อาชญากรรม<รัก>ในม่านเมฆ เล่ม 1, 2
by หวายซ่าง
สนพ Sense T
คำโปรย
เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดของ 'เจียงถิง'
ระหว่างเข้าปราบปรามแก๊งค้ายายักษ์ใหญ่ ณ เมืองกงโจว
ทำให้ลูกทีมหลายสิบนายถูกระเบิดจนเสียชีวิตทั้งทีม
ตัวเขาเองก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
กลายเป็นเจ้าชายนิทรานานถึงสามปีกว่าจะหนีจากขุมนรกนั้นมาได้
นึกไม่ถึงว่าเมื่อฟื้นจากอาการโคม่าได้ไม่นาน
ยังไม่ทันได้กลับไปสะสางเรื่องราวที่กงโจว
ก็เกิดคดี ‘ศพแช่แข็ง’ ขึ้นภายในสถานที่พักฟื้นของตน
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้เขาได้พบกับ 'เหยียนเสีย'
รองสารวัตรกองสืบสวนอาชญากรรมแห่งเมืองเจี้ยนหนิง
เส้นผมดำขลับ ตัดกับผิวขาวซีด แม้จะนั่งอยู่บนรถเข็น
ก็ไม่อาจบดบังความงดงามแสนสง่าในสายตาของเหยียนเสียไปได้
เขาเพียงรู้สึกว่าเคยเจอบุคคลนี้ที่ไหนมาก่อน และทุกครั้งที่เกิดเรื่อง
จะต้องมีคนคนนี้เข้าไปพัวพันกับคดีที่เขารับผิดชอบอยู่เสมอ
จากสงสัยจนต้องจับตามอง กลายเป็นความสนใจในตัวของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
รีวิว (อาจจะมีสปอลย์เล็กน้อย)
เพราะสะดุดตากับปกเล่ม 1 ตอน สนพ. เปิดตัว ประกอบกับมีคนมารีวิวสั้น ๆ ว่าเรื่องนี้ดังและดีมาก
คนใจง่ายอย่างเราเลยสั่งซื้อมาลองอ่านดูแล้วก็ติดหนึบตั้งแต่ตอนแรก อ่านจบก็เฝ้ารอเล่ม 2 ที่ สนพ. บอกว่าจะออกเดือนเว้นเดือน ที่ไหนได้ กว่าเล่ม 2 จะออกต้องรอไป 7 เดือน.
อาชญากรรม <รัก> ในม่านเมฆ เรื่องนี้ เป็นนิยายแนวสืบสวนสอบสวนที่เข้มข้นและจริงจังมากเรื่องหนึ่งที่เคยอ่านมาเลยค่ะ คดีมีความซับซ้อนและมีตัวละครที่เกี่ยวข้องมากมาย ผู้เขียนมีการทำการบ้านมาดีมาก อย่างคดีแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติดก็คือ ชื่อสารเคมีในการผลิตยา มาเต็มมาก (และยาวมากด้วย) ไม่ใช่แค่ชื่อสารเคมี ยังมีชื่อกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อีก ขั้นตอนการสืบสวนก็ละเอียด ในฝั่งตำรวจเองก็แบ่งเป็นหน่วยงานต่างๆ มากมาย เหยียนเสีย พระเอกของเราทำงานอยู่ที่กรมตำรวจประจำเมืองซึ่งจะดูแลคดีใหญ่ๆ ถ้าเป็นคดีที่ไม่มีอะไรก็จะส่งให้สถานีย่อยเป็นคนทำคดี แต่เหนือกว่ากรมตำรวจประจำเมืองก็ยังมีกรมตำรวจระดับมณฑลอยู่อีก ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเข้ามายุ่งในคดีที่ใหญ่มากๆ เท่านั้น แน่นอนว่าเมื่อมีคนเยอะก็ต้องมีการเมืองมาเกี่ยวข้อง เราเลยได้เห็นการขัดขาหรือการกระทบกระทั่งกันระหว่างแต่ละหน่วยงานอยู่เรื่อยๆ แหม มันช่างสมจริงเสียจริง
เจียงถิง เขาคืออดีตสารวัตรมือหนึ่งผู้หายสาบสูญ
