เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รวมมิตรpokchanymph
#เราควรเรียนคณะอะไร
  • สำหรับคนที่กำลังจะเข้ามหาลัย หรืออยู่ในช่วงไม่แน่ใจตัวตนตัวเองในมหาลัย แล้วก็สำหรับเตือนตัวเราเอง

    ช่วงปี 1 ตอนที่เข้ามหาลัยใหม่ๆ รู้สึกเฟล แอบรู้สึกดีเพรสว่าที่นี่ไม่เหมาะกับเรารึเปล่าเลยเขียนข้อดีข้อเสียของการอยู่ที่นี่ในสมุดเล่มนึง (ที่ก็ยังเปิดดูบางครั้งเวลาเห็นมันบนชั้น)


    ข้อดี 
    1. ยังมีมุมดีๆ - ห้องสมุดคณะ, หอกลาง
    2. นั่งคนเดียวตอนเช้า (ทำได้แค่ปี 1 เพราะหลังจากนั้นจะมาเรียนไม่ทัน)
    3. เพื่อน
    4. อยู่ใจกลางเมือง 
    5. พอเป็นคนที่อยู่ท้ายๆ ก็จะกระตุ้นให้อยากทำอะไร (จากที่ตอนแรกจะมโนคิดว่าตัวเองเก่งแล้วทำให้ไม่ค่อยขวนขวาย)
    6. ชื่อของสถาบัน

    ข้อเสียคือพวก คิดถึงเพื่อนเก่า ไม่ชอบการแข่งขัน รู้สึกตัวเองไม่เหมาะกับที่นี่ เกรดคงไม่ดี ต้องใช้ชีวิตอยู่โดยที่มีความคิดตลอดเวลาว่ามีคนอีกเป็นร้อยเป็นพันที่ดีกว่าเรา

    พอใกล้จะจบเทอมตอนนั้นเรียนการใช้ภาษาไทย อาจารย์คนนึงอ่านเรื่องสั้นเรื่อง เก้าอี้ดนตรี จากหนังสือเรื่องเจ้าหงิญ เป็นเรื่องเก้าอี้ที่ถูกซื้อมาให้เป็นเก้าอี้ดนตรี สังคมเก้าอี้ดนตรีคือการแข่งขันให้มีเก้าอี้ที่ท็อปฟอร์มที่สุดยังมีคนนั่งอยู่ แต่เก้าอี้ตัวนี้มันไม่ได้อยากแข่งด้วย จำประโยคไม่ได้แต่สุดท้ายเก้าอี้ตัวนี้ก็เจอคนที่ไม่ได้อยากใช้มันในฐานะการเป็นสิ่งที่เอาไว้แข่ง สุดท้ายเลยแฮปปี้ ตอนที่อ่านไปพร้อมกับที่เค้าอ่านในห้องรวมจำได้ว่ารู้สึก overwhelmed มาก แต่ขณะเดียวกันก็มีความหวังว่า เออ เราจะต้องเจอที่ที่ไม่ใช่ในสนามแข่งเก้าอี้ดนตรีแบบเก้าอี้ตัวนี้

    ช่วงปิดเทอมมีหนังสือนอกเวลาภาษาอังกฤษ มีตอนที่มีตัวละครพูดกับตัวเอกว่า "You're not the best here but you definitely belong." อ่านแล้วก็ overwhelmed อีกว่า เออ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็น the very best like no one ever was ก็ได้มั้ง (ไม่ใช่เพลงโปเกมอน 555)

    หลังจากนั้นก็ยังมีเฟลๆ บางแหละ แต่การเจอกับบางคน บางเรื่อง ได้ทำงานบางอย่าง ไม่ได้ทำบางอย่างก็ทำให้คิดไรได้เยอะเหมือนกัน เช่น การ bond กับใครสักคน over วิชาหรืออาจารย์ที่ไม่ชอบ 555 การได้คุยกับเพื่อนเรื่องความกังวลที่มีเหมือนกันในชีวิตมหาลัย หรือเรื่องนอกมหาลัย

