เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storyorangeintherain
2020 ปีแห่งความสับสน
  • 2020 อายุ 21 ปี 5 เดือน 

            เป็นปีที่สุดแสนจะยากเย็นทั้งความสัมพันธ์กับตัวเองและกับคนรอบข้าง 
    ตบตีกับตัวเองข้างใน แต่ยามพบปะผู้คนก็ต้องรักษาความสุขุมเยือกเย็นเอาไว้ หรือแม้แต่ตอนที่ช่วยคนอื่นแก้ปัญหาสิ่งที่ทุกข์ สิ่งที่ไม่เข้าใจในใจ แต่ทำไมพอเรื่องของตัวเองกลับว่างปล่าว ไม่รู้อะไรเลยและในบางครั้ง รู้สึกว่านี่ไม่ใช่ตัวเอง แต่ถ้าไม่ใช่ตัวเองแล้วจะเป็นใครอื่นได้หล่ะ ?

             ครึ่งปีแรกที่สภาพโดยรวมเหมือนจะแฮปปี้ดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากมาย ยังคงแก้เครียดด้วยการไปบริจาคเลือดและร้องไห้ แต่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเหมือนเคย 

             ตั้งแต่กลับมาจากแลกเปลี่ยนช่วงปี 2019 ก็ไม่ได้อ่านหนังสือเยอะๆเลย บวกกับวุ่นๆกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ในรอบ 5 ปี (ที่จริงจัง) เป็นความรักเงียบๆที่ไม่ได้เปิดเผยอะไร แต่ก็ไม่ได้ขนาดถึงปกปิดเพื่อนสนิท เราทะเลาะกันด้วยเรื่องจุ๋มจิ๋มเล็กๆน้อยๆเดือนละครั้ง แต่ก็ยังไม่เลิกกัน ทุกครั้งที่ทะเลาะ ใช่ เราเป็นคนเริ่ม 

             จากนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองไร้สาระและไม่มีเหตุผลในรอบหลายปี เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไร กับแฟนคนก่อนก็ประมาณนี้ แค่รู้สึกว่า อา... กลับมาแล้วสินะ ความรู้สึกที่ไม่สามารถควมคุมความคิดของตัวเองได้ เป็นนิสัยเด็กที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัว ยังมองเขาเป็นโลกทั้งใบ ไม่มีใครอื่น เอาตัวเองไปแขวนไว้กับเขาแล้วก็สั่นคลอนได้ง่ายยิ่งกว่าน้ำในบ่อปลา จนถึงจุดนึงที่เราก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว มันไม่ใช่ตัวเราแล้ว เราให้ความรักบงการตัวเอง แทนที่จะมีความรักและเหตุผลความเป็นจริงอยู่ตรงกลางอย่างเท่ากัน แต่จะว่าใครได้ล่ะ ก็แหม๋ ไม่มีแฟนมาตั้งหลายปี มีหน่อยก็ยังตั้งตัวไม่ทันนี่นา 

              เป็นความสัมพันธ์ LDR ที่ยากพอสมควร อาจจะเพราะปีนี้เป็นปีที่ Covid-19 ระบาดด้วย แพลนอะไรหลายๆ อย่างก็เลยถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ความหวังที่จะได้พบหน้ากัน กอดกันถูกทำลายอยู่เรื่อยไป  แต่ก็ยังมีความหวังหลงเหลืออยู่ คนเราก็ต้องอยู่ด้วยความหวังปะนะ เห้อ พอมันเป็นความสัมพันธ์แบบนี้จะทำกิจกรรมร่วมกันอย่างกินข้าว เดินเล่น อะไรแบบนี้ก็ยาก คิดถึงอยากเจอ แต่ไม่ได้เจอ ทำได้แค่ Video call ไป ช่วงครึ่งปีแรกก็ถูกความคิดถึงกัดกินไปไม่น้อยเลย ก่อนนอนในหัวเราก็มีแต่เขา ตื่นนอนมาก็คิดถึงเขา อยากจะให้เวลาผ่านไปเร็วๆ แต่เรื่องแบบนี้ ถ้าเราควบคุมตัวเองได้ก็ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น หาอะไรทำอย่างอื่น ไม่ต้องโฟกัส นับถอยหลัง ตั้งตารอคอยอะไรขนาดนั้น เพราะเราก็ไม่อยากเสียใจมากมายนัก เซฟตัวเองอยู่พอสมควร แต่เวลาก็ผ่านไปเร็วมาก เหมือนลืมตาอีกทีรู้ก็จะสิ้นปีแล้ว แล้วทุกครั้งที่รู้สึกมากๆเลยก็คือ ความสัมพันธ์แบบนี้อย่าไปหาทำที่ไหนอีกเลย 


