ธรรมชาติ
— ความเป็นสำนักพิมพ์มีธรรมชาติเหมือนนักวิ่งมาราธอน ยิ่งกับแซลมอนเองนั้นเป็นพวกชอบหาเรื่อง คิดประเด็นขึ้นมาแล้วทำงานร่วมกับนักเขียนตั้งแต่ 0% ไปจนจบ ต่างจากบางสำนักพิมพ์ที่มีวิธีการแตกต่างออกไป (ไม่ได้บอกว่าอันไหนดีหรือไม่ดี) ทั้งหมดนี้ก็เพราะว่าเราอยากทำหนังสือที่ "ทำไมมันยังไม่มีบนแผงวะ" นั่นแหละ ด้วยเหตุนี้มันเลยเหนื่อยเป็นพิเศษ เพราะต้องอาศัยเวลาและความพัวพันในแต่ละขั้นตอนสูงขึ้น ทีมแซลมอนเป็นผู้ช่วยผู้กำกับและเป็นโปรดิวเซอร์ไปในคนเดียวกัน
เมื่อขั้นตอนเยอะ ก็ทำให้ความเสี่ยงสูงเนื่องจากเวลาของเรามีจำกัด สิ่งหนึ่งกระทบสิ่งหนึ่งอยู่แล้ว เป็นที่มาของการเลต เราต้องประคับประคองอารมณ์ให้นิ่งเวลาที่ความเหน็ดเหนื่อยของทุกคนเริ่มแตะจุดสูงสุด เป็นโมงยามที่เครียดง่ายเป็นพิเศษ หงุดหงิดกับแทบทุกอย่าง และพร้อมจะลาออกในทุกเมื่อ เหมือนวิ่งมาราธอนพะวงเรื่องการถอดใจและออกนอกลู่อยู่ตลอดเวลา
เมื่อมีปัจจัยจากภายนอก ก็ทำให้บางครั้งเราปิดเล่มไม่ทัน หนังสืออดขายในวันแรก เป็นบาดแผลที่เราเจ็บร่วมกัน ส่ายหัวให้กับความไม่ได้เรื่องของตัวเอง สลับกับชื่นใจเหลือเกินเวลาเห็นผู้อ่านซื้อหนังสือของเราล้นหลามและแบกมันกลับไปด้วยความชื่นมื่นชื่นชม
— ความเป็นนิตยสารมีธรรมชาติที่ง่ายดายกว่านั้น เข้าใจเรียบง่ายคือ "ห้ามช้า" กำหนดการของมันแน่นอน เดดไลน์หนักแน่นเข้มแข็งไม่มีอ่อนหรือผ่อนผัน ยกเว้นแค่บางเดือนที่โลกเข้าข้างเราให้มีเวลาปิดเล่มยืดออกไปสักหลายวัน
ความเด็ดขาดในงานนิตยสารเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นรายปักษ์ ทุกอย่างบรรจบครบรอบเร็วกว่ารายเดือน (และรายสัปดาห์ก็ยิ่งโหดหิน) ตรงไหนตัดได้ตัด เติมได้เติม มีเวลาตัดสินใจน้อยนิด ต่างจากสำนักพิมพ์ที่อย่างน้อยก็มีราวอาทิตย์ เมื่อตัดสินใจไป ก็นั่งยิ้มรอรับผลตอบรับของตัวเองกันต่อไป มองไปข้างหน้า อาทิตย์ที่เหลือที่กำลังจะบรรจบกันอีกครั้งในช่วงพริบตา
ความเป็นนิตยสารนั้นมีความเครียดที่รุมเร้ารวดเร็วกว่ามาก ถึงคิดเป็นจำนวนเล่มแล้วจะพอกัน (แซลมอนหนึ่งปีราว 40 เล่ม ส่วนยีราฟ 28 เล่มต่อปี) แต่ลูปที่แคบและสั้นนั้นก็ทำให้เครียดไม่แตกต่างกันนัก ยิ่งในเดือนที่โฆษณาน้อยเป็นพิเศษนั้นยิ่งต้องก่ายหน้าผากคิดหนัก และตัดสินใจอย่างบรรจง จึงไม่แปลกที่เราจะพบว่าคนทำนิตยสารจะกลายเป็นพวกอารมณ์ขึ้นลงเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ในตำแหน่งตัดสินใจ เพราะปัจจัยมันมากมายเหลือเกิน
ถึงเราจะไม่ได้ลงไปเขียนอะไรมากนัก แต่กับงานนิตยสารนั้นเรียกร้องให้ต้องคิดถึงมันบ่อยกว่าความเป็นสำนักพิมพ์ แต่สำนักพิมพ์เมื่อร้องเรียกขึ้นมาเมื่อไหร่นั้นคือต้องรื้อ และเป็นงานยักษ์ประจำปีเลยก็ว่าได้ ส่วนนิตยสารนั้นยังมี phase ที่ค่อยๆ ปรับกันไปได้
และอีกสิ่งที่เราคิดว่าเป็นธรรมชาติของนิตยสาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยโอเคสำหรับเราคือระยะเวลาสำหรับการชื่นชมนั้นน้อยนิด เพียงสองอาทิตย์ก็หายวับไปเสียแล้ว ดังนั้นเวลาที่เราคิดถึงนิตยสารที่ทำขึ้นมา เราจะคิดถึงมันในความเป็นโปรเจ็กต์ในฝันมากกว่าจะเป็นรายเล่มที่ถูกผลิตแข่งขันกับวันเวลามากกว่า เพราะทำให้คิดถึงมันอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนและมีทิศทางมากขึ้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in