เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Girl x Friend (ss1-2) | hunhanhuan_97
-13-
  • หลายอาทิตย์ต่อมา ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมไปซื้อจักรยานแม่บ้านมาใช้ เส้นทางที่ใช้สัญจรบ่อยๆก็คงไม่พ้นถนนที่ตัดผ่านวิศวะไปศิลปกรรม ลู่หานคืนเกียร์ให้ผมและยังบ่นด้วยว่าอย่าเอาของสำคัญมาฝากไว้อีก ผมก็เออออไปงั้นแหละ ถ้าได้ฝากใหม่ก็คงจะฝากอีกไปเรื่อยๆ

    อีกไม่นานที่คณะสถาปัตย์จะมีละครเปิดทำการแสดง ผมเองก็ไม่ได้ชอบดูอะไรมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ถ้าไม่มีเรียนผมก็เมาอยู่ที่ร้านเหล้าร้านไหนสักที่กับพวกเพื่อนๆ

    “โห้ย กว่ากูจะไปตบตีแช่งชิงบัตรมาได้” ไอ่มาร์คพูดขึ้นหลังจากทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวข้าง ในมือของมันมีบัตรอยู่สี่ใบซึ่งสองในสี่ก็คงเป็นของมันกับน้องแบมแบมเมียรัก แต่อีกสองใบนี่สิ มันซื้อมาให้ใคร?

    “เนี่ย กูซื้อมาให้มึง ละครถา’ปัตย์ปีนี้แม่งควรค่าแก่การพามึงไปดู” มันยื่นตั๋วสีน้ำตาลอ่อนทั้งสองใบให้ผมรับไว้

    “ให้กูไปเป็นกขค.พวกมึงรึไง”

    “อย่าหวัง กูเลือกให้มึงนั่งห่างจากพวกกูไปสามแถวนู้น”

    “งั้นกูไม่ไป กูไม่ชอบดูหนังคนเดียวเว้ย”

    “ก็ชวนลู่หานไปสิวะ เห็นมึงเทียวรับเทียวส่งเค้าออกจะบ่อย นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นเพื่อนกันนะ กูนึกว่าแฟนกันซะอีก”

    “มึงนี่เพ้อเจ้อชิบ_าย” ผมเลี่ยงที่จะพูดอะไรต่อและคิดอะไรบางอย่าง

    สิ่งที่ผมทำให้ลู่หานเพราะผมชอบเธอ แต่มันติดตรงที่ว่าเธอยังรอใครคนนั้นอยู่ซึ่งผมจำได้ดีขึ้นใจ ผมรู้ว่าตัวเองคงไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปในใจเธอได้แต่ก็ยังหวังเล็กๆว่าเธอจะหันมามองเพื่อนคนนี้แบบผมบ้าง เพื่อนที่แอบชอบเธอมาตลอดสิบปี

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าผมจะคบอยู่กับเบจูฮยอนในตอนนั้นอยู่ ผมก็ยังชอบแอบมองผูหญิงตัวเล็กๆใส่แว่นคนนั้นอยู่ดี ผมชอบมาตอนเธอเผลอ ตอนเธอยิ้ม และตอนที่เธอหันมามองผมตอนที่ผมกำลังมองเธออยู่ เราต่างคนต่างหันหน้าไปคนละทาง ผมรู้สึกหน้ามันร้อนๆ ใจเต้นตึกตัก น่าแปลกนะว่ามั้ยที่มันเป็นกับเธอเพียงคนเดียว

    หลังหมดคลาส ผมปั่นรถจักรยานไปตามทางเพื่อไปคณะศิลปกรรม ผมมาที่นี่ทุกวันจนจำเวลาได้ ตอนมาครั้งแรกๆก็มาคอยนานใช่ย่อยเพราะคณะเธอเรียนแต่คณะผมเลิกแล้วอะไรประมาณนี้สลับกันไป ผมจอดจักรยานไว้และนั่งรอแถวๆนั้น

    “ลุง อยากไปดูละครถา’ปัตย์อ่ะ แต่บัตรแม่งหมดแล้วอ่ะ” ลู่หานโอดครวญเมื่อเจอหน้าผม วันนี้เธอไม่ได้แต่งชุดนักศึกษามาแต่เป็นเสื้อมัดย้อมสีฟ้ากับกางเกงเลมาเรียน ใบหน้าหวานบึ้งตึงที่ตัวเองชวดบัตรชมการแสดง

    “เรามีตั๋วสองใบอ่ะ”

    “จริงดิ? ซื้อต่อได้มั้ย”

    “พอดีมีคนที่เราอยากไปดูด้วยอ่ะ”

    “...”