    ฟาสต์ฟอร์เวิร์ดมาตอนนี้ (เพิ่งจบปี 4 เทอม 1--ถึงจะเหลือเปเปอร์แต่ก็นับว่าจบแล้ว แฮ่) เราดีขึ้นมากๆๆ ไม่รู้สึกว่าต้องไปแข่งขันกับใครอีก เรียนที่อยากเรียนบ้าง ที่เกลียดบ้าง ไปชิลๆ บ้างเครียดบ้าง เดินเล่นในมอบ้าง ไปดูหนัง ไปคอนเสิร์ต ทำงาน พอสร้างพื้นที่ของตัวเองได้เลยรู้สึกแฮปปี้มาก

    ถ้าบอกตัวเองตอนเข้ามหาลัยได้ก็อยากบอกว่าเออ เราไม่ได้อยู่ในเวทีแข่งเก้าอี้ดนตรี และ You're not the best here but you definitely belong

    เราไม่ได้ belong กับที่นี่เพราะที่นี่เป็นคณะ หรือเวลาที่คนบอก "แกสมเป็นเด็กคณะนี้เลย" เรารู้สึก belong กับที่นี่เพราะสิ่งที่เราเลือกกับสิ่งที่เราทำ คนอื่นก็อาจจะ belong กับที่นี่ด้วยปัจจัยที่ต่างจากเรา 
    บางครั้งมหาลัยมันก็ไม่ใช่โรงงานรับวัตถุดิบมนุษย์ผลิตคนที่มี mindset เหมือนกันออกไป มันจะเป็นสนามแข่ง เป็นที่พักใจ เป็นที่ไหนก็ได้

    หลังจากใช้ชีวิตสามปีครึ่งที่นี่ทำให้รู้ว่าไม่ใช่เราคนเดียวทีี่รู้สึกโหวงเหวงบางครั้งเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ทุกคนก็มีโมเม้นต์แบบนั้น แต่เราไม่กล้าพูดพอที่จะบอกคนอื่น จนกระทั่งเพิ่งได้สนิทกันจริงๆ ถึงได้พูดกันเกี่ยวกับเรื่องความคิด สุขภาพจิต อะไรแบบนี้บ้าง

    มหาลัยเพิ่งมีสถิติมาว่าคณะเราเป็นคณะที่นิสิตมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตอันดับต้นๆ จากทั้งหมด 20 กว่าคณะ ซึ่งมันเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วง เราเชื่อว่าคณะอื่น มหาลัยอื่นก็มีเรื่องลำบากใจแบบนี้ ไม่ว่าคณะหรือสายวิชาที่เข้ามาจะเป็นเรื่องที่ชอบขนาดไหน สภาพสังคม สิ่งแวดล้อมหรือจิตใจเราเองก็มีผลเหมือนกัน

    ตอนนั้นที่เราเขียนข้อดีข้อเสียของการอยู่ที่นี่มันลำบากใจมากนะ เพราะมันเหมือนต้องถามตัวเองว่ามันดีจริงๆ หรอ สิ่งที่เขียนอยู่บนสมุดเล่มนั้นมันเป็นข้อดีข้อเสีย แต่ข้อดีก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นสิ่งที่ให้ความสุขเราได้ตลอด จริงมั้ย?
    ตอนนี้พอเวลาผ่านมาบางข้อก็จริง บางข้อก็ยังคงตั้งคำถามต่อไป เวลาผ่านมาเจออะไรดีๆ มากขึ้นที่สามารถเขียนลงไปในช่องนั้นได้ แต่ก็มีอะไรเสียๆ ให้เขียนช่องข้อเสียด้านขวาเช่นเดียวกัน

    ถ้าให้คำแนะนำคนที่กำลังจะเข้ามหาลัยหรืออยู่ใน phase แบบเราที่เขียนในสมุดหน้านี้ก็อยากบอกว่ามันโอเคแหละที่จะรู้สึก out of place แต่พื้นที่มหาลัยมันไม่ได้ฟิกซ์ขนาดที่เราจะเปลี่ยนมันให้เป็นที่ที่เรารู้สึกบีลองไม่ได้เลย เย่
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in