เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ONER/BC221 Fan Fictionong_iammai
WHO AM I TO YOU? (Couple: BuYue ปู่เยว่) น้องชายคนสนิท
    • เขากอดปลอบผมเวลาที่ผมทำผิดพลาด

      ผมกอดปลอบเขาเวลาเขาร้องไห้บนเตียงกลางดึก

      เขายอมนั่งเล่นเกมส์กับผมจนดึกดื่นเพียงเพราะต้องการให้ผมลืมเรื่องเศร้าทั้งๆที่บ่นว่ามันไร้สาระ

      ผมนึกถึงเขาคนแรกเวลามีคนถามว่าอยู่กับใครแล้วสบายใจมากที่สุด

      เขายิ้มให้ผมเสมอไม่ว่าจะเป็นวันแรกที่เจอกันหรือแม้กระทั่งวันที่ผมกับเขาต้องจากกัน

      ผมจับมือเขาเวลาที่ผมตื่นเต้นและขาดความมั่นใจ

      ผม...เขา...เมื่อไหร่ถึงจะมีคำว่า เรา’ 


    ตั้งแต่เล็กจนโต ชีวิตประจำวันของผมเหมือนจะประกอบไปด้วยเสียงแม่ปลุก ข้าวเช้า ข้าวเที่ยง ข้าวเย็น เกมส์ และ.....เยว่หมิงฮุย

    นอกนั้นไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว


    ทำไมเสียงแม่ปลุกถึงสำคัญเพราะเสียงแม่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมได้ตื่นมาเจอสิ่งที่เหลือ – aka เยว่หมิงฮุย

    แน่นอนครับว่าอาหาร3มื้อคือช่วงเวลาดีๆของวัน - มันทำให้ผมมีแรงไว้ปกป้องเยว่หมิงฮุย

    เกมส์คือการเปิดโลกกว้างของผม- ช่วงเวลาเดียวที่ทำให้ผมคลายความคิดถึงเยว่หมิงฮุยได้

    และ...

    เยว่หมิงฮุย - คนที่ผมอยากจะลืมตาขึ้นมาในทุกเช้าและอยากจะปกป้องด้วยแรงกำลังทั้งหมดที่มี


    เยว่หมิงฮุยเป็นใครนะหรอครับ

    พี่ชายข้างบ้านคนนั้นไง


    ตอนเด็ก...ไม่มีใครเดาได้หรอกครับว่าโตแล้วผมจะสูงถึง192 เซนติเมตร

    ตอนเด็ก...เยว่หมิงฮุยคือคนที่นั่งข้างผมบนรถโรงเรียนทุกเช้าและทุกเย็น

    ตอนเด็ก...เยว่หมิงฮุยคือคนที่คอยแบ่งปันขนมให้ผมกินทุกพักเบรก

    ตอนเด็ก...เยว่หมิงฮุยคือคนที่คอยติวหนังสือสอบให้ผม

    ตอนเด็ก...เยว่หมิงฮุยคนคือที่คอยเล่นกับเด็กตัวผอมดูแกร็นๆคนนี้

    ตอนเด็ก...เยว่หมิงฮุยคือคนที่ปลอบผมตอนร้องไห้เพราะตกจากจักรยาน

    ตอนเด็ก...เยว่หมิงฮุยคือคนที่คอยปกป้องปู่ฝานฝานคนนี้

    ช่วงเวลาเด็กของผม เต็มไปด้วยคนที่ชื่อเยว่หมิงฮุย


    เวลาผ่านไปผมสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ หลายอย่างเปลี่ยนไป แต่เยว่หมิงฮุยไม่เคยเปลี่ยน และในชีวิตประจำวันของผมก็ยังมีเยว่หมิงฮุย

    ถึงเราจะเรียนกันคนละคณะแล้วแต่ทุกครั้งที่ผมต้องขึ้นเดินแบบเขาจะแวะมาให้กำลังใจเสมอ เยว่หมิงฮุยหนะ ได้บัตรสตาฟฟ์เข้าหลังเวทีจากผมตลอดเลยนะ

