เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
พฤษภาไม่กลับมาsipthesmokeairs
ไวน์รสขมกับจูบเคล้าน้ำตา

  •  

    ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นการจูบกันแบบเด็กๆทว่าผมดันคิดผิด...


    รู้ตัวอีกทีก็สัมผัสได้ถึงเรียวลิ้นร้อนๆที่ขมปร่าไปด้วยรสไวน์รุกล้ำเข้ามาในโพรงปากของผม กลิ่นไวน์ถูกกลบด้วยกลิ่นโค้กจากพอดที่เขาสูบและผมในตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับจูบที่ไม่อ่อนโยนเลยของเขาวินาทีแรกเขาแตะสัมผัสราวกับเป็นการขออนุญาต วินาทีต่อมาริมฝีปากของเขาดูดดึงริมฝีปากของผมราวกับกำลังโหยหาอะไรสักอย่างผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอด เพราะเริ่มที่จะมึนเมาไปกับจูบตรงหน้าและเขาโถมน้ำหนักลงมา....


     ท่ามกลางเสียงฝนที่ตกนาฬิกาบอกเวลาตีสามสิบสองนาที ไม่มีใครได้ยินว่าพวกเรากำลังทำอะไรกัน ไม่มีใครเห็น...

    มีแค่ผมเท่านั้นที่รู้ว่าฝ่ามือร้อนๆของเขาลูบไล้ร่างกายของผมยังไง

    มีแค่ผมเท่านั้นที่รู้ว่ามือของเขาเกี่ยวกางเกงผมลงไปกองที่ข้อเท้าตอนไหน

    มีแค่ผมเท่านั้นที่รู้ว่าสายตาของเขาตอนที่จูบข้อเท้าและมองมามันหมายความว่ายังไง...

     

    มันหมายความว่า...

     

    “อ้าขากว้างกว่านี้อีกนิดได้มั้ยครับ”

    หน้าผมร้อนทันทีที่ได้ยินเหลือเชื่อเหลือเกินว่าเขายังสามารถยิ้มได้ราวกับไม่ได้ทำอะไรผิดราวกับว่านี่มันเป็นเรื่องปกติมากระหว่างเรา ราวกับว่าก่อนหน้านี้อาจจะสักสองสัปดาห์ที่แล้วเขาไม่ได้กำลังทานข้าวกับแฟนของตัวเองอยู่ผมไม่เชื่อฟังเขาและไม่คิดจะทำทว่าตอนที่เขาจับขาของผมแยกออก ร่างกายมันก็ไม่ขัดขืนเลยสักนิด

    ผมไม่ได้เมาเลย

    “นี่”

    แล้วเขาล่ะ

    “เมาหรือเปล่า”

    คนตรงหน้าส่ายศีรษะไปมาสวนทางกับคำตอบที่ทำให้เขาดูเอาแน่เอานอนไม่ได้มากกว่าเดิม

    “เมามากเลยครับ”

    ….

    “เมาจนทนไม่ไหวแล้ว”

    เขาโน้มตัวลงมาและจูบที่ไม่เคยอ่อนโยนก็เกิดขึ้นอีกครั้ง รสไวน์ขมปร่าแผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก

    ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่หรือแม้กระทั่งความถูกต้องก็ไม่อยากจะคิดถึงมันเลยสักนิด ผมอยากยอมแพ้ให้เขายอมให้ทั้งหมดเลยจริงๆ

    เสียงฝนตกที่ด้านนอกโชคดีเหลือเกินที่มันดังพอจะกลบเสียงของพวกเราเอาไว้

     

    “ซี๊ดด”

    ผมสูดปากเมื่อจังหวะการสอดใส่มันไม่ได้ทุลักทุเลเหมือนตอนแรก ไรผมของเขามีเหงื่อผุดพรายและดวงตาของเขายังคงเป็นเจ้าของค่ำคืนนี้ ตัวผมที่นอนอยู่ใต้ร่างของเขาโดนเสือกไสอยู่บนพรมสีเบจ ไม่ได้ไปไหนไกลจากริมระเบียงที่เรานั่งคุยกันก่อนหน้านี้

    ฝนยังคงตก...

    ผมมองปลายเท้าของตัวเองที่พาดค้างเติ่งอยู่บนไหล่หนามันขยับขึ้นลงตามการเคลื่อนตัวเข้าออกของเขา เขากลายเป็นคนที่ควบคุมทุกอย่างไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร แต่ถ้าให้เดาคงเกิดจากความยินยอมของผมประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ผมละสายตาจากปลายเท้าของตัวเองมามองที่ใบหน้าของเขา สงสัยว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกอะไรอยู่สงสัยว่าตอนนี้มีสิทธิ์คว้าคอเขาให้โน้มลงมาแล้วบดจูบได้หรือไม่

    “นี่”

    หวังเหลือเกินว่าตอนนี้เขาจะรู้ตัวว่ากำลังเอาอยู่กับใคร

    “ค...ครับ”

    น้ำเสียงแหบพร่าตอบกลับมาผมเห็นตัวเองอีกครั้งในดวงตาของเขา

    “จูบอีกได้หรือเปล่า”

    “พี่เมาหรอ” น้ำเสียงเขาขาดห้วงทว่าไม่ได้ผ่อนแรงที่กำลังกระแทกกระทั้นเข้ามาเลยสักนิด

    “เปล่า”

    “แต่ผมเมามากเลย”

    “อืม...รู้แล้ว”

    มันหมายความว่าเขาไม่ได้เมาและพรุ่งนี้ได้โปรดอย่าถามเขาถึงเรื่องในคืนนี้ ผมเข้าใจความหมายแล้ว

    “แต่จูบอีกได้หรือเปล่า”

    ทว่า...ผมยังคงร้องขอจูบจากเขา

    “ครับ”

    และสุดท้ายเขาก็เมตตา

    จูบรสไวน์แปรเปลี่ยนเป็นรสเค็มนิดๆจากน้ำตาหนึ่งหยดที่ไหลจากหางตาของผม ผมไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ทำไม คิดเอาเองว่าคงร้องไห้แทนเขาที่ทำหน้าจะร้องแต่ไม่ร้องออกมาสักทีเขาไม่ได้หยี่ระกับรสชาติที่เปลี่ยนไป หรือจะมองในอีกแง่คือเขาไม่ได้สนใจว่าผมร้องไห้ทำไมผมโอบกอดเขาเอาไว้ ราวกับกำลังโอบกอดตัวเองที่แหว่งวิ่น

    “นี่”

    “ครับ”

    “เสร็จพร้อมกันนะ”

    พวกเราต่างกอดก่ายร่างกายของอีกคนอย่างโหยหาด้วยหวังว่าไออุ่นจะช่วยเติมช่องว่างในจิตใจ ความสัมพันธ์ที่เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิดผมไม่รู้เลยว่าจะรับมือกับมันได้อย่างไร ผมไม่อยากคิดถึงพรุ่งนี้ ด้วยกลัวว่าสายตาถ้อยคำ ปฏิกิริยาของเขาในวันพรุ่งนี้จะเปลี่ยนไป ในขณะที่ผมยังคงชอบเขาเหมือนเดิม

     

    ไม่ระวังใจจะรัก

    ยอมโง่งมตกลงไป

    ด้วยหวังว่าความสุขเพียงชั่วคราว

    จะกลายเป็นความสุขนับอนันต์

     

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in