เจียงถิง นายเอก ( ฟันธงว่าต้องโพนี้แน่ๆ ) ของเรื่อง เป็นอดีตสารวัตรมือหนึ่งที่เติบโตก้าวหน้าตั้งแต่อายุยังน้อย ในช่วงที่เจียงถิงกำลังรุ่งเรือง เหยียนเสียยังเป็นแค่ตำรวจชั้นผู้น้อยธรรมดาๆ แต่เมื่อสามปีก่อน ในขณะที่นำกำลังเข้ากวาดล้างแก๊งค์ค้ายา เกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้ลูกน้องสามสิบชีวิตเสียชีวิตทั้งหมด ส่วนตัวเจียงถิงเองหายสาบสูญ ในที่สุดทางกรมตำรวจได้ตัดสินใจให้เจียงถิงเป็นบุคคลที่เสียชีวิตในหน้าที่ แต่กลับไม่มีการประกาศเกียรติคุณใดๆ เพราะถูกสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับแก็งค์ค้าย้า
สามปีผ่านไป เจียงถิงมีตัวตนขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่นอนสลบเป็นผักอยู่ในโรงพยาบาลสามปี ด้วยการช่วยเหลือของ เสี่ยวเม่ย อาเจ๊คนงามแห่งร้านคาราโอเกะวังราตรี ได้พาเจียงถิงมาพักฟื้นที่ร้านคาราโอเกะ เพื่อหลังจากนั้นจะยังไงต่อคนอ่านก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะว่าดันเกิดเรื่องขึ้นซะก่อน อยู่ดีๆ ก็มีชายหนุ่มมานอนแข็งตายในตู้แช่หลังร้านคาราโอเกะ เจียงถิงไม่อาจรอให้ตำรวจสืบคดีไปเรื่อยๆ ได้เพราะช้าเกินไป จึงได้เข้าไปแอบช่วยบอกใบ้ตำรวจอยู่หลายครั้ง นั่นคือเหตุการณ์ที่ทำให้ได้พบกับ
เหยียนเสียเป็นครั้งแรก
เจียงถิงที่เหยียนเสียได้พบ เขาเป็นคนนิ่ง เงียบขรึม ใจเย็น ฉลาดปราดเปรื่อง โดยเฉพาะทักษะในการวิเคราะห์คดีอันล้ำเลิศ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ลึกลับเกินไป ในตอนแรกที่พบกัน เจีียงถิงแนะนำตัวเองว่าเขาชื่อ "ลู่เฉิงเจียง" แต่ด้วยบุคลิกที่พิเศษ พฤติกรรมแปลกประหลาด และความคุ้นหน้าเล็กน้อย ทำให้เหยียนเสียไปสืบประวัติคนคนนี้ในทะเบียนราษฏร์แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ นั่นเป็นเพราะเสี่ยวเม่ยได้ช่วยปลอมแปลงหลักฐานทั้งหมดให้แล้ว (แต่ทำได้ยังไง อันนี้ไม่ได้บอก) ยิ่งลึกลับยิ่งน่าสงสัย พอสงสัยก็เลยเอาตัวเข้าไปใกล้ แต่พอยิ่งใกล้ยิ่งรู้สึกแปลกๆ ท่าทีในตอนแรกที่เหยียนเสียมีต่อเจียงถิงก็คือระแวงอย่างเห็นได้ชัด การเข้าหาก็คือเพื่อหยั่งเชิงและจับผิด แต่อดีตสารวัตรมือหนึ่งอย่างเจียงถิงย่อมไม่มีวันเผยไต๋ให้คนอื่นง่ายๆ เจียงถิงต้องพยายามซ่อนตัวเองเอาไว้ แต่กลับมีคนกลุ่มหนึ่งไม่ยอมให้เขาได้อยู่เงียบๆ นั่นทำให้เหยียนเสียได้เข้ามาช่วยชีวิตเจียงถิง จนในที่สุดเมื่อเหยียนเสียรู้ตัวตนที่แท้จริงของเจียงถิงแล้ว เจียงถิงถึงได้จับพลัดจับผลูมาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวในการสืบคดีของเหยียนเสียแบบงงๆ
ถึงภาพลักษณ์ของเจียงถิงที่เหยียนเสียรู้จักจะเป็นคนสุภาพ นิ่งขรึม ใจเย็น แต่เหมือนว่าตัวตนเมื่อสามปีก่อนก่อนที่เจียงผิงจะนอนเป็นผัก ตัวตนของเขาจะไม่ได้เป็นแบบนี้ จากคำให้การของผู้ต้องหาคนหนึ่งที่เคยถูกเจียงถิงสืบสวนมาก่อน เหมือนว่าเขาจะเป็นคนเลือดเย็นสายโหด เพื่อความจริงแล้วสามารถทำได้ทุกอย่างโดยไร้ความปราณี จุดนี้คงจะกระจ่างในภายหลังและตอนนี้ก็ยังไม่มี Flashback เล่าเหตุการณ์สมัยเจียงถิงเป็นสารวัตรสุดโหดออกมาเลยค่ะ