    “ฝานจึนายทำได้อยู่แล้ว” 

    พร้อมรอยยิ้มเดิมที่มีให้ตั้งแต่ที่เขาย้ายมาข้างบ้าน รอยยิ้มที่บางครั้งผมมองว่าเขาปั้นแต่งแต่สายตาของเขาไม่เคยหลอกผมได้

    ทุกครั้งที่ผมตื่นเต้น มือของเขาคือสิ่งที่ผมอยากจับเขาเหมือนเป็นแหล่งพลังงานของผม เป็นที่พึ่งทางจิตใจที่ดีที่สุดเมื่อผมได้รับพลังนั้น ไม่ว่าอะไรผมก็พร้อมเจอ


    “พี่ ผมทำพลาดอีกแล้วหวะ”

    ผมพุ่งเข้ากอดเขาทันทีหลังจากที่ดูเทปย้อนหลังแล้วเห็นว่าตัวเองก้าวผิดจังหวะบนรันเวย์

    “ไม่เป็นไรหน่าคนเราไม่ได้เพอร์เฟคร้อยเปอร์เซ็นต์ นายก็แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้ครั้งหน้าก็ระวังมากขึ้นเท่านั้นเอง”

    เขาพูดพร้อมเอามือเล็กๆคู่นั้นลูบหัวผมแบบทุกครั้งที่ปลอบโยนผม

    “เล่นเกมส์กันเหอะผมเซ็ง”

    “เฮ้ยเดี๋ยวคุณน้าก็ว่าหรอก เมื่อวันก่อนก็เห็นเล่นจนตี1-2ไม่ใช่หรอตื่นสายจนเสียงปลุกของคุณน้าดังไปบ้านพี่”

    “ไม่หรอก แม่ไม่ว่าหรอกมีพี่อยู่ด้วย”

    “แต่...”

    “โหพี่นี่ผมเศร้าอยู่นะ ถ้าผมเครียดจนคิดสั้นทำไงวะพี่”

    “นายมันไร้สาระ”

    ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เขาก็ยกแลพท๊อปรุ่นเจ๋งของเขามานั่งเล่นเกมส์กับผมจนดึก...จนเผลอหลับไป

    คืนนั้น ทำให้ผมรู้อะไรอยู่อย่าง

    ...เยว่หมิงฮุยช่างเหมือนกระต่ายอะไรขนาดนี้นะ

    และผมได้ทำอะไรบางอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะทำไม่รู้ด้วยซ้ำมันถูกต้องหรือไม่ แต่ผมไม่รู้สึกผิดที่ได้ทำมัน

    ---จุ๊บ---

    หลังจากคืนนั้นเองที่ผมเริ่มถามตัวเองว่า ผมกับเขา...เป็นอะไรกัน


    น้องชายข้างบ้าน?

    รุ่นน้องที่มหาลัย?

    น้องชายคนสนิท?

    คำไหนถึงจะอธิบายสถานะตอนนี้ที่ผมเป็นอยู่ได้

    การที่ผมไปนอนค้างบ้านเขาแทบนับครั้งไม่ถ้วน

    การที่ไปเรียนในตอนเช้าพร้อมกันและรอกลับบ้านพร้อมกันตอนเย็น

    การที่ผมยอมทำกับข้าวให้เขากินคนเดียว

    การที่เขายอมให้ผมกอดและจับมือทั้งๆที่บอกเองว่าเป็นคนไม่ชอบให้คนแตะตัว

    การที่ผมและเขาแบ่งปันเรื่องราวทุกเรื่องตั้งแต่เด็กยันโต

    การที่มองตากันก็แทบจะสื่อถึงกันได้

    การที่ผมและเขานอนเบียดกันบนโซฟาเล็กๆหลังจากวันที่แสนเสร็จเหนื่อย

    การที่เขายอมให้ผมเป็นคนเดียวที่ได้เห็นเขาร้องไห้

    หรือแม้กระทั่งการที่เราจูบกัน

    ใช่ครับมันเกิดขึ้นมากกว่า 1 ครั้ง ไม่ใช่แค่ตอนเขาหลับ 


    วันที่เขาสอบชิงทุนไปประเทศในฝันไม่ได้เขาพูดกับทุกคนพร้อมรอยยิ้มเดิมๆว่า 

    “เรื่องแค่นี้เอง ผมโอเค”

