คนตัวสูงที่ทำหน้าเบื่อหน่ายเต็มที่กับการเท้าคางเพื่อมองเจ้าคนตัวเล็กกว่าทำหน้าหมาอ้อนใส่
“ไม่เอา”
“โหย เถอะนะๆๆๆๆ” แต่อีกคนใช่ว่าจะลดละความพยายามที่จะให้อีกคนใจอ่อน วชิรวิชญ์ถอนหายใจดังเฮือกจนเพื่อนตัวเล็กเผลอตกใจ
ไอขวัญอ่อนเอ้ย
“มึงอยากไปก็ไปเองดิแจ็ค” แจ็คกี้เบ้ปากเป็นเชิงบอกกลายๆว่าไม่เอาหรอก
กะอีแค่ให้ไปเข้าค่ายเป็นเพื่อนแค่นี้มันจะยากอะไรขนาดนั้นละ
“มึงก็รู้กูจะเหงา”
“มึงมีเพื่อนคนเดียวรึไง”
“ใช่” จักรินตอบแบบไม่คิดด้วยซ้ำ ก็เขาหน่ะใช่ว่าจะเพื่อนเยอะที่ไหน คุยก็คุยได้กับทุกคนหรอกแต่ถ้านับสนิทจริงๆก็คนเป็นคนตัวโตที่เริ่มทำท่าเห็นใจเขานิดๆแล้ว
“เขาว่าพี่หมอน่ารักนะ”
“แล้วยังไง” ศูนย์ ศูนย์ ความพยายามของเขากลายเป็นศูนย์ทันทีเมื่อเห็นอีกคนยังปฏิเสธแน่วแน่ขนาดนี้ เขาก็คงต้องยอมแพ้สินะ
“โอเค งั้นไปส่งลงชื่อก็พอ” ริวพยักหน้าตอบรับ ถึงไม่ได้ไปด้วยแต่อย่างน้อยก็ไปส่งเพื่อนไปลงชื่อที่ใต้ตึกก็คงพอใจแล้วละมั้ง
บรรยากาศของการประชาสัมพันธ์ค่ายต่างๆที่ทางมหาวิทยาลัยได้จัดขึ้นเพื่อให้เด็กๆที่มีความสนใจได้เข้าไปเรียนรู้หรือได้พบเห็นว่าจริงๆแล้วไอคณะที่อยากได้มันตรงกับความชอบของตัวเองจริงๆมั้ย เขาหน่ะอยากได้วิศวะอยู่แล้ว มันเป็นความฝันที่มีแต่ไหนแต่ไรเพราะงั้นไอค่ายพวกนี้เมินไปได้เลย ส่วนเพื่อนตัวเล็กเขาก็ยังลังเลว่าจะเข้าคณะไหนดี
หมอเนี่ยก็เป็นหนึ่งในคณะที่สนใจของมัน เพราะงั้นเข้าไปดูบรรยากาศก่อนก็คงไม่แปลก
“ขอโทษนะครับลงชื่อค่ายคณะแพทย์ลงชื่อที่ไหนครับ” ริวสะกิดคนที่ยืนหันหลังให้เขา ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนอยู่ในหน้ง
จังหวะที่ทุกอย่างรอบตัวมันช้าลง ช้าลง
จนกระทั่งหยุดนิ่ง
เหลือเพียงแค่คนตรงหน้าที่ส่งยิ้มหวานมาให้เขา
“ที่พี่ก็ได้ครับ กี่คนละ”
“สองคนครับ”
.
.
.
