆน้องสาวของงเพื่อนที่กำลังถ่ายหนังสั้นก็มาขอให้ แมทซิม ช่วยแสดงให้เธอหน่อย เพราะนักแสดงตัวจริงดันป่วยจนแสดงไม่ไว้ แมทด้วยความเป็นคนใจดีเลยตกปากรับคำ แต่น้องสาวเจ้ากรรมยังต้องการนักแสดงเพิ่มอีกคน เพราะฉากที่เธอจะถ่ายเป็นฉากคู่ พี่ชายเจ้าของงานปาร์ตี้เลยเสนอให้ แมทธิอัส แสดงคู่กับแมทซิม แต่สิ่งที่ทั้งคู่ไม่รู้เลย ฉากนั้นพวกเขาต้องจูบกัน และนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกที่เปลี่ยนไปตลอดกาลของพวกเขา




           พอดูจบ ความรู้สึกมันแบบว่า อื้มมมมมม .... อธิบายยากอ่ะ มันเหมือนยืนอยู่ตรงกลางระหว่างมิตรภาพแบบเพื่อนกับการตกลงหลุมรัก หนังไม่ได้นำเสนอแบบสุดไปด้านใดด้านหนึ่ง


        

           แต่เลือกที่จะถนอมความรู้สึก อบอวลไปด้วยบรรยากาศของหนังแบบมิตรภาพของเพื่อน เสียงหัวเราะ ความเชื่อใจ เคียงข้างกันเสมอแบบเพื่อนตาย สไตล์แบบ coming of age  และสอดแทรกความรู้สึกตกหลุมรักแบบหวานละมุนละไมลงไปเป็นช่วงๆให้ชวนติดตามและทิ้งทายด้วยความรู้สึกอุ่นในใจและปวดร้าวในเวลาเดียวกันเหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน





               ต่อากนี้ถ้าใครยังไม่ได้ดูอาจจะขอให้ข้ามไปก่อนเพราะเราจะวิเคราะห์ตัวละคร ซึ่งมี เนื้อหาสำคัญอยู่ด้วยแต่ถ้าอยากอ่านก็ได้


           ตัวละครที่ชอบที่สุดในเรื่องก็คงหนีไม่พ้นตัวเอก แมทซิม นั้นเอง  แมทซิมมีเอกลักษณ์ชัดเจน เขาซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองมาก ไม่ว่าความรู้สึกนั้นจะซับซ้อนเพียงใด แมทซิมเป็นตัวละครที่ไม่สนเหตุผลของความรู้สึกทางอารมณ์แบบ แมทธิอัส แต่เขาเลือกจะลุ่มหลงและชื่นชมแทนการปฎิเสธ ซึ่งเป็นเสน่ห์ของตัวละครอย่างมาก เพราะทุกอารมณ์นั้นจะแสดงออกทางแววตาท่าทางชัดเจน การยอมรับว่าตัวเองตกหลุมรักเพื่อนสนิทและไม่กลัวแม้จะต้องเสียมิตรภาพนั้นไปต้องใช้ความกล้าหาญเป็นอย่างมาก 




           อีกอย่างที่ไม่พูดไม่ได้เลยนั้นคือเรื่องการใช้สัญลักษณ์ ปานแดงบนหน้า บ่งบอกสิ่งที่อยู่ในใจของตัวละครแมทซิม แมทซิมเป็นตัวละครที่มีชีวิตน่าสงสาร เขามีแม่ที่รักเขาน้อยกว่าพี่ชายหรืออาจไม่รักเลย แถมแม่ยังไม่เอาไหนเป็นภาระของลูกในทุกทาง แมทซิมต้องค่อยดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง การเงินก็ย่ำแย่เรียกว่าจนเลยก็ได้ 




           แถมตัวเขาก็ต้องกระเบียดกระเสียดเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นนั้นคือการไปทำงานที่ออสเตรเลีย จะเห็นความชัดเจนนี้ได้จากฉาก ที่เขาส่องกระจกห้องน้ำในคลับด้วยความรู้สึกโกรธเคืองในชีวิตและในกระจกนั้นปานแดงบนหน้าของเขาหายไป มันเปรียบเสมือนความในใจของแมทซิมที่อยากให้ทุกอย่างที่บัดซบในชีวิตเขาหายไปเหมือนปานแดงบนใบหน้าที่เขาไม่เคยชอบมันเลย





           และความหมายของปานแดงในอีกด้านนั้นคือ ความรู้สึกพิเศษของแมทธิอัสที่มีต่อแมทซิม ในสายตาของแมทธิอัสนั้นปานแดงนั้นไม่ใช่ความน่าเกียจหรือรอยตำหนิในแบบที่แมทซิมมองตัวเอง แต่ปานแดงนั้นคือความสวยงามและน่ามองและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ใครก็ไม่อาจมีได้นอกจากแมทซิมเพียงผู้เดียว ในฉากที่ แมทซิมคุยกับแมทธิอัสที่ริมทะเลสาป สายตาของแมทธิอัสที่มองหน้าแมทซิมนั้นมันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและไม่ขัดเขินที่จะมองปานแดงนั้นแม้แต่น้อย ในสายตาของแมทธิอัส ปานแดง นั้นราวกับดอกไม้ที่ประดับบนใบหน้าของแมทซิมเสียมากกว่า