    ไหนจะเสียงหัวเราะปลอมๆที่สร้างมาเพื่อหลอกคุณลุงคุณป้าว่าสบายดีบนโต๊ะอาหารคืนนั้นอีกแต่ผมใครล่ะ น้องชายคนสนิท’ คนนี้จะไม่รู้ได้ยังไงว่ามันไม่เป็นจริงเลย

    ห้าทุ่มกว่าคืนนั้นตอนที่ทุกคนปิดไฟนอนหมดแล้ว ผมแอบปีนทางหน้าต่างเข้าห้องของเขา และก็เป็นตามที่ผมคิดก้อนผ้านวมขนาดใหญ่กำลังสั่นน้อยๆและมีเสียงสะอื้นออกมา

    ...กระต่ายของผมแอบร้องไห้คนเดียวอีกแล้ว...

    แน่นอนว่าพอผมเดินเข้าไปใกล้กระต่ายตัวนั้นก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา

    “แอบร้องไห้อีกแล้วนะพี่”

    “....ใช่ที่ไหนเมื่อกี้....จะใส่แว่นแต่ขาแว่นมันจิ้มตาพอดี..น้ำตามันเลยไหลออกมามันเป็นปฏิกิริยา....”

    ผมได้กรอกตาไปมา มุกอะไรของเขาวะข้ออ้างธรรมดาแบบฝุ่นเข้าตาก็ได้มั้ง

    ก่อนที่เขาจะลากเข้าหลักการไปมากกว่านี้ผมก็เดินเข้าไปกอดกระต่ายตัวนั้นเอาไว้ แล้วลูบหัวของมันเบาๆ ไม่พูดอะไรอีก

    กระต่ายตัวนั้นชะงักไปสักพักใหญ่ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาและเสียงสะอื้นเล็กๆออกมาอีกครั้ง

    “ไม่เท่เลยหวะแบบนี้นายห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะ” 

    เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมตาที่รื้นไปด้วยน้ำตาปากเล็กๆนั่นก็พร่ำกำชับผมให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ตาของผมละออกจากริมฝีปากบางๆนั่นไม่ได้เลยและไวเท่าความคิด

    ผมปิดปากนั้นด้วยปากของผมเอง

    ที่น่าตกใจกว่าคืออีกฝ่ายมีปฏิกิริยาตอบรับ...ที่ไม่ใช่การต่อต้าน

    ผมผละออกพร้อมกับถามสิ่งที่ค้างคาในใจมาสักพัก

    “สำหรับพี่แล้วผมเป็นใคร” 

    ผมกลัวจนแทบหยุดหายใจ

    เยว่หมิงฮุยหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง

    “น้องชายที่พี่สนิทใจที่สุด” 

    พร้อมกับรอยยิ้มแกนๆนั่นให้ผม

    “น้องชาย..หรอ”

    ผมพูดอะไรต่อไม่ถูก เหมือนหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว แล้วเมื่อกี้มันคืออะไร

    ผมไม่กล้าถามต่อแล้วผมรู้สึกหน่วงจนไม่สามารถรับอะไรไปได้มากกว่านี้แล้ว

    เท่าที่ผมจำได้ในคืนนั้น ผมเป็นฝ่ายคลายกอดก่อน และบอกว่าต้องกลับไปนอนแล้วผมกลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง แต่ตาของผมไม่สามารถปิดลงได้ สมองผมตื้อไปหมด...

