ไม่คิดว่าจน Entry ที่สามแล้ว ก็ยังอยู่กันไม่ไกลจากหลักกิโลเมตรที่ 0 จากที่เคยๆเขียนเอาไว้ก่อนหน้า โดยคราวนี้เราตั้งใจจะเขียนถึงบริเวณท้องสนามหลวง ซึ่ง ณ ปัจจุบัน เป็นที่ตั้งของพระเมรุมาศ องค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 (ภาพใน Entry เราถ่ายวันที่ 3 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันลอยกระทงพอดี)
ตอนแรกเราค่อนข้างลังเลว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีไหม แต่ในเมื่อถ่ายรูปมาแล้ว บวกกับเชื่อว่าหลายๆคน ยังคงอยากจะเห็นในสิ่งต่อไปนี้ที่เรากำลังจะนำเสนออยู่ เลยตัดสินใจเอามาลง (ช้าไปร่วมเดือน) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อความเหมาะสม และกันความผิดพลาดในการใช้ภาษา ที่เราก็ไม่แน่ใจว่าคำไหนคือสิ่งที่ถูกที่ควรใช้จริงๆ เราเลยขอเขียน Entry นี้ให้น้อย แต่จะเน้นลงรูปแทนนะคะ
โรงแรมรัตนโกสินทร์ หรือ รอยัลรัตนโกสินทร์
จุดสตาร์ทวันนี้ของเราอยู่ที่บริเวณโรงแรมแห่งนี้ บริเวณถนนราชดำเนินกลาง ไม่ไกลจากกองสลากเก่า หรือบริเวณหอสมุดเมืองกรุงเทพมหานครที่เคยพูดถึงไป เนื่องจากเลี้ยวไปอีกนิด ก็จะเป็นจุดคัดกรองประชาชนที่จะเข้าชมพระเมรุมาศค่ะ (อย่าลืมเตรียมบัตรประชาชนไปด้วยนะคะ)
สะพานนี้เป็นสะพานข้ามคลองคูเมืองเดิม ข้ามระหว่างถนนราชดำเนินกลาง และถนนราชดำเนินใน(ฝั่งท้องสนามหลวง) จากโรงแรมเมื่อครู่เลี้ยวมาบริเวณสะพานนี้ เพื่อไปข้ามสะพานไม้ด้านหลังเข้าสู่จุดคัดกรองกัน
วันที่เรามาเป็นวันแรกๆค่ะ สำหรับเรา เราว่าคนไม่เยอะเท่าไร อาจเพราะเป็นเทศกาลด้วยหรืิอไม่นั้นไม่แน่ใจ แต่เวลาที่ไปถึงเป็นช่วง เกือบๆ 5 โมงเย็น หลังเข้าจุดคัดกรอง รวมถึงจุดที่ต้องนั่งรอรอบ รวมๆแล้วรอไม่ถึงชั่วโมงดีค่ะ เราได้เข้ารอบ 6 โมงเย็น เลยได้เก็บภาพตอนโพล้เพล้ ฟ้ากำลังเปลี่ยนสีพอดี
ภาพนี้ถ่ายราวๆ 5 โมงครึ่ง
ภาพนี้ถ่ายเวลา 6 โมงนิดๆ ตอนกำลังจะได้เข้าชม
จะเห็นได้ว่า ช่วงเวลา แสง รวมถึงผืนฟ้าด้านหลังมีอิธพลต่อสีของพระเมรุมาศมากพอสมควร จุดนี้พี่ที่คอยบรรยายขณะรอเข้าชมก็พูดถึงค่ะ เขาบอกอยากให้ลองสังเกตจะพบว่านี่เป็นความสมพระเกียรติอย่างหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาดชมกัน
ด้านในมีจุดให้ชมนิทรรศการเกี่ยวข้องกับพระเมรุมาศ ทั้งเรื่องขนมธรรมเนียม การก่อสร้าง รวมถึงงานศิลปะต่างๆที่บรรดาศิลปินผู้ใหญ่น่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นมา ในการเข้าชม เราก็แนะนำให้เดินเวียนชมศาลาที่อยู่รอบๆก่อนค่ะ เพราะพอได้รู้ถึงขั้นตอนและความเป็นมาแล้วจะชมพระเมรุมาศได้อิ่มกว่ามาก
ช่วงที่คนไปชมนิทรรศการ รอบๆพระเมรุเลยบางตา (ย้ำว่าเราไปคืนวันลอยกระทง หลายคนคงเลือกใช้เวลากับเทศกาล คนเลยน้อยเป็นทุน)
ได้เข้าไปถ่ายค่อนข้างใกล้
ส่วนนี้เป็นศาลาใหญ่ ปฏิมากรรมบางส่วนเลยจะถูกนำมาแสดงตรงนี้ค่ะ ใครเดินไม่ไหว หรือไม่มีเวลาเดินชมนิทรรศการครบ อย่างน้อยได้เข้าไปในศาลานี้ก็ถือว่าค่อนข้างครบถ้วนชัดเจนค่ะ
กลับมาชมพระเมรุมาศกันต่อ มุมนี้เป็นมุมที่เราชอบเป็นการส่วนตัว เพราะด้านหลังเป็นวัดพระแก้วพอดี
วันพระจัทร์เต็มดวงทั้งที จะขาดรูปพระจันทร์ได้ยังไง
เรายังคงไม่สปอยมากเหมือนเดิมนะคะ ยังอยากให้ไปชมด้วยตากันมากกว่า ที่อยากเน้นคงเป็นเรื่องแสงที่ส่งผลให้พระเมรุมาศมีสีที่ต่างกันออกไปตามช่วงเวลาน่ะค่ะ รูปที่ถ่ายมาลงเลยเลือกมุมที่น่าจะเปรียบเทียบกันได้ชัด
มุมมองขณะกำลังจะเดินออก จะมองจากจุดไหนก็สมพระเกียรติจริงๆ
สำหรับทางออก จะอยู่คนละด้านกับทางเข้านะคะ ซึ่งก็คือฝั่งวัดพระแก้ว ออกมาก็จะเป็นช่วงศาลหลักเมืองพอดี ตอนออกอย่าลืมคืนบัตรรอบที่เข้าชม(ได้มาตอนเข้า) เพื่อแลกกับของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับนะคะ ส่วนตัวค่อนข้างว๊าวกับแผ่นพับที่ใช้แอพมือถือดูแกลลอรี่ภาพพอสมควรเลย
ขอปิดท้ายด้วยภาพวัดพระแก้วค่ะ วัดคู่กรุงจากมุมนี้เราค่อนข้างประทับใจ เนื่องจากปกติผ่านมาทีไรเจอรถเยอะๆทุกที ได้โอกาสช่วงที่ปิดถนนแบบนี้ถ่ายซะเลย
สำหรับ Entry ต่อๆไป จะเป็นเรื่องอะไร หรือไปที่ไหนนั้น มีคิดไว้แล้วล่ะค่ะ แต่สิ่งที่อยากให้มาลุ้นกันมากกว่าจะพาเที่ยวไหน คืออยากให้ลุ้นเราขยันอัพกว่านี้ ไว้พบกัน Entry หน้านะคะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in