Joy Division - New Dawn Fades
Album: Unknown Pleasures (Track 5, 1979)
แฟนคลับส่วนใหญ่คาดเดาไว้ว่าเพลงนี้อาจเปรียบได้เหมือนกับสมุดบันทึกความรู้สึกของนักร้องนำเอียน เคอร์ติสก่อนที่เขาเลือกจะจบชีวิตของตัวเอง เนื่องจากหนึ่งปีหลังจากที่ Joy Division ปล่อยเพลงนี้ออกมาเอียนก็ได้เลือกที่จะจากไปในบ้านพักของตนด้วยอายุเพียง 23 ปี โดยแฟนคลับคาดว่าเพลงนี้น่าจะเขียนถึงภรรยาของเอียน (เดโบราห์ เคอร์ติส) ทั้งคู่นั้นมีความสัมพันธ์ร่วมกันที่ไม่ราบลื่นมากนัก
เอียน เคอร์ติสมีอาการป่วยเป็นโรคลมชักที่ค่อนข้างรุนแรงถึงขั้นเคยหมดสติกลางเวที เขาเคยเขียนเพลงที่กล่าวถึงอาการนี้เช่นกัน เพลงนั้นชื่อว่า She's lost control (ไปอ่านในเพจเสพสากลได้นะคะเขาเขียนดีเลยค่ะ คลิกตรงนี้เพื่ออ่านเพิ่มเติม) นอกจากนี้เขาก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
ส่วนตัวชอบแอบตีความว่า เพลงนี้เหมือนเป็นการต่อสู้และถกเถียงภายในตนเอง ระหว่างตัวตนด้านที่ดีพยายามรักษาชีวิตของตนเองปะทะกับด้านที่ลบ จะเห็นได้ว่าความรู้สึกด้านลบจะเป็นผู้ดำเนินเรื่องในขณะที่ตัวตนด้านดีเป็นฝ่ายพยายามยั้บยั้ง ตัวตนด้านลบเล่าว่าตนจดจำและแบกรับทุกความผิดพลาดจนความรู้สึกเริ่มด้านชา ต้องการที่จะหลุดพ้น แสงอาทิตย์ยามเช้าที่มักเป็นสัญลักษณ์แทนความหวัง หรือการเริ่มต้นใหม่สำหรับเขานั้นได้มืดดับเหมือนกับชื่อของเพลง "New Dawn Fades (รุ่งอรุณที่เลือนหาย)"
[Verse 1]
A change of speed, a change of style
ความเร็วที่เปลี่ยนแปลง สไตล์ที่แปรผัน
A change of scene, with no regrets
ฉากที่แปรเปลี่ยนโดยปราศจากความเศร้าโศก
A chance to watch, admire the distance
โอกาสในการเฝ้ามอง และชื่นชมในระยะห่าง
Still occupied, though you forget
ยังเป็นผมที่ติดอยู่ แม้คุณจะลืมเลือน
- ถ้ามองในแง่ของความรัก: ส่วนตัวมองว่า “ระยะห่าง” ในที่นี้อาจจะไม่ได้หมายถึงแค่ระยะทางในความหมายตรงตัวเท่านั้นแต่ดูจะหมายถึง “ความต่าง” ของทั้งคู่ด้วยเช่นกัน คาดเดาจากบริบทข้างต้นที่กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จากที่เคยเป็นอย่างหนึ่ง เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นสิ่งอื่น ท่อน a chance to watch, admire the distance ตัวผู้เล่าเรื่องได้ตระหนักและมองเห็นว่าพวกเขาทั้งคู่ต่างกันมากจึงทำให้เริ่มรู้สึกถึง “ระยะห่าง” ที่เกิดขึ้น เขาทำได้แค่มองและชื่นชมความต่างที่ผลักเขาทั้งคู่ให้ไกลห่างกันออกไปเท่านั้น
- แง่ของการต่อสู้กับความคิดภายในตนเอง: ตัวตนด้านลบกำลังคิดทบทวนถึงความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขามองเห็นถึงความต่างของตัวเองที่ติดอยู่ในอดีตแต่ตัวตนด้านบวกสามารถลืมเรื่องราวต่าง ๆ ได้
Different colours, different shades
So you say
คุณกล่าวเช่นนั้น
[Verse 2]
We'll share a drink and step outside
เราจะร่วมดื่มและก้าวออกไปข้างนอก
An angry voice and one who cried
เสียงหนึ่งโกรธาและอีกหนึ่งเสียงโศกศัลย์
We'll give you everything and more
เราจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างและอะไรที่มากกว่านั้นให้
