"ร้อนเนอะ"
"ร้อนเป็นบ้าเชียวล่ะ"
ใครที่เป็นแฟนคลับดร.สิริ ต้องคุ้นหูกับคำนี้แน่ๆ
ออกตัวก่อนเลยว่าไม่ใช่คนที่รักการอ่านขนาดที่ว่าว่างไม่ได้ต้องหยิบหนังสือขึ้นมา ไม่ ไม่ใช่หนอนหนังสือขนาดนั้น แต่ถ้ามีเรื่องไหนที่พอจะทนอ่านได้ หรืออยากรู้ก็จะหยิบมาอ่านจริงจัง
แผนซ้อนซ่อนศพ นี่รู้จักโดยบังเอิญจากการเสิร์ชหานิยายสืบสวนสอบสวนในทวิตเตอร์ ดูว่าเขารีวิวเรื่องไหนกันบ้าง เรื่องนี้มันน่าสนใจตรงที่เกี่ยวกับเอเชียซึ่งเป็นความชอบส่วนตัวอะนะ ดูใกล้ตัวดี แถมยังเป็นนิยายสืบสวนที่ดำเนินเรื่องโดยนายแพทย์นิติเวช ทำให้นึกถึงนิยายสืบสวนที่เคยอ่านแล้วติดใจ ตัวเอกก็เป็นแพทย์นิติเวชเช่นเดียวกัน
ดร.สิริ ไพบูน นาย(ชรา)แพทย์นิติเวชคนเดียวในประเทศลาวช่วงที่ระบอบคอมมิวนิสต์เพิ่งเริ่มแพร่หลายขยายอำนาจ ในปี 1975 ถึงไม่ค่อยอยากจะทำหน้าที่เป็นหมอผ่าพิสูจน์ศพซักเท่าไร แต่คนมันไม่มีก็เลยต้องจำใจ และต้องมาไขคดีการตายของชายที่อยู่ดีๆ ศพก็ผุดขึ้นมาจากแม่น้ำโขง พร้อมกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคนที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง เกิ้ง ชายที่เป็นออทิสติก ถึงแม้จะเกือบโดนเด้งจากทางการหลายรอบด้วยความผิดปกติทางร่างกาย แต่สิริยืนยันว่าเกิ้งมีประสบการณ์มากกว่าเขาซะอีก (เพราะทำงานกับนายแพทย์คนก่อน ส่วนสิริเพิ่งมารับหน้าที่) กับ ตุ้ย พยาบาลร่างอวบที่มีความมั่นใจในตัวเอง ทะเยอทะยาน และมีความสามารถมากคนหนึ่ง
เสน่ห์ของมันคงเป็นการตีแผ่หลายๆ เรื่องในประเทศลาวให้เราได้เรียนรู้ เนื่องจากประวัติศาสตร์ลาวช่วงที่โดนอิทธิพลจากคอมมิวนิสต์หาอ่านยากเหลือเกิน สิริเองเป็นคนหนึ่งที่เคยต่อสู้เพื่อกระบวนการคอมมิวนิสต์ แต่เมื่อเห็นระบบความสุดโต่งเกินเหตุ และเห็นความไม่พัฒนาของมันทำให้เขาต่อต้านความเป็นคอมมิวนิสต์อยู่เงียบๆ ด้วยการทะเลาะกับคนของทางการ ทะเลาะกับคนของพรรค ทะเลาะกับผู้พิพากษาบ้างเป็นสีสันในชีวิต
ความเป็นนิยายสืบสวน บรรยากาศทางการเมืองในเรื่องถือเป็นเสน่ห์มากๆ สิริทำให้เราเห็นว่าภายใต้โฆษณาชวนเชื่อว่าระบบนี้ทำให้ประเทศได้ประโยชน์มากสุดมันไม่จริง ที่ว่าประชาชนมีความสุขที่เป็นแบบนี้ การได้ทำเพื่อประเทศชาติถึงแม้เงินเดือนจะน้อย ออกบ้างไม่ออกบ้าง ต้องขุดคูคลองโดยไม่ได้ค่าตอบแทนให้ถือว่าทำเพื่อชาติ เป็นแนวคิดที่หลอกลวงสิ้นดี ความแร้งแค้นของประเทศลาวสมัยนั้นอ่านๆ ไปก็ตลก เพราะสิริเล่าแบบไม่เครียดทั้งๆ ที่ควรจะเครียด งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้ Colin Cotterill นักเขียน และคุณขจรจันทร์ที่แปลความตลกร้ายออกมาได้ถึงเครื่องจริงๆ