เหยียนเสีย มะเร็งชายแท้ผู้ดูตัว 108 ครั้ง ล้มเหลว 108 ครั้ง
ตรงข้ามกับเจียงถิง เหยียนเสีย คือ ชายหนุ่มมาดแมนแฮนด์ซั่ม ทั้งตัวประดับด้วยแบรนด์เนม เป็นตำรวจสายบู๊ที่ได้ดีเพราะบู๊แหลกแบบดับเครื่องชน ได้ขึ้นเป็นรองสารวัตรเพราะวีรกรรมเอาตูดขวดเบียร์ฟาดโจรจนดับคาที่ (ยอม) ถึงจะออกแนวใช้กำลังแต่ก็ไม่ได้โง่นะคะ เพียงแต่อาจจะฉลาดเท่าเจียงถิงเท่านั้นเอง ฉายาของเหยียนเสีย หรือ เฮียเหยียน ของเหล่าลูกกระจ๊อกในกรมก็คือ มะเร็งชายแท้แซ่เหยียน ซึ่งในหนังสืออธิบายไว้ว่า คำนี้ใช้เสียดสีผู้ชายที่อยู่แต่ในโลกของตัวเอง มักแสดงความคิดเห็นในเชิงไม่พอใจต่อคนอื่นเสมอ ทั้งยังแฝงไปด้วยแนวคิดชายเป็นใหญ่ มักหลงคิดเองเออเองและมองข้ามคุณค่าของผู้หญิง ตีความคำพูดของผู้หญิงผิดๆ แต่ถ้าอ่านๆ ไปจะรู้ว่า ไอ้แนวคิดผู้ใหญ่เป็นใหญ่นั่นจริง มักแสดงความคิดเห็นในเชิงไม่พอใจต่อคนอื่นนั่นก็จริง เรื่องคิดเองเออเองนั่นก็จริง อ้าว ก็จริงหมดเลยนี่นา เหมือนจะแก้ตัวแทนแต่ไม่ใช่ (ยิ้มอ่อน)
จริงๆ แล้วเหยียนเสียก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ เขาแค่ออกจะเป็นคนโผงผาง อารมณ์ร้อน แล้วก็ไม่เห็นผู้หญิงอยู่ในสายตาเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การดูตัว 108 ครั้งก็เลยจบลงแบบไร้การสานต่อ แน่นอนว่าทุกครั้งที่ไปดูตัวคือโดนบังคับ เวลาทำงานเหยียนเสียจะโวยวายปึงปัง หงุดหงิดงุ่นง่าน เสียงดังใส่ลูกน้องไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่เวลาประชุมก็คือนั่งไขว่ห้างเอนหลังสูบบุหรี่... ในชุดเสื้อเชิ้ต+นาฬิกา+รองเท้า แบรนด์เนม น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด ก็เพราะว่าเหยียนเสียเป็นลูกอดีตครอบครัวเศรษฐีอันดับหนึ่งในเมืองเจี้ยนหนิง ใช้เงินตัวเองในการสืบคดีก็บ่อย (ก็เงินเดือนตำรวจมันน้อยอ้ะ) ถ้าใครอ่านเล่มสองจะมีฉากหนึ่งที่เหยียนเสียเปย์อย่างได้ใจคนอ่านมากๆ เปย์แบบไม่ต้องคิดอะไรเลย
ป๋ามากค่ะ > , <
พอเหยียนเสียได้มาทำงานคู่กับเจียงถิง (แบบลับๆ ล่อๆ ) ก็เลยกลายเป็นคู่หูที่เข้าขากันได้มาก คนหนึ่งบู๊คนหนึ่งบุ๋น เจียงถิงร่างกายอ่อนแอเลยเป็นมันสมองช่วยวิเคราะห์คดี ส่วนเหยียนเสียก็ออกภาคสนาม ตีรันฟันแทง สอบสวนผู้ต้องหา เหยียนเสียต้องแอบซ่อนเจียงถิงไว้ไม่ให้ผู้ใหญ่ในกรมตำรวจรู้ (เพราะพวกผู้ใหญ่ในกรมจะรู้จักหน้าตาของเจียงถิง) ดังนั้น ก่อนจะพาเจียงถิงไปสืบคดีที่ไหนต้องสืบก่อนว่าวันนี้ ผู้กำกับมาไหม (น่ารัก) ในตอนแรกที่เจียงถิงเข้ามาพัวพันกับคดีแรกเป็นเพราะต้องการจะช่วยหยางเม่ย และพอดีกับผู้อยู่เบื้องหลังของคดีน้้นอาจจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับคดีเมื่อสามปีก่อนของเจียงถิง แต่พอจบคดีแรกไปก็เหมือนเจียงถิงจะกลายเป็นที่ปรึกษาถาวรของคุณรองสารวัตรไปเสียแล้ว
คดีเล็กๆ ขยายผลสู่คดีใหญ่ ผู้อยู่เบื้องหลังคือคนกลุ่มเดียวกัน ?