    จากนั้นคืนนั้นผมพยายามหาข้ออ้างไม่เจอเขา ไปเรียนเอง กลับบ้านเอง เล่นเกมส์คนเดียวพอเขาโทรมาหรือมาหาที่บ้าน ผมจะหาข้ออ้างว่าต้องออกไปหาเพื่อนตลอดนัดทำงานกลุ่มบ้างละ ติวสอบบ้างหละ อะไรก็ได้ ขอแค่ไม่ต้องคุยกับเขาความจริงแล้วผมอยากเข้าไปคุยให้ชัดเจน แต่ผมขี้คลาดเกินไป

    แต่มันก็เป็นแบบนั้นได้แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นแค่7วัน เพราะอย่างที่คุณก็รู้ ชีวิตประจำวันของผมจะขาดคนที่ชื่อเยว่หมิงฮุยไปได้ยังไง มันไม่ครบสมบูรณ์แบบแต่ก่อน

    ผมตัดสินใจแล้วจะเป็นแค่น้องชายก็ได้ ขอแค่มีเขาในชีวิตผมก็พอ

    ก่อนไปหาเขาที่บ้านผมแวะซื้อสตอเบอรี่ของโปรดของกระต่ายน้อยตัวนั้นก่อน

    ---กระต่ายของผมสูง 183เซนติเมตรแล้วจะทำไม ยังไงก็เป็นกระต่ายน้อยของผมอยู่ดี---

    สายที่ไม่ได้รับเป็นร้อยสายข้อความในโปรแกรมแชทอีกเกือบพัน ผมไม่ได้เข้าไปอ่านเลย น่าจะโดนโกรธแน่ๆ

    ผมเดินเข้าไปในบ้านของเพื่อนบ้านของผมตอนนี้บ่าย 3 โมงกว่า คุณลุงกับคุณป้าคงยังไม่กลับจากที่ทำงานผมจำได้ว่าตารางเรียนของเขาวันนี้ไม่มีเรียนและโดยปกติวันที่ไม่มีเรียนเยว่หมิงฮุยจะอ่านหนังสืออยู่บ้าน และการที่ผมเดินเข้ามาในบ้านของเขาได้แบบนี้แสดงว่าเขาต้องอยู่บ้านอย่างทุกครั้งแน่ๆ

    ผมเดินเข้าไปในห้องครัวของบ้านที่ผมรู้จักดีเท่าๆกับบ้านของตัวเองเอาสตอเบอรี่ล้างน้ำแล้วใส่ชาม ผมเดินขึ้นบันไดไปห้องนอนของกระต่ายน้อยที่อยู่ชั้น 2 ของบ้าน ในหัวผมมีเรื่องเป็นล้านอย่าง ความเป็นไปได้นับพันไม่นับความรู้สึกอีกมากมาย ทุกอย่างตีกันไปหมด สิ่งเดียวที่ผมแน่ใจตอนนี้คือผมขาดคนที่ชื่อเยว่หมิงฮุยในชีวิตไม่ได้ เรื่องอื่นผมไม่สนใจแล้ว

    ใจผมแทบระเบิดตอนเคาะประตูห้องนอนของเขาประตูถูกเปิดออกโดยเยว่หมิงฮุยคนเดิม กระต่ายน้อยตัวเดิมของผมที่ต่างออกไปคือเขาดูซูบลงเล็กน้อย แค่เขาซูบลงใจผมก็เหมือนโดนกรีด ความผิดผมแท้ๆ 

    ตาของเขาเบิกกว้างทันทีที่เห็นผม เขามองลงไปยังชามสตอเบอรี่หยิบชามนั่นออกจากมือผม แล้วต่อยหน้าผม 1 ที

    “ทำไมไม่อ่านไลน์ทำไมไม่รับสายวะ!!! กระต่ายน้อยตะโกนใส่ผมทันทีหลังจากผมได้สติจากหมัดนั่น

    “ทำไมต้องคอยหลบหน้ากันพี่สอนนายมาแบบนี้หรอวะ มีอะไรก็คุยกันดีๆดิ ไม่หลบปัญหาดิ”

    ก่อนที่เยว่หมิงฮุยจะระเบิดไปไกลกว่านี้ผมตัดสินใจพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป

    “โอเคงั้นเอาตรงๆเลยนะพี่ ที่พวกเราเป็นกันอยู่ตอนนี้ ตั้งแต่ต้นสำหรับผมมันเกินคำว่าแค่พี่ชายน้องชายไปนานแล้ว...”

