.
.
.
.
.
Would you be my teddy bear?
Yes, I will be your teddy bear
.
.
.
คนเราซื้อตุ๊กตาราคาแพงไปเพื่ออะไรกัน เหตุผลหลักๆ ของการซื้อตุ๊กตาหมีที่ไร้ชีวิตจิตใจนั่นก็คงหนีไม่พ้นการเป็นของขวัญให้ใครสักคนล่ะมั้ง ผู้รับมักมีความสุขกับการได้เป็นเจ้าของมันเสมอ... แม้ว่าใบหน้าของมันจะไร้ซึ่งความรู้สึกยินดียินร้ายก็ตาม ใครจะรู้ล่ะว่าตุ๊กตาที่ผลิตจากผ้าพวกนั้นจะมีความรู้สึกนึกคิดหรือเปล่า...
ชางกยุน เด็กหนุ่มวัย 20 ปี กำลังยืนมองร้านตุ๊กตาหมีที่คนส่วนใหญ่มักมองว่ามันน่ารัก เงินจำนวนมากมายที่หลายๆ คนหยิบยื่นให้กับพนักงานสาวที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน ก่อนจะรับเจ้าพวกน่ารักนั่นกลับไป ตุ๊กตาหมีพวกนั้นมันก็เหมือนเขานั่นแหละ ต่างถูกจับมาวางบนชั้นที่สวยหรูเพื่ออัพราคาให้ผู้ที่พบเห็น ยิ่งตัวไหนราคาแพงมาก... คนยิ่งอยากได้
ถูกแล้วล่ะ ตุ๊กตาหมีไม่มีชีวิตหลายสิบตัวบนชั้นที่จัดซะสวยนั่น สุดท้ายก็ลงเอยที่การเป็นสินค้าราคาแพงเหมือนกันกับเขา เพียงแต่ว่าเจ้าตุ๊กตาพวกนั้นกับเขาถูกวางในที่ๆ ต่างกันก็เท่านั้น เขาได้แต่แค่นยิ้มให้กับชีวิตหลังการถูกซื้อตัวไปของพวกมัน การได้รับความรักจากเจ้าของที่ซื้อไป การดูแลเอาใจใส่ต่างๆ มันต่างกับตุ๊กตาที่มีชีวิตอย่างเขาสิ้นเชิง...
ผิดหรอ ถ้าเขาจะอยากมีชีวิตหลังการซื้อขายแบบตุ๊กตาหมีพวกนั้น...
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงของมินฮยอก ลูกน้องคนสนิทของ อีจูฮอน คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของชีวิตคนใหม่ของชางกยุนถามขึ้น ใช่ เขากำลังถูกส่งตัวไปหาอีจูฮอน ใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า และไม่แม้กระทั้งได้เอ่ยปากคุยกับเขาเลยสักครั้ง ก็แน่ล่ะ ตัวเขาเองพึ่งจะรู้ตัวเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนเท่านั้นว่ามีคนจะซื้อตัวเขาด้วยจำนวนเงินที่เยอะพอจะซื้อบาร์ของเจ้านายเก่าได้ด้วยซ้ำ
“เปล่าครับ อีกนานมั้ยครับกว่าเขาจะมา” เขาสะบัดความคิดอิจฉาชีวิตที่ไร้ชีวิตของเหล่าตุ๊กตาหมีนั่นออกไป ก่อนจะเอ่ยถาม ไม่ได้เร่งรัด ชางกยุนแค่อยากรู้ว่าใครกันล่ะ ที่จะยอมทุ่มเม็ดเงินขนาดนั้นเพื่อตุ๊กตาไร้ค่าราคาแพงอย่างเขา
“นายใหญ่รออยู่ด้านในอยู่แล้วครับ” มินฮยอกบอก ก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปในภัตตาคารอาหารที่หรูหรามีระดับ คนตัวเล็กที่ไม่เคยเยียบเข้ามาในที่แบบนี้ถึงกับเกร็งไปหมด ความอึดอัดเกาะกุมไปทั่วร่างกายของเขา ความรู้สึกที่ว่า ที่ๆ นี่ไม่เหมาะกับเรามันเป็นอย่างนี้นี่เองสินะ
ชางกยุนได้แต่มองเสื้อผ้าเก่าๆ ของเขาที่เลือกสรรมาอย่างดีแล้วว่าใหม่ที่สุดในบรรดาเสื้อผ้าที่มีอยู่ แต่ก็ยังไม่เข้ากับภัตตาคารหรูหรานี่อยู่ดี
เขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองพนักงานต้อนรับที่ก้มหัวทำความเคารพจนแทบจะล้มลงกับพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะมองโครมไฟประดับตกแต่งราคาแพงที่สวยงามน่ามองนั่น หรือแม้กระทั้งจะชำเรืองมองขาโต๊ะที่ตั้งเรียงกันเป็นระเบียบในร้าน เขาก็ไม่กล้าพอจะใช้สายตายลโฉมความสวยงามของพวกมันเลย
“มาแล้วครับนาย” เสียงของมินฮยอกดังขึ้นดึงสติของเขาที่จิตไม่อยู่กับเนื้อกับตัวให้กลับเข้าที่ มือเล็กสั่นไปหมดตั้งแต่รู้ว่าใครอีกคนกำลังจะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป
“อืม นั่งสิ” เสียงทุ้มที่มั่นคงของจูฮอนทำเอาร่างบางสะดุ้ง เขารู้สึกตัวลีบเหลือน้อยนิดชนิดที่ว่าเขาเป็นเพียงตุ๊กตาหมีตัวนึงเท่านั้น ขาเรียวตายสนิท มือทั้งสองกำชายเสื้อของตัวเองเอาไว้แน่นอย่างทำอะไรไม่ถูก
“ทำไมไม่นั่งล่ะ” คนตัวสูงเอ่ยถามอีกครั้ง ลูกน้องคนสนิททำเพียงมองเจ้านายเขาเล่นกับตุ๊กตาตัวใหม่อยู่ห่างๆ เท่านั้น ดูก็รู้ว่าคนตัวเล็กกลัวเจ้านายของเขา จะให้พูดยังไงล่ะ เด็กแบบชางกยุนที่วันดีคืนดีก็ต้องมาคุยกับคนที่มีอำนาจล้นมือแบบเจ้านายของเขา เป็นเขาก็คงยืนตัวสั่นแบบนั้นเหมือนกัน
“เอ่อ... คือ”
“มินฮยอก!” เสียงนั่นทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งใหญ่ เขาไม่ได้ตะโกน ไม่ได้ตะคอก เพียงแต่กดเสียงให้ต่ำลงกว่าเดิมเท่านั้น แต่นั่นแหละ พลังชีวิตของชางกยุนก็ต่ำลงพร้อมกับน้ำเสียงของเขาเช่นกัน
“ครับนาย”
“นายดูแลยังไง ทำไมเป็นแบบนี้” คนตัวสูงถามขึ้น ส่งยิ้มนิดๆ ให้กับลูกน้อยคนสนิทของเขา ใช่ เขาถูกใจตุ๊กตาราคาแพงนี่ แน่ล่ะ นักธุรกิจอย่างเขาไม่ยอมทุ่มเงินก้อนใหญ่เพื่อซื้ออะไรที่ไร้ค่าหรอก
ลงทุนผิดที่มีแต่เสียเวลา...