    “ลู่หาน.. ไปดูละครดูกันมั้ย?”

    “...”

    “อย่าเงียบดิ นี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ”

    “ไป ฉันไป” อาการเหวอๆของลู่หานยังคงอยู่ ผมหัวเราะกับภาพที่เห็น เธอเหวอได้น่ารักและน่าแกล้งที่สุด




    เพื่อนสนิท คือชื่อของละครสถาปัตย์ในปีนี้ ผมไม่รู้หรอกนะว่าอะไรมาดลใจให้ผมมายืนอยู่ที่นี่ ตรงนี้ กับลู่หาน เราเข้าคิวรอที่จะเดินเข้าไปในโรงละคร ละครที่ว่ามันคือละครเวทีที่เด็กถาปัตย์ลงทุนลงแรงสร้างมันออกมาทั้งฉากทั้งเสื้อผ้าที่ใช้ในการแสดง ไหนจะนักแสดงหน้าตาและฝีมือดีอีก ถ้าไปบอกก่อนนะ ผมคงคิดไปไกลแล้วว่าคณะนิเทศมาเอง

    เมื่อผู้ชมทยอยกันมานั่งจนเต็มแล้ว ไปในโรงละครค่อยๆหรี่แสงลงและมีเพียงบนเวทีเท่านั้นที่เปิดไฟสีฉูดฉาดไว้

    ละครเวทีในปีนี้ถูกนำมาดัดแปลงจากหนังเรื่องเพื่อนสนิทของค่ายหนังยักษ์ใหญ่ เป็นเรื่องราวแอบรักเพื่อนของหมูหรือไข่ย้อยที่แอบรักดากานดาผู้เป็นเพื่อนสนิท ตอนแรกๆมันก็เฮอาดีอยู่หรอก แต่พอหลังๆมาเริ่มดราม่า เป็นฉากที่ไข่ย้อยสารภาพรักกับดากานดา

    “ดากานดา... ฉันรักแกว่ะ” ไข่ย้อยพูดขึ้น

    “แกมาบอกอะไรเอาตอนนี้” ดากานตาตอบ ทั้งคู่หลบตากันและเป็นไข่ย้อยที่เดินจากไป

    ไฟบนเวทีดับลง เสียงปรบมือดังสนั่นจากคนดูทุกคนรวมถึงผมด้วย ผมหันไปมองคนข้างๆที่นั่งนิ่ง น้ำสีใสไหลจากดวงตาคู่สวยอย่างห้ามไปได้ ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเศร้าอะไรขนาดนั้น ผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินถูกดึงจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ลู่หาน เธอรับไปและซับน้ำตา

    “ไม่ต้องร้องแล้ว อายเค้า” ผมหยอก 

    “ฮึก ฉันก็ไม่ได้อยากร้อง แต่มันห้ามไม่ได้นี่นา”

    “โอ๋ๆ งั้นเดี๋ยวเราพาลู่ไปกินขนมเนอะๆ”

    “ฉันไม่ใช่เด็กนะ”

    “อย่างน้อยมันก็ได้ผลหนิ” ผมว่า เมื่อก่อนตอนสมัยประถมผมเคยไปแกล้งลู่หานจนเธอร้องไห้ พอเห็นน้ำตาของผู้หญิงคนนี้ผมนี่ทำอะไรไม่ถูกเลย เพื่อนในห้องก็ยังมาล้ออีก ยิ่งทำให้เธอปล่อยโฮหนักไปกว่าเก่า ผมเลยต้องแจ้นไปซื้อขนมมาง้อเธอจนเธอหยุดร้องไห้และยกโทษให้

    Rrrr

    “ฮัลโหลครับ”

    (เชี่ยฮุน ตอนนี้มีปาร์ตี้เหล้าขาวเว้ย มึงจะมาป่าวว่ะ)

    “ไอ่จงแด นี่มึงเมายังเนี่ย เสียงแม่งเยิ้ม”

    (มึงก็รู้ว่ากูคออ่อน อยากแดกก็รีบมาครับเพื่อน)

    “เออๆ ว่าแต่มีใครไปมั้งอ่ะ”

    (กู ไอ่หมอ คยองซู พี่ชาน ไอ่แบค เวนดี้ แค่หกคนนี่แหละ)

    “เดี๋ยวกูไปแจม”

    (ดีมาก ที่ร้านเจ๊จอยขายลาบนะมึง)

    ติ๊ด!