    อยู่ดีๆเยว่หมิงฮุยก็หยิบสตอเบอรี่ขึ้นมากัด เฮ้ย..ผมซีเรียสอยู่นะเนี้ย

    “...อาทิตย์นึงที่ผ่านมาหลังจากพี่ให้ผมเป็นแค่น้องชายที่พี่สนิทใจที่สุด ถึงแม่งจะเจ็บแต่พี่สำคัญกับผมมาก ผม...”

    คำพูดของผมหยุดแค่นั้นเพราะปากของผมไม่ว่างแล้วสตอเบอรี่ถูกส่งเข้ามาในปากผมพร้อมริมฝีปากของกระต่ายน้อย ....หวานอมเปรี้ยวนิดๆ...

    อย่าถามเลยครับว่าหัวใจของผมตอนนี้ยังดีอยู่มั้ยมันเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกอก

    “นายก็สำคัญกับพี่มากนายไม่ใช่น้องชายธรรมดา แต่เป็นน้องชายที่พี่สนิทใจที่สุดเพราะนั่นหมายความว่านายอยู่ใกล้หัวใจพี่ที่สุด”

    กระต่ายน้อยหน้าแดงมาก แต่ก็ยังยิ้มพร้อมส่งสายตาที่ทำให้ผมรู้สึกว่าจะไม่มีสิ่งใจบนโลกใบนี้ที่จะทำให้ผมรู้สึกดีเท่านี้อีกแล้ว

    “พี่ก็เป็นพี่ชายที่ผมสนิทใจมากที่สุดเหมือนกัน”

    “งั้นเราก็อยู่ใกล้หัวใจของกันและกันซินะ"

     

    เรากอดปลอบกันเวลาที่พวกเราเศร้า

    เรานั่งเล่นเกมส์ด้วยกันจนดึกดื่น

    เรานึกถึงกันและกันเป็นคนแรกเสมอเวลามีคนถามว่าอยู่กับใครแล้วสบายใจมากที่สุด

    เรายิ้มให้กันเสมอด้วยสายตาที่มองก็เข้าใจกัน

    เราจับมือให้กำลังใจกันและกันทุกครั้งที่อีกฝ่ายต้องการมัน


    ต่อไปนี้จะมีชื่อเรียกสถานะว่าอะไรใครจะไปสนแล้วละครับ มีแค่ “เรา” ก็เพียงพอแล้ว

    -----------------------------------------------------------END----------------------------------------------------------------

  • [Writer's Talk]

    สวัสดีค่ะใครก็ตามที่หลงเข้ามาอ่าน 555555555555

    ยินดีต้อนรับสู่ฟิคเรื่องแรกในชีวิตที่แต่งด้วยตัวเองคนเดียวของเราค่ะ

    เพราะด้วยความที่มันเป็นเรื่องแรก หากมีข้อผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะคะ (ซึ่งก็ไม่ได้การันตีว่าเรื่องหน้าจะพัฒนาขึ้นมั้ยแต่ก็จะทำให้ดีที่สุดค่ะ ^^)

    ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะให้มันยาวแบบนี้เลยค่ะ เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องแรก งานเขียนก็ไม่ถนัด แต่ก็เพราะว่าเขียนไม่เก่งนี่หละค่ะ ทำให้เรื่องมันเรื่อยเปื่อยน้ำเยอะแบบนี้ 55555555555555555555555

    ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและอ่านถึง [Writer's Talk] นะคะ


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in