“ไหนบอกไม่อยากไปไง” จักรินโคตรจะงงกับเพื่อนตัวเองเลย แม้จะดีใจที่ได้เพื่อนไปค่ายด้วยซักทีแต่มันก็แปลกที่คนปฏิเสธเขาแบบหัวชนฝาอะไรมาดลใจให้อยากไปเอาซะดื้อๆ
แถมวันที่มาค่ายยังมาเช้ากว่าเขาอีกแหนะ
จนกระทั่งได้เห็นสายตาของเพื่อนมองไปที่คนคนหนึ่ง
คนที่กำลังช่วยเพื่อนๆของตัวเองแบกน้ำแบกขนมเพื่อเอาไปให้น้องๆอย่างพวกเขากินระหว่างพักเบรกสายตาเหลือบไปมองป้ายชื่อพี่เขาซักนิดนึง
“พี่กัปตัน” คนตัวโตสะดุ้งเมื่ออยู่ๆอีกคนก็พูดชื่อคนที่เขากำลังมองอยู่
ใช่เขาก็เห็นชื่อแล้วเหมือนกัน
“น่ารักดีแหะ”
“ยุ่งว่ะ” จักรินอยากจะขำก๊ากออกมาดังๆกับอาการหวงของเพื่อนตัวเอง ก็แค่ชมเองนะเฮ้ย
แยกย้ายไปตามสีดีกว่า
.
“พี่ชื่อกัปตันนะครับ เป็นพี่สีของน้องนะครับ” รอยยิ้มหวานที่ถูกส่งมาอีกแล้วแม้จะไม่ใช่เพื่อเขาโดยตรงแต่มันก็ทำให้เคลิ้มได้เหมือนกัน ริวตีหน้านิ่งมองพี่สีตัวเองแนะนำตัวแม้จริงๆเขาอยากจะยิ้มแล้วเขย่าแขนอีกคนมากกว่า ยินดีที่ได้รู้จักมากๆนะครับ แต่เพราะอะไรไม่รู้ทำให้เขาเผลอดึงหน้าขนาดนี้
“เดี๋ยวเราจะไปเดินดูตามฐานที่จัดนะครับเดินระวังกันด้วยนะ” พูดแล้วก็เดินนำเด็กในกลุ่มไปคนอย่างวชิรวิชญ์ที่ไม่ได้สนใจไอเรื่องพวกนี้จริงๆ ก็ขอมองแล้วรั้งท้ายอยู่แบบนี้แล้วกัน
“ไม่สนุกหรอ”
“เฮ้ย” ไม่คิดว่าคนที่เดินนำอยู่ จะกลายมาเป็นยืนข้างเขาแบบนี้ ฐานนี้เป็นฐานวิชาอะไรซักอย่างซึ่งเขาไม่ได้ฟัง ให้เด็กในกลุ่มสามารถดูได้ทั่วห้องเพราะงั้นเขาก็เลยมายืนมองท้องฟ้าข้างนอกแบบนี้ ไม่ได้คิดว่าจะมีคนมายืนด้วย
โดยเฉพาะพี่เขา
“เบื่อหรอน้อง ริว” กัปตันเหลือบมองชื่ออีกคนเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้นอีกคน เขาว่าเขาก็สูงแล้วนะทำไมเด็กสมัยนี้โตเร็วจังนะ สูงจนเขาต้องถอยออกมาซักนิดเพื่อไม่ให้ต้องเงยหน้ามอง
“ก็นิดนึงครับ” พอเห็นพี่ดูหน้าเศร้าไปนิดนึง เขาก็แทบจะเปลี่ยนคำแทบไม่ทัน
“แต่ก็น่าสนใจดีครับ ไม่เคยรู้มาก่อน”
“ใช่มั้ยละ เนี่ยนะตรงนี้มันจะเป็น…”อยู่ๆเขาก็ได้ไกด์ส่วนตัวมาซะงั้น มาให้มองเพลินๆแบบนี้เขาก็ชอบสิ
“กินข้าวด้วยนะริว” ยิ้มหวานอีกแล้ว ริวขยับตัวเองให้มีพื้นที่พอสำหรับอีกคน โรงอาหารคณะที่ดูเล็กลงไปนิดเหมือนต้องบรรจุคนหลายๆคน เพราะงั้นที่ในการกินเลยจำกัดไปด้วย
หอม
กลิ่นของอีกคนมันดูเฉพาะตัวมากแต่เขานิยามมันว่าหอมแค่นั้น ทั้งที่ทำกิจกรรมาเกือบทั้งวันแท้ๆแต่กลับหอมอยู่ได้ยังไงนะ
.