           และมีฉากหนึ่งที่ชอบมากๆนั้นคือ ฉากที่พ้องเพื่อนกำลังร้องเพลงโปรดกันในรถอย่างเมามันเป็นการส่งท้ายก่อนแมทซิมจะไปออสเตรเลีย มีเพียงแมทธิอัสเพียงคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในรถ เขานั่งอยู่ในรถของแฟนและหันมามองแมทซิมที่กำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนานแต่มีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่ได้ยินเสียงเพลงใดๆนอกจากความเงียบ มันเสียดแทงความรู้สึกแมทธิอัสอย่างรุนแรง มันเหมือนวันเวลาที่เขามีกับแมทซิมกำลังกลายเป็นแค่อดีตที่เงียบงันเป็นความทรงจำที่เขาทำได้แค่มองและไม่อาจให้มันหวนกลับมาได้อีกแล้ว







           สัญลักษณ์อีกอย่างนั้นคือ หนังสือรับรองการทำงานของแมทซิม ในเรื่องแมทซิมจะขอให้แมทธิอัสติดต่อพ่อเพื่อขอใบรับรองให้หน่อย เพราะ แมทซิมเคยทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ให้กับพ่อแมทธิอัส แมทธิอัสก็จะรับปากไปแบบงั้นๆ แมทซิมถมาเท่าไรก็ทำเป็นลืม จนสุดท้ายแล้วแมทซิมก็ไม่ได้ใบรับรองซะที จนต้องโทรติดต่อไปเองเพราะพรุ่งนี้เขาต้องบินไปออสเตรเลียแล้ว แมทซิมเสียใจมากที่ดูเหมือนแมทธิอัสไม่ใส่เขาเลย แต่ปรากฎว่าหนังสือรับรองนั้นทำเสร็จตั้งนานแล้วมันอยู่กับแมทธิอัสมาตลอด  


           ใบรับรองนี้เหมือนกับตัวยืดเวลาสำหรับแมทธิอัส เขาพยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อที่จะให้แมทซิมอยู่กับเขาให้นานขึ้นอีกสักหน่อย และทำให้ตัวเองมีค่าและความสำคัญบ้างสำหรับแมทซิม มันดูเหมือนเป็นวิถีที่ขี้ขลาด ซึ่งก็จริงเพราะแมทธิอัสเป็นตัวละครที่พยายามปฎิเสธความรู้สึกที่มีต่อแมทซิมมาเสมอ และไม่สานต่อความสันพันธ์อีกด้วย แต่ถึงยังงั้นเขาก็ไม่ได้จะเห็นแก่ตัวขนาดไม่ทำหนังสือรับรองให้แมทซิม ไม่ได้คร่ำครวญและยื้อแมทซิมเอาไว้ แมทธิอัสรู้ดีแก่ใจว่าการให้แมทซิมไปออสเตรเลียนั้นเป็นเรื่องที่ดีแม้ตัวเขาจะเจ็บปวดมากก็ตาม





           ความพิเศษของเรื่องนี้ยังไม่หมด ผู้เขียนได้ไปอ่านบทสัมภาษณ์ของหนัง แล้วก็ต้องตกใจเพราะนักแสดงทั้งหมดในเรื่องเป็นเพื่อนกันจริงๆ ว้าวววว เอาเพื่อนมาแสดงเป็นเพื่อนตัวเอง อินเซปชั่นไปไหน  ไม่น่าละทำไมดูสมจริงจัง แต่ที่ต้องซูฮกให้คือเอาเพื่อนมาเล่นฉากจูบได้ดูดดื่ม แบบว่า เห้ย เฮียซาเวียร์ไม่รู้สึกเขินๆหรือแปลกบ้างเลยหรอ นับถือใจเฮียจริงๆ 





    แอบขายหนังเฮียซาเวียร์ซะหน่อย ถ้าใครดูแล้วถูกใจ แนะนำลองดูเรื่อง

     

    I killed my mother (ความสัมพันธ์ร้าวรานของแม่ลูก)

     Heartbeat (พี่น้องแย่งผู้คนเดียวกัน)

     Tom at the Farm (จิตสุดเรื่องนี้ แนะนำเลย)

    Mommy  (ความสัมพันธ์แม่ลูกอีกแล้ว เฮียแกมีปมเรื่องแม่รึป่าวนะ)

     It’s on’y the end of the world (โลกแตก ณ วันร่วมญาติ)

     Laurence anyway (ถ่ายทอดความเป็นlgbtได้ดีมากๆ)



    ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบ รักนะม๊วฟๆ













เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in