"สะดวกไปที่ท่าดินแดงไหมคะ" ประโยคนี้เองที่เป็นจุดเปลี่ยนให้เราได้คิดและลองทำอะไรที่ท้าทายความสามารถและข้อจำกัดบางอย่างของตัวเอง
แรกเริ่มของการทำหัวข้อธีสิส เราสนใจไปที่การเขียนวรรณกรรมเป็นพิเศษ เพราะพื้นฐานเป็นคนที่ชอบอ่านอยู่แล้ว จึงอยากลองเขียนประเด็นอะไรสักอย่างที่สนใจ เพื่อทำมันออกมาในรูปแบบที่เราชอบและอยากจะถ่ายทอด ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่เราคิด จนถึงขั้นของการปรึกษาครู เพื่อทำมันออกมาจริง ๆ เราถึงขั้นมีสมุดจดเฉพาะของงานธีสิส เพื่อเขียนและพยายามถ่ายทอดออกมาก่อนที่จะลงมือจริง แต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นหน้ากระดาษเล่าพอร์ตเรื่องไม่กี่หน้าที่เราใช้เป็นทางผ่าน ในการเปิดไปสู่ข้อมูลการทำโครงการธีสิส ที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะทำ ไม่เคยคิดแม้แต่นิดเดียว
ขอเล่าย้อนไปก่อนว่า ระหว่างช่วงที่เสนอหัวข้อธีสิส เรามีโอกาสได้ไปช่วยงานอาสาเกี่ยวกับงานศิลปะแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการแสดงงานศิลปะในพื้นที่สาธารณะที่ชุมชนท่าดินแดง ระหว่างที่เราทำงาน เราสังเกตเห็นว่า มีเด็กหลายคนมาใช้บริการพื้นที่สาธารณะนี้เหมือนกัน แต่มันเป็นเพียงลานโล่ง ๆ ที่ไม่ได้มีอะไรนอกจากต้นไม้ใหญ่และพุ่มไม้รอบ ๆ เพียงเล็กน้อย และมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่แวะเวียนมาเรื่อย ๆ บางครั้งก็วิ่งเล่น พอเหนื่อยก็นั่งพักคุยกัน และแยกย้ายกลับบ้าน เหตุการณ์วนเวียนอยู่เช่นนี้แทบทุกวันที่เราไปที่นั่น และด้วยความสนใจในเด็กของเราอยู่แล้ว จึงอยากลองชวนพวกเขาหาอะไรทำง่าย ๆ เพราะเห็นว่าไม่มีอะไรให้เขาทำ บางครั้งเขาก็ดูสนใจในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เพียงแต่ไม่กล้าพูดด้วย เราเลยเริ่มเข้าหาด้วยการทำความรู้จักและค่อย ๆ เป็นเพื่อนกับพวกเขา เพื่อสร้างความคุ้นเคยและการไว้ใจต่อกัน
เมื่อเรารู้จักกันในระยะหนึ่งก็เริ่มชวนทำภาพพิมพ์สีจากดอกไม้ธรรมชาติ ซึ่งเป็นการนำดอกไม้มาทุบ เพื่อนำสีออกมาและเป็นเสมือนการพิมพ์ภาพดอกไม้ไปในตัว ตอนแรกที่เราชวนทำ มีเด็กไม่กี่คนที่สนใจและลองทำตาม ส่วนใหญ่ปฏิเสธ โดยเขาต้องเห็นเราทำและมีผลลัพธ์ให้ดูก่อน เขาถึงจะอยากทำตาม เราใช้เวลาอยู่และทำกิจกรรมเล็ก ๆ ตรงนี้กับเด็กในระยะหนึ่ง สุดท้ายทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เด็กแทบทุกคนชอบการทำภาพพิมพ์สีจากดอกไม้ที่เราชวนทำ แม้ว่าตอนแรกจะบอกว่า ไม่ชอบ ไม่อยากทำก็ตาม จุดนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราสงสัยและอยากหาคำตอบเพิ่มมากขึ้น ว่าทำไมเขาเลือกที่จะปฏิเสธก่อนลงมือทำจริง ซึ่งทุกคนแทบจะเป็นแบบเดียวกัน รวมถึงเรามีความเชื่อส่วนตัวของเราเองว่า เด็กทุกคนต้องการอะไรบางอย่างนะ และอะไรบางอย่างตรงนั้น เรากำลังตามหามันอยู่
และสุดท้ายก็เอาสิ่งที่คิดและวนเวียนอยู่ในหัวนี้ไปปรึกษาเพื่อนก่อน เพราะเราอยากทำกิจกรรมสนุก ๆ กับเด็กในวันว่าง ๆ ไม่คิดว่าต้องทำให้เป็นสิ่งใหญ่หรืออะไรที่ถึงขั้นต้องเป็นธีสิส แต่พอปรึกษาแล้วอะไรหลาย ๆ อย่างกับยิ่งค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น จนมันไม่สามารถเอาออกจากหัวได้ ยิ่งมันละเอียดและลึกลงไปมากเท่าไร เราก็เริ่มรู้สึกอยากพูดและปล่อยมันออกไปมากเท่านั้น เพราะเราไม่สามารถทนคิดและสงสัยในหัวคนเดียวได้ และคนที่เราคิดว่าช่วยเราได้คือครู
เราเอาสิ่งที่คิดในหัวไปปรึกษาครูหลายท่าน และบางท่านเชียร์ให้เรานำมาทำเป็นธีสิส แต่ด้วยความที่เรารู้ตัวว่าอาจจะไม่ได้เก่งหรือรู้อะไรมากพอในการทำกิจกรรมเช่นนี้ในรูปแบบที่เป็นเอกสาร และการอ้างอิงต่าง ๆ รวมถึงเรามีรูปแบบความคิดบางอย่างในหัว และไม่อยากให้มันถูกปรับหรือด้วยอะไรก็ตาม จึงยังลังเลที่จะทำเป็นโครงการธีสิส แต่มีครูท่านหนึ่งบอกเราว่า ถ้าเราทำเป็นโครงการที่จริงจัง มีการอ้างอิงข้อมูล และการเขียนที่สนับสนุนความคิดเรา มันช่วยทำให้ความคิดและงานของเราน่าเชื่อถือต่อสายตาคนอื่นนะ
ความลังเลพังทลายลงเพียงเพราะประโยคนั้น
เรามีสิ่งที่เชื่อ ถ้าอยากให้คนอื่นมาคิดตามหรือเชื่อเหมือนเรา เราต้องมีหลักฐาน
naughty free spread is c om in g s oo n
โครงการชุมซนฟรีสะเป็ด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in