The strain's too much, can't take much more
ความเครียดนี้มันหนักหนาเกินไป ผมรับอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว
Oh, I've walked on water, run through fire
ผมน่ะเคยทั้งเดินบนผิวน้ำ และวิ่งฝ่าเปลวไฟ
Can't seem to feel it anymore
และดูเหมือนผมจะรู้สึกอะไรไม่ได้อีกต่อไป
มาถึง Verse 2 ผู้ฟังจะเริ่มเห็นภาพของการทะเลาะและความขัดแย้งอย่างชัดเจน คนหนึ่งพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายอดทนต่อไปด้วยความโกรธ (เห็นได้จากท่อน We'll give you everything and more - พยายามกดดันบอกว่าถ้าทำต่อไปจะได้อะไรมากกว่านี้อีก) ในขณะที่ตัวเอกที่เล่าเรื่องร้องไห้ว่าเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป
- ในแง่ของความรัก: ภาพค่อนข้างตรงตัว เป็นการถกเถียงกันของทั้งสอง
- ในแง่ของการต่อสู้ภายในตนเอง: - เราจะร่วมดื่ม : เราในที่นี้หมายถึงตัวตนด้านดีและด้านไม่ดีจะร่วมดื่มด้วยกัน โดยทั่วไปภาพของการดื่มสุรามักจะมาพร้อมกับการสังสรรค์และพูดคุย ดังนั้นการดื่มมักทำให้สนิทสนมกันขึ้นหรือทำให้คนทะเลาะกันด้วยความขาดสติ การที่ทั้งสองตัวตนดื่มด้วยกันสะท้อนถึงการพยายามปรับความเข้าใจของตัวตนทั้งสองแต่ยังคงจบลงด้วยความขัดแย้ง ตัวตนด้านบวกไม่สามารถโน้มน้าวตัวตนด้านลบได้อีกต่อไป
[Outro]
It was me, waiting for me
มันเป็นผมเอง ที่เฝ้ารอตัวของผม
Hoping for something more
เฝ้าหวังถึงอะไรสักอย่างที่มากกว่าเดิม
Me, seeing me this time
เป็นผม ที่เผชิญหน้ากับตัวผมเองในครั้งนี้
Hoping for something else
และเฝ้าหวังถึงสิ่งอื่นที่ต่างออกไป
Fun fact about the song: มือเบสปีเตอร์ ฮุคเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขากับเบอร์นาร์ด ซัมเมอร์ลืมไปแล้วว่าเพลง New dawn fades ต้องเล่นยังไง วงร็อคชื่อดังอย่าง Red Hot Chili Peppers จึงต้องมาสอนวีธีเล่นเพลงนี้ให้กับเขาทั้งสองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของเพลงในปี 2001
ส่วนตัวรู้สึกว่าดนตรีเหมือนวนลูปไปเรื่อย ๆ เปรียบได้เหมือนความตึงเครียดและความทุกข์ทรมานที่สลัดทิ้งไม่ได้จนรู้สึกอะไรไม่ได้อีกตามเนื้อเพลง I've walked on water, run through fire / Can't seem to feel it anymore พอถึงท่อน Me, seeing me this time hoping for something else และมีกีตาร์โซโล่ขึ้นเล่น ดนตรีเริ่มมีความไม่เหมือนเดิมตามที่เนื้อร้อง เราประทับใจและชอบมากเลยค่ะ ถึงจะดูเป็นเพลงที่ง่ายแต่เราคิดว่าทุกอย่างมันลงตัวอย่างหาได้ยากจริงๆค่ะ
ผิดพลาดตรงไหนรบกวนแจ้งได้เลยนะคะ ขอบคุณค่ะ 🙂
ปล. จริงๆทำบล็อกแปลเพลงก็ลำบากใจนะคะ คือสุดท้ายแต่ละเพลงทุกคนคงมีการตีความในบางท่อนที่แตกต่างออกไปและทำให้นึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน เราคงคาดเดาได้ไม่หมด แต่ก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการฟังเพลงนะคะ เพลงเดียวพันความหมายอะไรแบบนี้ 555555
References:
Genius. (n.d.). New Dawn Fades - Joy Division. Retrieved from https://genius.com/Joy-division-new-dawn-fades-lyrics
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in