    ไอ่จงแดวางสายไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าวันนี้ผมมันนึกคึกอะไรไปกินเหล้าขาวกัน แต่ก็ช่างเถอะ ในเมื่อคนมันอยากก็ต้องหาใส่ปากให้ได้ 

    “จงแดโทรมามีอะไรหรอ?”

    “มันชวนไปกินเหล้า ลู่ไปมั้ย?”

    “อือ ไปดิ”

    เราสองคนออกมาจากโรงละครและตรงไปที่หอพักของผม เพราะว่าผมจะยืมมอไซด์ไอ่มาร์คออกไปแทนที่จะเป็นจักรยาน ทันทีที่กุญแจฮอนด้าสีแดงตกเป็นของผม ผมรีบชิ่งหนีลงมาเลยครับ ผมสตาร์ทรถและให้ลู่หานขึ้นซ้อนท้ายก่อนจะขับออกไป

    อากาศในมอตอนค่ำๆจะเย็นวูบขึ้นมาแบบนี้ทุกค่ำ นักศึกษาส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครกล้าออกมาหรอกเพราะเรื่องลี้ลับที่รุ่นพี่เล่าต่อๆกันมามันชวนขนหัวลุก ผมเองก็ไม่อยากจะโม้ แม่งเจอกับตัวเองมาแล้วครับ แต่ว่าเจออะไรขอสงวนไว้ ณ ที่นี่

    เปลี่ยนบรรยากาศครับ ตอนนี้เราสองคนมาถึงร้านลาบเจ๊จอยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โต๊ะด้านในสุดเป็นของกลุ่มเพื่อนผมเองแหละ นั่งหน้าสลอนกันเป็นแถบ บนโต๊ะมีแต่ขวดเหล้าขาว แก้วป๊อก และกับแกล้มสองสามอย่างที่ยังเหลือพูนจาน ถ้าเดาไม่ผิดคงแม่งแดกแต่เหล้าชัวร์

    “ไงเพื่อน หวัดดีครับเฮีย” ผมทักทายเพื่อนๆและรุ่นพี่คนเดียวในโต๊ะ เฮียชานคืออดีตเฮดว้ากสุดเถื่อนแต่หน้าไม่เถื่อน ผมเองก็ได้สานต่อความตั้งใจของเฮียแกไว้โดยการรับเป็นเฮดว้ากคนปัจจุบัน เข้าใจความรู้สึกของเฮียแกก็วันนี้แหละครับ

    “ลู่ มานั่งนี่ ไอ่ฮุน เชิญไปสุมหัวทางด้านนั้นค่ะ” เวนดี้ว่าและจับผมกับลู่หานนั่งแยกกันคนละฝั่ง ไอ่หมอและเมียนั่งตะมุตะมิกันอยู่โดยไม่สนอีกหกชีวิตที่เหลืออย่างพวกผมเลย ใครจะไปคิดว่าคยองซูคนจริงจะมีโมเม้นต์แบบนี้ให้ได้เห็น อยู่ที่คณะทำตัวอย่างกับผู้ชาย เจอหมอปุ๊ปเหมือนผีผู้หญิงเข้าสิงปั๊ป อ่อนหวานราวกับดอกไม้ในดงเหล็กเถื่อน พีคไปอีก

    “มึงสองคนมาด้วยกันได้ไงว่ะ” แบคฮยอนถ้าขึ้นและมองผมกับลู่หานสลับไปมา

    “ไปดูละคร’ถาปัตย์มา”

    “มึงสองคนเนี่ยนะ?” แบคฮยอนถามอย่างไม่ค่อยจะเชื่อนัก

    “เออ มึงก็เซ้าซี้จังนะอิแบค ผัวไม่รักรึไง” ผมว่า

    “บ้านแม่มึงสิ ผัวกูอยู่นี่ทั้งคน” มันว่าแล้วก็เลื้อยไปซบอกพี่ชานยอล มือหนาๆของเฮียแกตบเบาๆที่หัวของมันอย่างรักใคร่ ใครก็ได้เอาสองผัวเมียคู่นี้ไปเก็บที