“ขอโทษครับนาย เป็นความผิดของผมเอง ผมจะ...”
“ไม่ใช่นะครับ คือ... ผมแค่กลัวว่าโต๊ะมันจะสกปรก ไม่ใช่ความผิดของคุณนะครับ” ชางกยุนรีบตอบอย่างลืมตัวไปเลยว่าเขายืนอยู่ตรงหน้าคนที่เขากลัวที่สุด เขาเพียงแค่ไม่อยากให้ใครต้องมารับผิดชอบกับสิ่งที่เขาทำก็เท่านั้น
“เธอกลัวโต๊ะเลอะมากกว่ากลัวฉันหรอชางกยุน” จูฮอนถาม ไม่แปลกหรอกที่เขาจะรู้จักคนตัวเล็กนั่น เขาเป็นนักธรุกิจ เขาย่อมทำความรู้จักสินค้าทุกชิ้นเป็นอย่างดีก่อนจะลงทุนกับมันด้วยซ้ำ และชางกยุนเองก็เป็นสินค้าตั้งโชว์ที่ติดใบราคาพร้อมทำการซื้อขายอยู่แล้วสำหรับเขา
หากคนตัวเล็กเงยหน้ามาสักนิดคงได้เห็นรอยยิ้มพอใจที่หายากของเขาไปหลายทีแล้วล่ะ เพียงแต่อีกคนเอาแต่ก้มหน้าจนคางชิดอกอยู่เท่านั้น
“ขอโทษครับ” เขาบอกพร้อมกับก้มหัวให้ต่ำลงไปอีก ใครจะกลัวโต๊ะเลอะมากกว่ากลัวคนตัวสูงกันล่ะ หากให้เขาเลือก เขายอมละเลงโต๊ะทั่วภัตตาคารนี่ดีกว่าไปสู้กับคนตัวสูงด้วยซ้ำ
“นั่งเถอะครับ นายใหญ่รอนานแล้ว” มินฮยอกดันเก้าอี้ตัวใหญ่ให้กับคนตัวเล็กก่อนจะโค้งให้เจ้านายของเขาแล้วเดินแยกออกไป
“เดี๋ยวครับ” แขนเล็กคว้าเข้าที่ข้อมือของมินฮยอกก่อนจะเอ่ยบอก “ขอบคุณนะครับ”
มินฮยอกทำเพียงโค้งตัวให้อีกคนก่อนจะเดินออกไปเท่านั้น แน่ล่ะ ขืนเขาอยู่นานกว่านี้ นายใหญ่คงได้เอาลูกปืนเป่าหัวเขากลางร้านอาหารเป็นแน่
“กินสิ” ร่างสูงเอ่ยขึ้น ก่อนที่ชางกยุนจะพยักหน้าลงพลางมองอาหารบนโต๊ะ ให้ตายเถอะ ในชีวิตตลอด 20 ปีของเขา เขาไม่เคยเจออาหารที่หน้าตาสวยงามขนาดนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ ที่สวยสุดในชีวิตของเขาคงจะเป็นจานกับแกล้มราคาเยียบครึ่งพันในบาร์ของเจ้านายเก่าเขาเท่านั้นแหละ
“รู้ใช่มั้ยว่าฉันซื้อตัวนายมาทำไม” ชางกยุนเงยหน้าขึ้นจากอาหารก่อนจะต้องก้มหลบสายตาคมๆ นั่นอีกครั้ง
“ตอบฉันชางกยุน ฉันไม่ชอบพูดคนเดียว” เสียงนั่นดังขึ้นเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่พยักหน้าลงเท่านั้น
“ทราบครับ” ชางกยุนรู้ เขารู้ดีเสมอว่าเขาถูกจัดให้อยู่ในหมวดของมนุษย์ที่เป็นเพียงสินค้าก็เท่านั้น และก็รู้ดีว่าชีวิตหลังการซื้อขายสินค้าอย่างเขามันเป็นอย่างไร
“อิ่มหรือยัง”
“ครับ” อย่าถามว่าทำไมเขาถึงยังมีกระจิตกระใจกินอาหารพวกนี้ ใช่ เขาเลือกเกิดไม่ได้ ทำให้ต้นทุนในชีวิตของเขามันมีน้อยยิ่งกว่าน้อย หรือแม้แต่การเลือกที่จะเป็น เขายังไม่มีโอกาศเลือกมันเลยด้วยซ้ำ
ที่เขาทำได้ก็เพียงแค่ยอมรับกับชะตากรรมของเขาก็เท่านั้น ยอมรับว่าชีวิตของเขามันไม่ได้สวยหรูเหมือนตุ๊กตาหมีบนชั้นสวยๆ นั่น เขาเก่งกว่าพวกมันตรงที่อย่างน้อย เขาก็ยิ้มรับให้กับทุกอย่างในชีวิตของเขาได้ อย่างน้อยแล้วเขาก็มีอิสระที่จะแสดงอารมณ์ออกมาบ้าง ไม่ใช่ทำหน้านิ่งไร้ซึ่งจิตวิญญาณอะไรแบบนั้น นั่นแหละ ความภาคภูมิใจสุดท้ายในตัวของเขา
.