ในส่วนของคดีก็คืออย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าเข้มข้นจริงจังมาก พระเอก นายเอก และตำรวจทุกคนในเรื่องทำงานกันแบบวันหยุดคืออะไร อย่างที่เหยียนเสียและเจียงถิงเคยพูดในเรื่องว่า อาชีพตำรวจ เดือนหนึ่งทำโอทีสองครั้ง ครั้งละสิบห้าวัน ตอนที่คดีเร่งๆ เฮียเหยียนของเราห้าวันไม่อาบน้ำ อย่าถามว่าเสื้อแจ็คเก็ตซักครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ตอนที่เหยียนเสียโยนเสื้อกันลมให้เจียงถิงใส่เจียงถิงถึงกับไม่ยอมใส่ น่าจะเหม็นพอดู (วงวาร) ในเรื่องนี้จะมีตัวละครที่เป็นตำรวจเยอะมากๆ ค่ะ ตั้งแต่โรงพัก สถานีย่อย กรมตำรวจประจำเมือง กรมตำรวจมณฑล ในกรมตำรวจประจำเมืองเองก็แยกเป็นแผนกอาชญากรรม แผนกปราบปรามยาเสพติด แผนกนิติวิทยาศาสตร์ ฝ่ายเทคนิค แผนกอาชญากรรมภาคสนาม ฯลฯ ทุกแผนกทำงานประสานกันเพื่อคลี่คลายคดีออกมาให้ได้เร็วที่สุด อ่านเรื่องนี้แล้วจะรู้สึกรักตำรวจค่ะ
คดีแรกในเรื่องเป็นคดีศพแช่แข็งที่สืบไปสืบมาไปพัวพันกับแก็งค์ค้าย้าเสพติดขนาดใหญ่ที่ดูจะเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของเจียงถิง ด้วยความที่เจียงถิงเลือกที่จะเก็บเงียบแต่ชอบไปเผชิญหน้ากับคนร้ายด้วยตัวเอง ทำให้เหยียนเสียหงุดหงิดงุ่นง่านจนจะเป็นบ้า (นักเขียนไม่ได้อธิบายไว้หรอก แต่เรารู้ เราเห็น เราสัมผัสได้) ในตอนแรกๆ เหยียนเสียไม่ไว้ใจเจียงถิงเลย ถึงจะให้มาช่วยงานแต่ก็แอบลอบสังเกตุ (จับผิด) อยู่ตลอด ไม่รู้ว่าเจียงถิงเป็นคนดีหรือคนร้าย อีกนัยหนึ่งก็คือกลัวว่าเจียงถิงจะไปแอบทำอะไรลับหลัง ที่เหยียนเสียไม่รู้ตัวก็คือ จริง ๆ แล้วตัวเองห่วงใยเจียงถิงมากแค่ไหน ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะรัก (เดี๋ยว ๆ ) จากตอนแรกที่โอบบ่อยเพราะต้องการแกล้ง หลังๆ นี่โอบเพราะเสน่หาชัดๆ (หึ)
พอมาคดีที่สองที่เป็นคดีลักพาตัว สืบไปสืบมาก็เหมือนจะไม่ใช่คดีง่ายๆ อีกแล้ว ในท้ายเล่มสองคดียังไม่สิ้นสุด ยังไม่ได้เปิดเผยตัวการเบื้องหลัง แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าตัวการเรื่องนี้ก็แก็งค์เดิมนั่นแหล่ะ (เดาล้วน ๆ ) ก็ไม่รู้ว่านักเขียนจะวางแต่ละคดีเป็นจิ๊กซอว์ตัวเล็กๆ ที่สุดท้ายนำมาประกอบกันเป็นภาพใหญ่หรือว่าจะจบเป็นคดีๆ ไป แล้วค่อย ๆ เปิดเผยตัวการใหญ่มาคดีละเล็กน้อย แต่ที่รู้ตอนนี้ก็คือตัวการใหญ่เหมือนจะเป็นคนที่ผูกพันกับเจียงถิงมาตั้งแต่เด็ก อาจจะเป็นแนวแค้นเพราะรักหรืออะไรแบบนี้ก็เป็นได้ ก็ต้องติดตามกันต่อไปค่ะ
ความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ พัฒนาของคนสองคนที่บุคลิกต่างกันสุดขั้ว
พูดถึงความสัมพันธ์ของ เหยียนเสีย กับ เจียงถิง ก็คือเป็นการพัฒนาไปแบบช้า ๆ เหยียนเสียเองก็เป็นชายผู้มาดแมน ก่อนหน้าที่จะมาเจอเจียงถิงก็คือชายผู้ใช้เวลาว่างไปกับดาราเอวี แต่พอเจอเจียงถิงก็สะดุดตากับใบหน้าและผิวที่ขาวซีด เหยียนเสียชอบเรียกเจียงถิงว่า คุณดาวตำรวจ เพราะใบหน้าที่ดูดีและร่างกายที่อ่อนแอบอบบาง โดนลมหน่อยก็เป็นหวัด อดนอนก็ไม่ได้ ต้องกินข้าวตรงเวลาไม่งั้นจะเป็นลมเพราะความดันต่ำ แต่ถึงจะปากบ่นแต่ตัวเองกลับดูแลประคบประหงมเขายังกับลูกน้อย เวลาต้องสืบคดีดึกๆ ดื่นๆ ก็ไล่เจียงถิงกลับไปนอน ยอมเดินออกไปซื้อน้ำเต้าหู้ซาลาเปามาให้แถมเสียบหลอดพร้อมดูดยื่นให้ถึงปาก :) แสนจะห่วงหวง แล้วไม่รู้ทำไมชอบเข้าไปประชิดตัวเขาเหลือเกิน เดี๋ยวกดกับกำแพง เดี๋ยวกดกับเบาะรถ เดี๋ยวโอบเดี๋ยวโอบ พอเจียงถิงขัดขืนก็พูดว่าโอบนิดโอบหน่อยไม่ได้ เป็นสาวน้อยหรือไง (นี่สินะ .. ข้อได้เปรียบของการจีบผู้ชายด้วยกัน) แล้วคือชอบมองเจียงถิงตลอดเวลา มองตา มองคอ มองปาก มองลูกกระเดือก มองนิ้วมือ เขายื่นรูปถ่ายคดีให้ดูก็เผลอไปชมว่าเขามือสวยซะง้้น ใจเราไม่เป็นของเราอะนะ เฮียเหยียน!
ฝ่ายเจียงถิงเองดูนิ่งๆ และไม่ค่อยจะเข้าใจพฤติกรรมผีเข้าผีออกของเหยียนเสียสักเท่าไหร่ แต่ก็คร้านจะไปสนใจคนบ้า สืบคดีของเราดีกว่าประมาณนั้น เลยมีหลายครั้งที่เหยียนเสียตัดพ้อออกไปแต่เจียงถิงไม่รับรู้ด้วย ได้แต่ทำหน้างงๆ แล้วถามว่า "ผมทำ/พูดอะไรผิดไปหรือเปล่า" "คุณมีปัญหาอะไรกับผมกันแน่" อย่างแมนเลยค่ะ ชอบมาก แต่ลึกๆ แล้วเจียงถิงก็รับรู้แหล่ะว่ามะเร็งชายแท้ผู้นี้เป็นคนดีที่พึ่งพาได้ อยู่ใกล้แล้วรู้สึกปลอดภัย ตอนเล่มสองก็คือมีฉากดีๆ เยอะมาก โดยเฉพาะตอนท้ายเล่ม ประโยคที่ว่า "ผมรู้ ผมรู้มาโดยตลอด" ทำเอาคนอ่านน้ำตาจะไหล มันดีมากจริงๆ
หนทางยังอีกยาวไกล ติดตามกันต่อไปในเล่ม 3,4,5,6