.
“วันสุดท้ายแล้วพี่จะประกาศขวัญใจชาวค่ายแล้วนะครับ” สามวันสองคืนที่ผ่านมาเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันสนุกมากมั้ยอันที่จริงคือเขาสนใจแค่คนคนเดียวเท่านั้น คนที่กำลังจัดแจงสายสะพายกับดอกไม้โง่ๆเพื่อเป็นของขวัญให้กับขวัญใจชาวค่ายอยู่
ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งได้รู้ว่าอีกคนน่ารักโคตรๆ
จนอยากจะหวงไว้คนเดียว
“มึงว่าใครจะได้วะ” ริวหันไปมองเพื่อนตัวเล็กที่ตั้งแต่แยกสีไปทำกิจกรรมเป็นกลุ่มแล้วก็แค่ตอนนอนที่ได้เจอกันถามขึ้น
“ไม่รู้ว่ะ” เขาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
“น้องริวสีเขียวทีมพี่กัปตันนะครับ” เจ้าของชื่อดูงงๆไม่น้อยแต่ก็ยอมลุกไปเพราะเริ่มรำคาญเจ้าเพื่อตัวเล็กที่ดูดีใจกว่าเขาซะอีก
ตาคมมองคนที่กำลังใส่สายสะพายให้เขาพร้อมกับเอาดอกไม้ให้ รอยยิ้มที่เขาได้รับมันมานับไม่ถ้วนตั้งแต่เข้าค่ายมาแต่เขายังคงไม่รู้จักพอกับมันได้ถูกส่งมาอีกครั้ง
“ยินดีด้วยนะ”
“ครับ”
“เอาละเสร็จแล้ว” ชลธรกำลังภาคภูมิใจกับสายสะพายของตัวเองมากโดยไม่ทันได้สังเกตสายตาที่คนเลย
“พี่กัปตันครับ”
“หืม?”
“เดี๋ยวเลิกค่ายแล้วขอคุยด้วยหน่อยสิครับ”
“ได้สิ”
.
โรงอาหารที่คึกคักแน่นไปด้วยผู้คนวันนี้กลับเงียบเหงาลงเมื่อค่ายจบลงแล้ว วชิรวิชญ์ยืนมองพี่ๆที่กำลังเก็บของต่างๆให้เข้าที่ ทั้งที่เขาควรกลับบ้านได้แล้วด้วยซ้ำแต่เพราะเขากำลังรอใครบางคนอยู่ต่างหาก
“รอนานมั้ย” แก้มของคนตรงหน้าดูแดงระเรื่อคงเพราะอากาศที่ร้อนและยังต้องทำกิจกรรมใช้แรงอีก เขาหยิบขวดน้ำที่ยังเย็นอยู่ยื่นมาให้
รออีกคนดื่มน้ำเสร็จแล้วค่อยพูดละกัน
“ผมชอบพี่” ขี้เกียจที่จะอ้อมค้อมแล้วเลยพูดให้มันจบๆไป ก็รู้ว่าไอเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมันแค่แปปเดียวแต่เขาก็พอจะมั่นใจว่าชอบอีกคน แน่ละ ถ้ามันไปต่อได้ก็คงดี แต่ถ้ามันไม่ได้ก็ไม่ได้เสียดายขนาดนั้น
แต่ก็หวังละนะ
“ผมรู้ว่าเราเจอกันแค่ไม่กี่วัน ผมก็แค่อยากบอก ผมกลับละครับ” พูดเสร็จเจ้าเด็กตัวสูงก็หมุนตัวเตรียมกลับทันที ไม่ทันจะได้ฟังอะไรจากอีกคนด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวสิ” มือของคนอายุมากว่าจับแขนอีกคนไว้ไม่ให้ไป
“ยังไม่รู้อีกรึไงที่พยายามชวนคุยอ่ะเพราะอะไร”
“...”
“ถ้าไม่ใช่เพราะชอบอ่ะ”
โอเค วันนี้เขามีคนกลับบ้านด้วยแล้วสินะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in