.
.
ชางกยุนนั่งอยู่ในรถลีมูซีนคันสวย ที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีวาสนาแม้แต่จะเห็นมันด้วยซ้ำ เบาะหนังข้างๆ มีเจ้าของชีวิตของเขากำลังนั่งมองเส้นขีดๆ สีเขียวๆ แดงๆ ในจอสี่เหลี่ยมราคาแพงที่คนสมัยนี้เรียกกันว่าไอแพด เขาพึ่งจะเคยเห็นมันใกล้ๆ ก็วันนี้
“อยากเห็นหรอ” เหมือนคนตัวเล็กจะเสียมารยาทจนคนข้างๆ จับได้ ร่างสูงยื่นจอสี่เหลี่ยมนั่นมาหาเขาพลางเอ่ยถาม
“มันคืออะไรหรอครับ” ชางกยุนถามอย่างสนใจไอ้ตัวขีดๆ สีเขียวๆ แดงๆ ในจอสี่เหลี่ยมนั่น ก็เขาไม่เคยได้เรียนหนังสือนี่ เขาไม่รู้หรอกว่า แท่งๆ พวกนั้นมันคืออะไร
“เอ่อ... ขอโทษครับ ผมถามคุณได้ใช่มั้ย” คนตัวเล็กถามอีกครั้งเมื่อคนตรงหน้าของเขาเงียบไป ก็เขาไม่รู้นี่ว่าเขาทำอะไรไม่ถูกใจคนตัวสูงเข้าหรือเปล่า ทำไมต้องมองจ้องเขาขนาดนั้นด้วย
“ไว้ฉันจะสอนนายดูมันแล้วกัน” จูฮอนบอกพร้อมกับวางเจ้าจอสี่เหลี่ยมนั่นลง ก่อนจะวางมือลงบนหัวทุยๆ ของคนตัวเล็ก
“นายจะเป็นเด็กดีของฉันใช่มั้ยชางกยุน...”
.
.
.
ลีมูซีนคันหรูแล่นเข้าจอดเทียบข้างลานน้ำพุหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่... ใช่ ที่นี่เรียกว่าบ้านหลังใหญ่ไม่ได้หรอก มันแทบจะเป็นพระราชวังอะไรแบบนั้นแล้วด้วยซ้ำ
“นายใหญ่” ชางกยุนขมวดคิ้วแน่น เมื่อชายมีอายุคนหนึ่งโค้งให้กับประมุขของบ้าน พ่อบ้านที่ดูท่าจะมีอายุมากกว่าจูฮอนด้วยซ้ำ แต่ทำไมถึงต้องเคารพคนที่อ่อนวัยกว่าด้วยล่ะ
“ยินดีต้อนรับครับคุณหนู” คนตัวเล็กที่เอาแต่สงสัยจนต้องถอยหลังอย่างตกใจ เมื่อคุณลุงคนเดิมก้มหัวให้กับเขา โชคดีที่มีมืออุ่นๆ ของจูฮอนยื่นมาดันหลังไว้ก่อนที่เขาจะหงายหลังลงไป ไม่แปลกที่เขาจะตกใจหรอก เขาไม่เคยมาถูกกระทำอะไรแบบนี้นี่ อีกอย่างอายุเขาเองก็น้อยกว่าคุณลุงชนิดที่ว่าแทบจะเป็นปู่กับหลานได้อยู่แล้ว แบบนี้ยิ่งทำให้เขาอึดอัดเข้าไปใหญ่
“คุณลุง อย่าก้มหัวให้ผมสิครับ ผมเป็นหลานคุณลุงได้เลยนะครับ” คนตัวเล็กบอกพร้อมกับก้มหัวให้กับหัวหน้าพ่อบ้าน ภาพที่ประมุขของบ้านถึงกับหลุดยิ้ม แน่ล่ะ เขาไม่เคยเจอใครซื่อเท่ากับตุ๊กตาตัวเล็กนี่มาก่อน ชีวิตของเขาใช้เงินซื้อความสุขมาตลอด แต่ตุ๊กตาทุกตัวที่เขาซื้อ แค่เห็นเงินก็ลืมความเป็นตุ๊กตาที่น่ารักจนเขาเฉยชาที่จะซื้อมัน
“ชินเถอะ... ต่อไปนายจะเป็นนายหญิงของที่นี่” พระเจ้า... บอกเขาทีเถอะว่าเขาฝันไป นายยงหญิงอะไรนั่นมันมีจริงเสียที่ไหน แล้วตุ๊กตาไร้ค้าอย่างเขาเนี่ยน่ะหรือ จะกลายเป็นนายหญิงอะไรแบบนั้น มีแต่ในละครหลังข่าวที่พวกพี่ๆ ในบาร์เปิดดูกันเท่านั้นแหละ อีกอย่างตัวเขาเป็นผู้ชายจะกลายเป็นนายหญิงได้ยังไงกันล่ะ
“เชิญทางนี้ครับคุณหนู” เสียงพ่อบ้านมีอายุเอ่ยบอกกับเขา ให้ตายเถอะ เขาไม่ชินกับคำว่า ‘คุณหนู’ อะไรนั่นเลย
“ไปเถอะ นี่เป็นที่ของนาย” ชางกยุนหันไปขออนุญาตคนข้างๆ ก่อนจะได้รับคำตอบเรียบๆ นั่นมา คำตอบที่ทำให้เขาต้องกระตุกคิ้วเข้าหากันอีกครั้ง ที่สวยๆ แบบนี้เนี่ยนะจะเป็นของเขา... ไม่จริงหรอก อย่าลืมสิ เขาไม่ใช่ตุ๊กตาหมีที่ถูกซื้อเพื่อเป็นของขวัญ เขาอาจจะเป็นเพียงตุ๊กตาหมีที่ถูกซื้อ เพื่อรองรับอารมณ์ของเจ้าของเขาก็ได้
.