    ครึ่งปีหลัง ความว้าวุ่นในใจและสับสน แต่ยังคงสีหน้าเรียบเฉย 

             ไม่มีใครสมบูรณ์ได้ 100 เปอร์เซ็นหรอก คนอื่นอาจจะมองว่า ก็มีความสุขดีไม่ใช่หรอ ทุกวันก็มีชีวิตอย่างมีความสุขไม่ใช่หรอ ก็ใช่ เพราะเรามองให้มันเป็นความสุข แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องให้คิดนี่นา เป็นความสับสนที่ไม่รู้ว่าเริ่มมาจากอะไร โดยที่เราก็ไม่ได้ aware มันเริ่มจากทาง physically เงียบๆ เช่น จู่ๆก็ไม่อยากออกกำลังกาย (ทั้งๆที่ก่อนหน้าออกหนักมาตลอดทุก6เดือน) จนบวมแล้วจบที่น้ำหนักขึ้น อยากทานอะไรที่ unhealthy รู้ว่ากินนมวัวแล้วจะท้องอืด แต่ปากก็ยังสั่งลาเต้ จบที่อาหารไม่ย่อย ทำไปเพื่ออะไรก็ไม่รู้ 

             และการจู่ๆที่เจาะหูทีเดียว 6-8 รู ใน 1เดือน ตอนเด็กๆ สมัยม.ต้นก็เจาะหูเยอะอยู่แล้ว แต่พอโตขึ้นก็ไม่ได้ใส่เพราะขี้เกียจทำความสะอาดกับดูแล ล่าสุดก็แค่ตอนปี 1 ตรง Daith แต่เหมือนอยูไปสักพักก็อักเสบขึ้นมา เราก็ไม่อยากจะทานยาแล้ว บวกกับตอนนั้นก็เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เบื่อยาเต็มทน ก็เลยเอาออก และ 4 ปีผ่านไป ก็มาเจาะใหม่ตรงกระดูกและอีกมากมาย เพราะ จู่ๆ เราก็มองว่ามันมีเสน่ห์ขึ้นมา มันเก๋ มันเท่ และ addicted สนุกกับการ match ต่างหู เครื่องประดับอื่นๆ Btw ความรู้สึกตอนเจาะก็ไม่มีอะไรเลย แต่อย่าให้แผลอักเสบ เพราะอันนี้มันเจ็บกว่าตอนเจาะไปมาก ดังนั้นแผลเจาะหูหรือเจาะตามร่างกายต้องดูแลรักษาดีๆ (ตอนเจาะจะได้เป็นตอนที่เจ็บที่สุดก็พอแล้ว) 