อ่านมาถึงตรงนี้ เริ่มรู้สึกอยากไปหามาอ่านกันบ้างหรือยัง อาชญากรรม <รัก> ในม่านเมฆ ภาคภาษาไทย มี 6 เล่มจบ หั่นซอยมาจากต้นฉบับ 5 เล่ม ถึงแต่ละเล่มจะไม่หนามาก แต่ขอบอกว่า Font เล็กนะคะ เพราะฉะนั้นเล่มนึงที่ใช้เวลาอ่านพอสมควรเลย แต่ถ้าถามเราก็คืออยากให้หนากว่านี้อีก เอามาอีกเยอะๆ เลยค่ะ เพราะสนุกมาก
ตอนนี้ทาง สนพ. ตีพิมพ์ออกมาถึงเล่ม 2 และได้ข่าวว่าเล่ม 3,4 จะมาพร้อมกันในงานหนังสือเดือนกันยานี้เลย (เพี้ยง!) ก็ได้แต่รอคอยเล่มต่ออย่างใจจดจ่อ เพราะเล่มสองนี่จบค้างอีกแล้ว
เรื่องนี้รูปเล่มสวยงามน่าเก็บมากค่ะ เราชอบรูปปกเวอร์ชั่นนี้มากๆ เจียงถิงดูลึกลับ เย็นชา อ่อนแอ ในขณะที่เหยียนเสียเข้มมาก โทนสีของปกก็สวยมากๆ ตอนนี้ลุ้นหน้าปกเล่มที่เหลือมากเลยว่าจะมาสีอะไร เราชอบถึงขนาดสั่งซื้อหนังสือ Art Book ของคนวาดปกที่กำลังเปิดพรีอยู่ที่จีนเลยค่ะ (มีรูปปกเรื่องนี้ด้วย) ข้อเสียอย่างเดียวที่พบแต่ค่อนข้างรุนแรงคือ คำผิดเยอะมาก โดยเฉพาะเล่มแรก พอเล่มสองดีขึ้นหน่อยแต่ก็ยังถือว่าเยอะอยู่ อยากให้ปรับปรุงตรงนี้มากๆ ที่เหลือไม่มีอะไรจะติเพราะสำนวนแปลก็เรียบเรียงดี แม้เนื้อหาจะยากแต่คนแปลและเรียบเรียงเก่งมาก อันนี้ขอชมเลย
คำผิดในเล่ม 1 กับ 2 ก็จะประมาณนี้
แล้วก็รอลุ้น Box มากๆ เลยค่ะ หวังว่าจะสวยเลอค่าน่าเก็บ ขอ Box สอด 2 ชั้นเลยยิ่งดี สนพ. นี้ทำ Box สวยนะ ดูจาก ตัวร้ายอย่างข้าฯ ก็ได้ แถมเรื่องนี้ 6 เล่มด้วย ขอแบบปังๆ เลยนะ
แล้วก็ถ้าใครสั่งซื้อตรงกับ สนพ. จะได้รับการ์ดใสในแต่ละเล่มด้วยนะคะ ซึ่งลายการ์ดก็น่ารักมาก ไม่อยากให้พลาดกันเลยแหล่ะ
การ์ดเล่ม 1 ชื่อ "จับจูง" เล่ม 2 ชื่อ "จับจุ๊บ" กว่าจะถึงเล่มสุดท้ายไม่รุ้จะจับไปถึงไหน XD
และสุดท้ายจริง ๆ แล้ว เราได้จัดทำผังตัวละครขึ้นมาด้วยค่ะ เพราะว่าตอนที่จะอ่านเล่ม 2 เราพบว่าเราจำตัวละครอื่นนอกจากพระ-นาย แทบไม่ได้เลย ตอนที่อ่านทวนรอบนี้เลยทำผังตัวละครขึ้นมาซะเลย โดยเฉพาะพวกนายตำรวจทั้งหลาย จำไม่ค่อยได้เพราะคนเยอะมาก พออ่านไปนั่งทำไป พบว่าช่วยได้พอควรเลยนะคะ บางคนหายไปนานโผล่มาอีกทีนึกไม่ออกว่านี่ใคร เสียดายที่ตอนแรกทำแต่ชื่อ ไม่ได้ใส่บุคลิกลักษณะลงไปด้วย ถ้ามีโอกาสอ่านทวนจะค่อยๆ เติมเข้ามาค่ะ เดี๋ยวรอเล่ม 3 ออกแล้วจะมา update version ใหม่นะคะ
ไม่รักจริง ไม่ขยันทำนะ :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in