.
‘ที่ของนาย’ คำพูดของจูฮอนในวันแรกที่ชางกยุนเยียบเข้ามาอยู่ที่นี่เหมือนถูกพิสูจน์ด้วยเวลา คนในคฤหาสน์หลังใหญ่นี่ปฏิบัติกับเขาชนิดที่ว่า ดีเกินกว่าคำว่าดีด้วยซ้ำ รวมถึงคนตัวสูงที่เป็นเหมือนเจ้าของชีวิตตุ๊กตาอย่างเขา ดีจนตัวเขาเองก็กลัวความรู้สึกของตัวเอง...
“ทำอะไรอยู่” เสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลังของคนตัวเล็กที่กำลังขมักเขม้นอยู่กับการถักผ้าพันคอผืนสวย
“คุณจูฮอน... เดือนหน้าก็เข้าหน้าหนาวแล้วครับ ผมอยากทักผ้าพันคอให้คุณ” เสียงเล็กบอกพร้อมกับวางอุปกรณ์ต่างๆ ลง ก่อนจะเดินไปรับเสื้อสูทราคาแพงมาถือไว้ ใช่ หน้าที่นี้กลายเป็นของเขาไปตั้งแต่ที่เขาเข้ามาอยู่ที่นี่
จะว่าไปแล้ว ตัวเขาเองก็ค่อนข้างแปลกใจที่ร่างสูงไม่ได้ปฏิบัติกับเขาเหมือนอย่างที่คนตัวเล็กคิดไว้เลย จูฮอนดีกับเขาเหมือนกับว่าเขาเป็นตุ๊กตาหมีที่ถูกซื้อด้วยความรักไม่ใช่ความใคร่อย่างที่เขาเข้าใจ
“ชางกยุน นายอยากเรียนหนังสือมั้ย” ร่างสูงถามขึ้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นดึงเนคไทค์เส้นสวยออกจนชางกยุนต้องยื่นมือไปช่วย การกระทำที่ใส่ใจของคนตัวเล็กทำเอาเขาเองนึกชอบใจจนต้องระบายยิ้ม ยิ้มที่บ่อยขึ้นจนเขาเองก็รู้สึกได้
“อยากครับ แต่ผมไม่มีเงินไปทำอะไรแบบนั้นหรอก” คนอย่างชางกยุนน่ะหรอจะมีโอกาศเรียนหนังสืออย่างคนอื่นเขา เขาจะเอาปัญญาที่ไหนไปส่งตัวเองเรียนล่ะ แค่เอาตัวรอดมาถึง 20 ปีได้ก็เก่งมากแล้วเสียงเล็กเอ่ยบอกพร้อมกับเม้มปากเข้าหากันแน่น เขาก็เป็นแบบนี้แหละ ต้องยอมรับความจริงให้ได้
ร้องไห้ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก ที่เขาทำมาตลอดก็แค่ทำให้ตัวเองเข้มแข็งก็เท่านั้น เพียงแต่ในเวลานี้ที่เขาอยู่กับคนตัวสูง ความเข้มแข็งและกำแพงที่เขามีก็ดูจะอ่อนไหวและพังลงมาง่ายเหลือเกิน
“อยากเรียนอะไรล่ะ ฉันจะส่งนายเรียนเอง” ร่างสูงบอกพร้อมกับวางมือลงบนหัวทุยๆ ของคนตัวเล็ก
“…” ไม่มีคำตอบอะไรจากชางกยุน มีเพียงน้ำตาเม็ดใสๆ เท่านั้น ใช่ เขาดีใจกับสิ่งที่พึ่งได้ยิน อย่างน้อยเขาก็ถูกมอบความรักแบบที่ตุ๊กตาหมีทั่วๆ ไปมักจะได้รับ
ความรักหรอ... ไม่ใช่หรอก คุณจูฮอนอาจจะแค่สงสารเราก็ได้
"ร้องไห้ทำไม" เขาถามพร้อมกับมืออุ่นๆ ที่เชยเข้าที่คางมนๆ ของคนตัวเล็ก ตาคมมองไปนัยตากลมๆ ที่คลอน้ำใสๆ
“ผมดีใจครับ” ความจริงมันก็เกินคำว่าดีใจไปมากอยู่เหมือนกัน เกินไปกว่ามากจนตัวเขาเองก็อธิบายมันออกมาไม่ถูก ชีวิตที่ไม่เคยได้รับการเอาใจใส่ดูแลเลยของเขาที่ในวันหนึ่งก็มีมือที่อบอุ่นยื่นเข้ามาหา ไม่ว่าจะด้วยความสงสารหรืออะไรก็แล้วแต่ มันมากจนเขาเองก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงเหมือนกัน
“เป็นเด็กดีของฉันนะชางกยุน” ร่างสูงบอกพร้อมกับเช็ดน้ำตาบนแก้มเนียนๆ ของคนตัวเล็ก อีกหนึ่งอย่างที่ชางกยุนรับรู้ได้จากการเข้ามาอยู่ที่นี่
คุณจูฮอนเป็นคนใจดี...