    และบวกกับในช่วงนี้ก็มีคำถามในหัวเต็มไปหมดเลย 

    ทำไมพอไม่ได้ฟังเพลงสักพัก พอกลับมาฟังอีกครั้งต้องรู้สึกน้ำตาจะไหล อยากจะร้องไห้อย่างนั้น 
    ทำไมต้องทำให้ตัวเองเจ็บปวดด้วย 
    ทำไมเวลาเจาะเลือดไม่กล้ามองเข็มที่เจาะ แต่ไปมองเพื่อนที่เจาะได้ 
    ทำไมต้องสงสัยในตัวตนของตัวเองด้วย ทั้งๆที่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะหาคำตอบอะไรมา ก็ยังคงเป็นตัวเองไม่ใช่หรอ มันเป็นแบบนี้และเสมอไป ไม่ใช่หรอ 
    ทำไมเราต้องนอนเหงาในคืนวันสิ้นปี ทั้งๆที่ก็ตัวเราเองปฏิเสธเพื่อนไปเอง 
    ทำไมต้องไปเที่ยวคนเดียวด้วย 
    ทำไมต้องพยายามทำให้ทุกคนสบายใจ 
    ทำไมไม่สามารถคิดหรือพูดแสดงออกไปโดยตรง 
    ทำไมบางทีเราต้องคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้สนใจใยดีอะไรเรา ทำเราเป็นตัวตลก
    ทำไมอยู่ไปอยุ่มาก็ไม่แรงจะทำอะไรเลย ไม่อยากคุยกับใคร เสวนา ช่วยคนอื่นแก้ไขปัญหาร้อยแปด 
    แต่ของตัวเองทำอะไรไม่ได้ ตัวเองเป็นอะไรก็ยังไม่รู้ หลงทาง
    ทำไมคนอื่นต้องมาเสียใจกับอดีตของเรา ทั้งๆที่เราก็ไม่แคร์หรือสนใจด้วยซ้ำ 
    ทำไมต้องมาทำให้เรารู้สึกผิดกับการที่เราอยากจะเป็นตัวของเราเอง
    แล้วสุดท้ายแล้วความสัมพันธ์แบบคนรักก็คือเป็นความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่ ก็เป็นเหมือนเพื่อนหรือปล่าว เป็นความสัมพันธ์ธรรมดาทั่วไป หรือจะเปรียบกับบ้านดี ? แล้วเราก็ยังตั้งคำถามกับตัวเองว่า สุดท้ายแล้วเราต้องการอะไร ทำอะไร สูบบุหรี่จะช่วยคิดออกไหม ดื่มเหล้าจะช่วยรึเปล่า เหมือนที่พวกเพื่อนๆ กับผู้ใหญ่เขาทำกัน 

    สุดท้ายแล้วเราก็ไม่ได้งสูบบุหรี่หรือกินเหล้า 
    แต่ไปจบที่เดินเข้าร้านหนังสือ สุ่มๆหาหนังสือสักเล่มนึงกับอีกเล่มที่อยากอ่าน ไทย1 อังกฤษ1 ก็น่าจะช่วยให้สงบลงได้บ้าง ปกติไม่ชอบที่ๆคนเสียงดังกับแออัด เพราะเราจะอึดอัด แต่พอไปร้านหนังสือได้เห็นคนอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ ดีใจที่ก็ยังมีคนรักหนังสืออยู่เยอะแยะเลย ได้เห็นคนเลือกหนังสือหลายประเภท ทั้งเศรษฐกิจ ไฟแนนซ์ ประวัติศาสตร์ เล่าเป็นฉากๆแหนะ ยอมใจเลย หรือว่าจะเป็นเด็กนักเรียนที่มาซื้อการ์ตูน เด็กเล็กที่เริ่มเบะปากร้องไห้เมื่อพ่อไม่ซื้อของที่อยากได้ให้ ได้เห็นอะไรหลากหลายก็รู้สึกใจว่างดี ชอบความรู้สึกสุ่มหาหนังสือมากกว่าที่จะหามาแล้วจากบ้าน เหมือนมันตรงใจ ณ ตอนนั้น อาจจะช่วยตอบคำถามสิ่งที่หลงทางในใจ ที่สับสน แต่เราไม่ได้ aware :-) 



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in