ไม่ได้มีแค่เกี่ยวกับลาวที่เราได้เรียนรู้นะ แต่ยังพูดถึงประเทศไทยเยอะอยู่เหมือนกัน เท่าที่เข้าใจ ประเทศไทยกลายเป็นประเทศลี้ภัยสำหรับชาวลาวที่ต้องการจะหนีการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ แบบที่แซวกันว่า ถ้าใครหายจากบ้านหรือที่ทำงานไปเกิน 1 วัน อาจจะเพราะว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งไทยแล้ว
คุณค่าของนิยายชุดดร.สิริ ไพบูน ไม่ใช่เป็นเพียงนิยายสืบสวนเท่านั้นนะ เพราะตอนที่ไปเที่ยวลาว กำลังจะขึ้นเครื่องกลับก็ขอแวะร้านหนังสือที่สนามบินหลวงพระบางซะหน่อย สิ่งแรกที่สะดุดตามากๆ คือหนังสือนิยายชุดดร.สิริของ Colin Cotterill นี่วางเด่นที่สุดในร้าน แถมมีครบทั้ง 7 เล่มเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้เราเห็นว่าลาวยกย่องหนังสือชุดนี้และนักเขียนคนนี้มากแค่ไหน เราคิดว่ามันเป็นหนังสือชุดหนึ่งที่ทำให้คนรู้จักและสนใจประเทศลาวมากขึ้น ได้เห็นเสน่ห์ความเป็นเอเชีย มีประวัติศาสตร์ประเทศและประวัติทางการเมือง ความไม่เพอร์เฟคของมันทำให้น่าสนใจ
สำหรับคนอื่นไม่รู้นะ แต่ก็ตกเราได้คนนึง เพราะหลังจากอ่านแผนซ้อนซ่อนศพจบก็อยากไปเที่ยวลาวเลยทันที ยิ่งมาอ่านเล่มที่สอง ปริศนาฟันมรณะ ที่พูดถึงหลวงพระบาง เมืองหลวงเก่าและพระราชวัง ทำให้อยากไปเที่ยวเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ว่าจะยังอ่านไม่จบตอนที่กำลังเที่ยวอยู่ แต่ก็ทำให้เข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับความเป็นประเทศลาว รวมถึงเข้าใจด้วยว่าทำไมตามสถานที่และบ้านเรือนถึงประดับธงพรรคประชาชนปฏิวัติลาวคู่กับธงประเทศลาว เพราะมันถือเป็นสถาบันหนึ่งที่ทำให้ลาวมาถึงจุดนี้ ถึงแม้หลายคนอาจจะไม่ได้พอใจ แต่ความเคยชินก็ทำให้ทุกคนเฉยไปเอง
และไม่ได้มีเพียงการสืบสวนที่เป็นวิทยาศาสตร์แบบการผ่าศพเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวด้วย ทำให้เรื่องมันกลมกล่อมมาก แถมยังคงเสน่ห์ความเป็นเอเชียที่เล่นกับความเชื่อสมัยก่อนได้น่าติดตามมาก แต่ตรงนี้ขอไม่สปอยล์ ต้องไปอ่านกันเอาเอง
น่าเสียดายที่นิยายชุดดร.สิริมีแปลไทยแค่สองเล่ม ออกตัวเลยว่าให้ไปตามอ่านเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษไม่ไหวจริงๆ เพราะไม่เก่งเลย เสียใจมากๆ
คือเป็นนิยายที่คนรักนิยายสืบสวนควรจะอ่าน ถึงจะไม่ได้มีวิทยาการอะไรที่ทันสมัย แต่ก็ทำให้ลุ้นได้ทุกตอน แล้วยังมีวิธีการเล่าเรื่องที่สนุก ค่อยๆ คลายปม เดาไม่ได้ แถมบางอย่างก็คาดไม่ถึง
แผนซ้อนซ่อนศพ (The Coroner's Lunch)
นักเขียน : Colin Cotterill
ผู้แปล : ขจรจันทร์
สำนักพิมพ์ : มติชน
ราคาปก : 200 บาท
ปริศนาฟันมรณะ (Thirty-Three Teeth)
นักเขียน : Colin Cotterill
ผู้แปล : ขจรจันทร์
สำนักพิมพ์ : มติชน
ราคาปก : 200 บาท
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in