    “ช่วงนี้เห็นมึงสองคนติดกันอย่างกับตังเม กิ๊กกั๊กอะไรกันรึเปล่า” ไอ่หมอถามขึ้น มันส่งแก้วเหล้าป๊อกมาให้ทั้งผมและลู่หาน ผมรับมาและกระดกหมดแก้ว ผิดกับลู่หานที่ดมก่อนแล้วถึงจะดื่ม ความขมของมันทำให้เธอถึงกับเบ้หน้าอย่างไม่ชอบนัก

    “กูกำลังทำหน้าที่ไม้กันหมาให้ลู่อยู่ เด็กวิดยาแม่งม่อว่ะ”

    “กูก็เด็กวิดยานะสัส พูดอะไรให้เกียรติกูด้วย” ไอ่จงแดแหวขึ้น

    “โทษๆ” 

    “ลู่ใช้มึง?” จงอินกลับเข้าประเด็น

    “เปล่า กูทำเอง” ผมว่าพร้อมกับมองลู่หานที่นั่งเม้าท์อยู่กับเพื่อนสาว “เพื่อนกูทั้งคน ปล่อยไว้ไม่ได้หรอก”

    “พระเอกจริงๆนะมึง”

    “พระรองสิไม่ว่า พระเอกตัวจริงหายหัวไปไหนของมันก็ไม่รู้”

    “หมายความว่าไง?”

    “ก็ลู่หานเคยบอกกับกูว่ากำลังรอใครบางคนอยู่ นี่ก็อีกไม่กี่ปีก็เรียนจบแล้วนะเว้ย ไอ่ห่านั้นแม่งยังไม่มาเลย ปล่อยให้เพื่อนกูรอได้ไงว่ะ”

    “นี่มึงโกรธ?”

    “เออดิ”

    “มึงนี่มันโง่จริงๆ” ไอ่หมอว่าก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากอย่างไม่ใส่ใจ 



    “ขอบคุณโลกนี้ ที่ส่งคนในฝันให้กับฉ้านน~” อิแบคแหกปากร้องเพลงอย่างไม่แคร์ใคร ตอนนี้พวกผมย้ายมาต่อกันที่ร้านคาราโอเกะแถวใกล้ๆมอ โชคดีที่วันพรุ่งนี้ผมไม่มีเรียนจึงทำตัวเอ้อระเหยได้ ทุกครั้งที่มาสังสรรค์ผมจะดื่มหนักกว่าเพื่อน แต่วันนี้ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ผมต้องรับผิดชอบพากลับหอไปด้วย ตอนนี้ผมเลยทำได้แค่นั่งจิบกาแฟร้อนแก้แฮงค์ไปพลางๆ

    ผมพลิกดูนาฬิกาที่ข้อมือ เวลาห้าทุ่มสิบห้านาที ผมยังนั่งอยู่ที่เบาะหนังไม่ลุกไปไหน ข้างๆเป็นจงแดที่น็อคไปแล้วและลู่หานที่เมาหน้าแดง

    ฟรึบ!

    แรงโน้มถ่วงไม่เคยปราณีใคร หัวทุยๆกระแทกที่ไหล่ผมพอดิบพอดี กลิ่นเหล้าหึ่งจากการดื่มอย่างหนักหน่วงกับกลิ่นของเจ้าตัวทำให้สติผมเตลิด ไหนจะลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอแถวต้นคออีก

    ‘ขอบคุณอีกครั้ง ที่ทำให้พบรักที่ยิ่งใหญ่’

    ผมช้อนหัวของลู่หานให้มาหนุนที่ตักเพื่อที่จะได้นอนได้สบายๆ เสื้อช๊อปของผมถูกเอามาคลุมให้คนตัวเล็ก นี่เป็นครั้งแรก(อีกแล้ว)ที่ผมเห็นลู่หานเมาเละขนาดนี้ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมถึงได้ดื่มเข้าไปมากขนาดนั้น ผมเกลี่ยผมให้คนเมาอย่างเบามือ คนอะไรก็ไม่รู้ ขนาดเมายังน่ารัก ตอนไม่เมาก็ยิ่งโคตรน่ารักเลย

    ฉันไม่เคยพบเจอใคร ที่เข้ามาทั้งหัวใจ
    เธอคือคน คนนั้น ที่อยู่เคียงข้างกัน
    แค่มีเธอที่เข้าใจ ฉันไม่เคยต้องการใคร แค่เธอเท่านั้น’




    แนบเพลง


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in