“อยากเรียนอะไรก็บอกล่ะ ฉันจะให้มินฮยอกจัดการให้... แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ ผ้าพันคอที่นายถักให้ฉัน”ร่างสูงของจูฮอนนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่พร้อมกับดึงคนตัวเล็กลงไปนั่งบนหน้าขาของเขา แขนแข็งแรงสอดเข้าที่เอวเล็กพร้อมกับเอ่ยถาม
เขาเคยตัวกับท่านั่งแบบนี้ไปแล้วล่ะ จะว่าชอบก็คงใช่ เขาชอบที่ตัวหอมๆ ของชางกยุนมานั่งอยู่บนตักของเขา และแน่นอนว่าชางกยุนเองก็ชินแล้วเช่นกัน คนตัวเล็กถูกจับให้นั่งแบบนี้มาตั้งแต่ช่วงแรก ครั้งแรกก็ตกใจอยู่บ้าง ถึงเขาจะเคยเห็นพี่ๆ ที่บาร์ถูกแขกทำแบบนี้บ่อยๆ แต่พอโดนทำเข้าจริงๆ มันต่างกันสิ้นเชิงกว่าการนั่งมองดูมากนัก
แขกที่บาร์ไม่อ่อนโยนแบบคุณจูฮอน...
“เหลือเก็บมุมตรงนี้ก็เสร็จแล้วครับ” บอกพลางหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาถักต่อ ลมหายใจอุ่นๆ ที่ลดต้นคอขาวๆ ทำให้คนตัวเล็กต้องถอยตัวหนีอยู่บ้าง ไม่ได้ไม่ชอบอะไรหรอก เขาแค่ทำตัวไม่ถูกเฉยๆ เวลาพี่ๆ ที่ร้านถูกทำแบบนี้ พวกพี่เขามักจะหันไปหอมแก้มแขกบ้าง จูบแขกบ้าง แต่คนตัวเล็กไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นหรอก แค่นั่งนิ่งได้และไม่สั่นเป็นเจ้าเข้าเหมือนวันแรกได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้วล่ะ
“มันทำยากมั้ย” เสียงทุ้มดังขึ้นขณะที่มองมือของคนตัวเล็กขยับไปมา
“คุณอยากลองทำมั้ยครับ” ตากลมๆ หันไปถามก่อนจะต้องรีบหันกลับไปมองที่มือตัวเองตามเดิม ก็สายตาแบบนั้นมันเหมือนว่าจะเผาเขาให้ได้เลยนี่
“ไม่ล่ะ ฉันดูนายทำน่ะ ดีแล้ว” ก็แน่ล่ะ นักธุรกิจเปี่ยมอำนาจอย่างเขาจะมานั่งถักผ้าพันคอแบบนี้มันก็แปลกๆ อยู่ หากใครมาเห็นเข้าคงต้องบอกว่าเขาบ้าไปแล้วแน่ๆ ชีวิตของเขาจับอยู่แต่ปากกาและแฟ้มเอกสาร อาจจะมีปืนบ้างก็บางครั้งในกรณีฉุกเฉิน แต่ก็นั่นแหละ ทุกครั้งที่จูฮอนอยู่กับชางกยุนโดยที่ไม่มีลูกน้อง เขาก็เปลี่ยนเป็นอีกคนไปเลย
ปากกาน่ะหรอ เขาไม่รู้จักมันหรอก จับมือคนตัวเล็กตรงหน้าสนุกกว่าเป็นไหนๆ มองแฟ้มเอกสารอะไรกัน รอยยิ้มของชางกยุนสิถึงจะถูก หรือแม้กระทั้งกระบอกปืนที่เขาพกไว้ ก็อยู่ไกลตัวทันทีที่มีคนตัวเล็กอยู่ใกล้ๆ จะว่าหนึ่งเดือนที่มีคนตัวเล็กเข้ามาอยู่ด้วยเป็นหนึ่งเดือนที่เขามีแต่ความสุขก็คงจะใช่
.
.
.
ชางกยุนในคฤหาสน์หลังใหญ่ช่างแตกต่างกับชางกยุนในบาร์ลิบลับ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ได้อยู่ใกล้กับประมุขของบ้าน เป็นรอยยิ้ม เป็นเสียงหัวเราะที่หายากยิ่งกว่ายากจากคนตัวสูง รวมไปถึงเป็นในสิ่งที่คนถูกซื้อตัวด้วยเงินก้อนโตควรจะเป็น ต่างกันตรงที่ชางกยุนทำมันด้วยความรักเท่านั้น ใช่... ตุ๊กตาหมีอย่างเขากำลังจะทำตัวผิดแปลกจากการเป็นตุ๊กตาหมีที่ไร้ความรู้สึก เขากำลังทำผิดกฏของการเป็นตุ๊กตา เขากำลังรักอีจูฮอน...
.
.
