หากถามว่าเคยโกรธเกลียดใครไหม เราคนหนึ่งที่พร้อมจะตอบว่าใช่เราเป็นเช่นนั้นและมันเป็นสิ่งที่ยากมากกับเราด้วยสิที่จะลดมันได้ หากคนที่เราทั้งเกลียด และโกรธยังคงวนเวียนและต้องพบเจอในทุก ๆ วันมันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะลดอัตตาตรงนี้ลงไปได้
หากพอเราเกลียดหรือโกรธใครมากขึ้นเรื่อยๆ การให้อภัยก็จะยากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งเกลียดมาก ยิ่งให้อภัยยาก ยิ่งโกรธมากสติของเราก็ยิ่งเตลิด และเราก็จะตกอยู่ภายใต้อารมณ์นั้นแต่กลับกลายเป็นว่าคนที่เหนื่อยที่สุด ทุกข์ใจที่สุดก็คือตัวเราเอง
ตอนนี้เราเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ เราคือมนุษย์ที่กำลังก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำงานที่ต้องออกไปพบเจอโลกของความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเราโตขึ้น ความรับผิดชอบและภาวะทางอารมณ์ก็ยิ่งต้องโตขึ้นด้วย เราไม่สามารถที่จะพูดด้วยคำพูดที่ตรงไปตรงมาอย่างโผงผางได้อย่างแต่ก่อนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เรายิ่งต้องนึกถึงคนอื่นมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราพบเจอคนที่ไม่พยายามทำความเข้าใจคนที่อยู่ในหมวดหมู่ประเภทคนที่เรา “เกลียด”มันก็ยิ่งไปสะกิดต่อมอารมณ์ของเราให้รู้สึกโกรธและเกลียดชังเพราะแบบนี้สำหรับเราการลดอัตตาลงจึงเป็นเรื่องยาก
วุฒิภาวะมากขึ้นความคิดก็ยิ่งต้องมากขึ้นไปตามลำดับ ถึงตอนนี้ก็ใช่ว่าเราจะปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างได้ใช่ว่าเราจะขจัดอารมณ์โมโหของเราได้ แต่เราคิดและพยายามทำความเข้าใจกับการกระทำที่บุคคลอื่นได้ทำกับเราและพยายามเมินเฉย ยากนะแต่เพื่อความสุขของตัวเราเองก็ต้องพยายามทำมันให้ได้สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากตรงนี้คือ ไม่มีใครมาทำให้เรารู้สึกโกรธได้ นอกเสียจากตัวเราเอง เราโกรธเพราะมันไม่ได้ดั่งใจเรา ก็เพราะตัวเราเอง เราโกรธที่คนที่เราเกลียดชังเย้ยหยันเรา ก็เพราะว่าเราไปให้ความสำคัญกับมันเอง
เราไม่รู้จะจบด้วยคำพูดที่สวยหรูยังไงแต่เราแค่รู้สึกว่าเพิกเฉยไปบ้าง เราอาจจะ “สุข”ขึ้นก็ได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in