“คุณจูฮอนครับ ของคุณครับ” มือเรียวยื่นใบประกาศนียบัตรจบการศึกษาของเขาให้กับคนตัวสูง
“ชื่อนายก็อยู่บนนั้น มันจะเป็นของฉันได้ยังไงล่ะเด็กน้อย” ร่างสูงตอบ เด็กนี่วันแรกน่ารักยังไง วันนี้ก็ยังน่ารักอย่างนั้น
“ผมจะไม่มีมันเลย ถ้าผมไม่มีคุณ มันเป็นของคุณนั่นแหละครับ” ชางกยุนบอกพร้อมกับส่งยิ้มให้ แก้มใสแดงระเรื่อเหมือนว่าเขากำลังบอกรักคนตัวสูงอยู่อย่างนั้นแหละ แต่เปล่าเลย ชางกยุนไม่กล้าจะอาจเอื้อมขนาดนั้นหรอก ถึงแม้ว่าร่างสูงจะดีกับเขามาตลอด แต่เขาก็เป็นแค่ตุ๊กตาตัวหนึ่งเท่านั้น ถึงเขาจะมีชีวิต แต่มันก็ไม่มีค่าเท่ากับชีวิตของร่างสูงที่ดีกับเขาด้วยซ้ำ
“นายเป็นเด็กดีของฉันนะชางกยุน” ตลอด 4 ปีที่ชางกยุนอยู่กับคนตัวสูง นี่ถือเป็นคำชมที่คนตัวเล็กชอบมากที่สุด เหมือนว่าตุ๊กตาอย่างเขาทำให้เจ้าของมีความสุขได้อะไรแบบนั้น
แม้ความรักที่เขามีต่อเจ้านาย จะได้รับเพียงความสงสารเป็นสิ่งตอบแทนเขาก็ยอม
.
.
.
“คุณหนูครับ ระวังร้อนนะครับ” เสียงหัวหน้าพ่อบ้านดังขึ้น เมื่อชางกยุนเอ่ยปากขอทำครัวเอง ก็วันนี้เป็นวันสำคัญนี่ วันเกิดของเจ้าของชีวิตเขาเลยนะ เขาต้องลงมือทำเองสิ
จะว่าเจ้าของชีวิตอย่างเดียวก็คงไม่ใช่... ต้องเป็นเจ้าของหัวใจด้วยถึงจะถูก...
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะระวังตัว” คนตัวเล็กบอกพร้อมกับส่งยิ้มไปให้เหล่าพ่อบ้านแม่บ้านที่ยืนหน้าซีดกันเป็นแถว ก็แน่ล่ะ หากคนตัวเล็กเป็นอะไรขึ้นมา หัวพวกเขาได้หลุดออกจากบ่าน่ะสิ
ชางกยุนน่ะไม่รู้หรอกว่าตัวเองสำคัญกับคนในบ้านขนาดไหน โดยเฉพาะกับนายใหญ่ของพวกเขาที่สั่งนักสั่งหนาว่าให้ดูแลยิ่งกว่าไข่ในหิน แล้วชีวิตพวกเขาจะเป็นอย่างไร หากคนตัวเล็กบาดเจ็บแม้แต่ปลายก้อย
“คุณหนูครับ นายใหญ่บอกว่าให้คุณหนูทานก่อนเลย ไม่ต้องรอครับ” เสียงพ่อบ้านดังขึ้นหลังจากวางสายจากร่างสูง
“ไม่เป็นไรครับ... ผมจะรอ” คนตัวเล็กส่งยิ้มให้ทุกคน ก่อนจะนั่งมองมือเล็กๆ ของตัวเองที่มีเสื้อไหมพรมปักลายจากฝีมือของเขา... ตุ๊กตาหมี
.
.
.
“คุณหนูครับ ขึ้นไปนอนบนห้องเถอะครับ แบบนี้จะปวดคอเอานะครับ” เสียงของมินฮยอกดังปลุกร่างเล็กของชางกยุนที่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะอาหารขนาดใหญ่เพื่อรอคนตัวสูงของเขา ในมือเรียวกอดเสื้อไหมพรมเอาไว้แน่น
“คุณมือขวา คุณจูฮอนยังไม่กลับหรอครับ” เสียงเล็กเอ่ยถาม สรรพนามที่เขาใช้เรียกมินฮยอกที่จูฮอนถึงกับหลุดยิ้มในครั้งแรกที่ได้ยิน
“นายใหญ่ติดธุระครับ คุณหนูไม่ทานอาหารแบบนี้ พ่อบ้านจะโดนดุเอานะครับ” มินฮยอกบอก จนคนตัวเล็กหน้าถอดสี เขาไม่อยากให้คนอื่นมาเดือดร้อนเพราะความเอาแต่ใจของเขานี่ แต่เขาก็แค่อยากรอคนตัวสูงก่อนเท่านั้น...
“ขอโทษครับ” ชางกยุนบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืน ไม่ลืมจะหยิบเสื้อตัวใหญ่ติดมือไปด้วย
“ผมยังไม่หิวเลย ขอไปนั่งรอคุณจูฮอนในห้องทำงานนะครับ” คนตัวเล็กบอกพร้อมกับเดินไปที่ชั้นสอง... ห้องทำงานของร่างสูง
“เอาของว่างไปให้คุณหนูด้วย อีกสักพักนายใหญ่จะมาถึง” มินฮยอกหันไปบอกหัวหน้าพ่อบ้าน ก่อนจะเดินไปทำหน้าที่ของเขาต่อ
.
.
.
นายใหญ่ของบ้านก้าวยาวๆ มาที่ชั้นสองสุดโถงทางเดินทันทีที่ลงจากรถคันหรูมาได้ เขาได้รับรายงานจากลูกน้องคนสนิทว่าคนตัวเล็กของเขายังไม่ยอมแตะอาหารตั้งแต่เมื่อเย็นแล้วด้วยซ้ำ ใจอยากจะอาละวาดเหล่าพ่อบ้านแม่บ้านที่ทำหน้าที่บกพร่องแต่ก็ต้องหยุดความคิดนั่นไว้ก่อนเมื่อมือขวาของเขาบอกหลังจากที่เขามาถึงว่าคนตัวเล็กรอเขาอยู่ในห้องทำงาน
มือหนาบิดมือจับประตูสีทองก่อนจะเปิดมันออก เขายืนมองคนตัวเล็กที่นอนกอดเสื้อถักไหมพรมบนโซฟาตัวใหญ่พลางนึกขำที่อารมณ์ร้อนๆ จนแทบจะระเบิดใส่เหล่าพ่อบ้านแม่บ้านก่อนหน้านี้มันหายไปหมดเพียงแค่เห็นแพขนตาเล็กๆ ที่ปิดสนิทกับแก้มขาวๆ นั่น
“ชางกยุน”
“คุณจูฮอน” คนตัวเล็กที่นอนกอดเสื้อไหมพรมตื่นขึ้น เขาส่งยิ้มให้กับคนตัวสูงพร้อมกับเดินเข้าไปหาเพื่อจะทำหน้าที่ของเขา แต่ก็ต้องหยุดขาของตัวเองลงเมื่อมีเสียงของใครอีกคนที่เขาไม่เคยได้ยินดังขึ้น
“จูฮอน อากาศที่นี่ร้อนมากเลย จะเข้าหน้าหนาวจริงๆ หรอ บ้าไปแล้วร้อนอะไรขนาดนี้” เสียงโวยวายดังมาจากข้างหลังของคนตัวสูงทำเอาร่างบางตื่นจากอาการงัวเงียที่เผลอหลับไปเมื่อสักครู่
“บ่นเก่งจังนายน่ะ แอร์ก็เปิดจะร้อนอะไรนักหนา แล้วเสื้อหนาๆ แบบนี่น่ะใส่มาทำไม” ร่างสูงหันไปหาคนตัวเล็กอีกคนที่เขาพึ่งไปรับมาจากสนามบิน
อยู่ๆ ก็รู้สึกไร้ตัวตนขึ้นมาเฉยๆ ทั้งๆ ที่ชางกยุนเองก็บอกกับตัวเองเสมอว่าเขาเป็นเพียงแค่ตุ๊กตาที่เจ้าของต้องมีวันเบื่อ... แต่ไม่คิดว่าคนตัวสูงจะเบื่อเขาเร็วขนาดนี้
ชางกยุนมองคนตัวเล็กตรงหน้าที่ต่อปากต่อคำกับร่างสูงเจ้าของหัวใจของเขาพร้อมกับระบายยิ้มบางๆ ยิ้มที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขายิ้มเพื่ออะไร รู้แต่ว่าเขาควรยิ้มกับภาพตรงหน้าเท่านั้น
ความรู้สึกอยากเป็นเพียงตุ๊กตาหมีไร้ซึ่งชีวิตและความรู้สึกผุดขึ้นมาในใจจนเขาแทบกั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ชิ! คนด้านชาแบบนายจะไปเข้าใจแฟชั่นอะไรกันล่ะ” คนตัวเล็กบอกพลางส่งค้อนไปให้ร่างสูง ก่อนจะเอ่ยต่อ “นี่ใครอะ น่ารักจัง”
“เอ่อ...”
“ชางกยุน” เสียงของร่างสูงตอบ คนตัวเล็กส่งยิ้มให้กับผู้มาใหม่ก่อนจะก้มลงมองเสื้อไหมพรมในมือ ไม่รู้สิ การที่เขาไม่มีตำแหน่งต่อท้ายทำให้ใจมันหวิวยังไงก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน เขากำลังไม่ใช่เด็กดีของคุณจูฮอนใช่มั้ย
ตุ๊กตาอย่างนายจะไปหวังอะไรล่ะชางกยุน... สุดท้ายนายมันก็แค่ตุ๊กตาที่ถูกลืมเท่านั้นแหละ
“ชื่อเพราะจัง ฉันกีฮยอนนะ นี่จูฮอน คืนนี้ฉันนอนบ้านนายนะ คิดถึงชะมัด อ่อ พรุ่งนี้พาฉันไปซื้อของด้วยสิ”คนตัวเล็กบอกพร้อมกับส่งยิ้มน่ารักๆ มาให้กับชางกยุน ก่อนจะหันไปหาคนตัวสูงแล้วเอ่ยบอก
“ตามใจนายสิ” รอยยิ้มที่คนตัวสูงเคยมีให้กับตุ๊กตาอย่างเขา กำลังถูกแบ่งปันให้ตุ๊กตาตัวใหม่ที่น่ารักสดใสนั่นใช่มั้ย...
“ไปหาขนมกินดีกว่า วันนี้วันเกิดนายนิ ฉันไปนะชางกยุน แล้วเจอกันพรุ่งนี้” ร่างเล็กๆ ของกีฮยอนบอกพลางส่งยิ้มน่ารักมาให้กับคนตัวเล็กก่อนจะหมุนตัวกลับไป
.
.
.
“ทำไมไม่กินข้าว หืม” ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาพลางดึงคนตัวเล็กลงให้นั่งบนตักของเขา
“ผมรอคุณกลับมาครับ” คนตัวเล็กบอก เขากำลังพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างเต็มที่ เขาไม่อยากมาเขื่อนแตกงอแงต่อหน้าคนตัวสูงหรอก เขาไม่อยากเป็นเด็กงี่เง่าแบบนั้น แต่แค่นึกถึงคนตัวเล็กที่เดินกลับออกไปก่อนหน้านี้ ต่อมน้ำตาของเขาก็เหมือนว่าจะขยันทำงานขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ถ้าฉันไม่กลับนายจะรอฉันมั้ยชางกยุน” มืออุ่นๆ ลูบเบาๆ ที่นิ้วเรียวๆ ของคนตัวเล็ก
“ตุ๊กตาไร้ค่าอย่างผมไม่มีวันทิ้งเจ้านายของมันหรอกครับ” เสียงเล็กตอบพร้อมกับน้ำตาเม็ดใสที่ไหลลงบนแก้ม โชคดีที่เขาหันหลังให้กับคนตัวสูง ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงได้กลายเป็นเด็กขี้แงเข้าจริงๆ
“นายเป็นเด็กดีของฉันชางกยุน อย่าร้องไห้เลยนะ” ว่าพลางกดจูบลงบนเรือนผมนุ่มของคนบนตัก ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าคนตัวเล็กคิดอะไรอยู่ แค่มองตาไร้เดียงสานั่น คนมากประสบการณ์อย่างเขาก็เห็นไปถึงไหนต่อไหน ดูก็รู้ว่าชางกยุนน่ะ กำลังคิดเรื่องของกีฮยอนไปไกลมากแล้ว
คนตัวเล็กที่ทำเพียงพยักหน้าลงพลางคิดเข้าข้างตัวเองต่อไปว่าอย่างน้อย ร่างสูงก็จะยังคงเห็นเค้าเป็นเด็กดีคนเดิม เป็นตุ๊กตาหมีตัวเดิมถึงแม้ว่าใครอีกคนจะมีตุ๊กตาตัวใหม่ก็ตาม
“เมื่อกี้นายว่านายเป็นอะไรนะ” เขาถามพร้อมกับเอนตัวพิงกับพนักพิงของโซฟา ไม่วายดึงคนตัวเล็กให้เอนหลังตามลงมาพิงเขาด้วย อ่า เขาหลงรักกลิ่มหอมๆ ผิวนิ่มๆ ตัวบางๆ นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ยิ่งอยู่ใกล้ เขายิ่งอยากสัมผัสให้มากที่สุด ถ้าโลกนี้มนุษย์มีสิ่งที่เรียกว่าไม่พอ ชางกยุนก็คือสิ่งที่เขาไม่เคยรู้สึกว่าเพียงพอเลยสักครั้ง
“ตุ๊กตาหมีครับ” คนตัวเล็กบอกพลางระบายยิ้มบนหน้า ใช่ ตัวเขาน่ะเหมือนตุ๊กตาหมีบนชั้นราคาแพงที่มีร่างสูงเป็นเจ้าของ
“ทำไมนายถึงเป็นตุ๊กตาหมีล่ะ” ถามไปจมูกก็สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ผมนุ่มไปด้วย
“ผมถูกซื้อมาเพื่อให้เป็นแค่ของเล่นชั่วคราว พอคุณมีตุ๊กตาตัวใหม่คุณก็จะลืมผม” ร่างสูงขมวดคิ้วแน่น คนตัวเล็กน่ะหรอ เป็นของเล่นชั่วคราวของเขา ของเล่นชั่วคราวอะไรใช้เวลาเล่นถึง 4 ปีกันล่ะ
“หืม... ฉันไปซื้อตุ๊กตาตัวใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะ” ปากว่าพร้อมกับมืออุ่นๆ ที่ยกเอวบางขึ้นเพื่อหมุนให้คนตัวเล็กหันมาหาเขา
“ก็...” ชางกยุนว่าพลางเสตาหลบคนตรงหน้า ยิ่งนั่งท่านี้ คนตัวเล็กยิ่งรู้สึกประหม่าเข้าไปใหญ่ มืออุ่นๆ ที่วางแนบบนเอวของเขา แล้วไหนจะสายตาที่มองมานั่นอีก
“กีฮยอนน่ะหรอ... หมอนั่นไม่ใช่ตุ๊กตาหมีหรอก หมอนั่นมันเป็นหุ่นยนต์ปีศาจ” ร่างสูงว่าพลางนึกถึงใครอีกคนที่พึ่งจะเดินออกไปจากห้องทำงานของเขา
นั่นมันลูกพี่ลูกน้องของเขา... ไม่ใช่ตุ๊กตาน่ารักแบบชางกยุนเสียหน่อย...
“ยังไงหรอครับ” ถามพร้อมกับเอียงคอไปด้านหนึ่งอย่างสงสัย ตากลมมองไปที่คนตัวสูงอย่างลืมตัวก่อนจะหลุบลงมองที่มือเล็กๆ ของตัวเองตามเดิม
“กีฮยอนน่ะพร้อมจะระเบิดใส่ใครก็ได้ แต่ชางกยุนของฉันเป็นตุ๊กตาหมีที่ระเบิดไม่ได้ใช่มั้ย… หืม” มืออุ่นๆ ปัดปอยผมเล็กให้พ้นจากดวงตากลมๆ นั่น พร้อมกับเอ่ยถาม
“ผมเป็นแค่ตุ๊กตาหมีครับ ผมระเบิดไม่ได้หรอก” คนตัวเล็กบอกพลางระบายยิ้ม ความรู้สึกน้อยใจก่อนหน้านี้ปลิวหายไปหมดเมื่อได้รับความอบอุ่นที่คนตัวสูงมอบให้
“นายว่าคนเราซื้อตุ๊กตาหมีเพราะอะไรหรอชางกยุน” เสียงทุ้มถามพลางบีบมือเล็กเบาๆ
“เพราะมันน่ารักมั้งครับ” นั่นสิ เขาก็ให้คำตอบกับคำถามนี้ไม่ได้เหมือนกัน คงใช่ที่ว่ามันน่ารัก แล้วมันมีเหตุผลอย่างอื่นนอกจากความน่ารักหรือเปล่าเขาเองก็ไม่แน่ใจ...
“นายรักตุ๊กตาหมีของนายมั้ยชางกยุน” จูฮอนถามอีกครั้งพร้อมกับลูบเบาๆ ที่ลายถักบนเสื้อไหมพรมของคนตัวเล็ก
“รักครับ ถึงมันจะไม่มีราคา เป็นแค่ผ้าไหมพรมที่ผมถักเอง แต่ผมก็รักมัน” คนตัวเล็กตอบยิ้มๆ พร้อมกับมองที่ตุ๊กตาหมีจากฝีมือของเขาที่คนตัวสูงลูบอยู่
“ฉันก็รักตุ๊กตาหมีของฉันเหมือนกัน”
.
.
.
end.
Talk :: หวังว่าทุกคนจะชอบ ฝากส่งฟีดแบคให้เค้า ที่ #ฟิควิ่งผลัด หน่อยนะคะ ♡
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in