ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นการจูบกันแบบเด็กๆทว่าผมดันคิดผิด...
รู้ตัวอีกทีก็สัมผัสได้ถึงเรียวลิ้นร้อนๆที่ขมปร่าไปด้วยรสไวน์รุกล้ำเข้ามาในโพรงปากของผม กลิ่นไวน์ถูกกลบด้วยกลิ่นโค้กจากพอดที่เขาสูบและผมในตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับจูบที่ไม่อ่อนโยนเลยของเขาวินาทีแรกเขาแตะสัมผัสราวกับเป็นการขออนุญาต วินาทีต่อมาริมฝีปากของเขาดูดดึงริมฝีปากของผมราวกับกำลังโหยหาอะไรสักอย่างผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอด เพราะเริ่มที่จะมึนเมาไปกับจูบตรงหน้าและเขาโถมน้ำหนักลงมา....
มีแค่ผมเท่านั้นที่รู้ว่าฝ่ามือร้อนๆของเขาลูบไล้ร่างกายของผมยังไง
มีแค่ผมเท่านั้นที่รู้ว่ามือของเขาเกี่ยวกางเกงผมลงไปกองที่ข้อเท้าตอนไหน
มีแค่ผมเท่านั้นที่รู้ว่าสายตาของเขาตอนที่จูบข้อเท้าและมองมามันหมายความว่ายังไง...
มันหมายความว่า...
“อ้าขากว้างกว่านี้อีกนิดได้มั้ยครับ”
หน้าผมร้อนทันทีที่ได้ยินเหลือเชื่อเหลือเกินว่าเขายังสามารถยิ้มได้ราวกับไม่ได้ทำอะไรผิดราวกับว่านี่มันเป็นเรื่องปกติมากระหว่างเรา ราวกับว่าก่อนหน้านี้อาจจะสักสองสัปดาห์ที่แล้วเขาไม่ได้กำลังทานข้าวกับแฟนของตัวเองอยู่ผมไม่เชื่อฟังเขาและไม่คิดจะทำทว่าตอนที่เขาจับขาของผมแยกออก ร่างกายมันก็ไม่ขัดขืนเลยสักนิด
ผมไม่ได้เมาเลย
“นี่”
แล้วเขาล่ะ
“เมาหรือเปล่า”
คนตรงหน้าส่ายศีรษะไปมาสวนทางกับคำตอบที่ทำให้เขาดูเอาแน่เอานอนไม่ได้มากกว่าเดิม
“เมามากเลยครับ”
“….
“เมาจนทนไม่ไหวแล้ว”
เขาโน้มตัวลงมาและจูบที่ไม่เคยอ่อนโยนก็เกิดขึ้นอีกครั้ง รสไวน์ขมปร่าแผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก
ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่หรือแม้กระทั่งความถูกต้องก็ไม่อยากจะคิดถึงมันเลยสักนิด ผมอยากยอมแพ้ให้เขายอมให้ทั้งหมดเลยจริงๆ
เสียงฝนตกที่ด้านนอกโชคดีเหลือเกินที่มันดังพอจะกลบเสียงของพวกเราเอาไว้
“ซี๊ดด”
ผมสูดปากเมื่อจังหวะการสอดใส่มันไม่ได้ทุลักทุเลเหมือนตอนแรก ไรผมของเขามีเหงื่อผุดพรายและดวงตาของเขายังคงเป็นเจ้าของค่ำคืนนี้ ตัวผมที่นอนอยู่ใต้ร่างของเขาโดนเสือกไสอยู่บนพรมสีเบจ ไม่ได้ไปไหนไกลจากริมระเบียงที่เรานั่งคุยกันก่อนหน้านี้
ฝนยังคงตก...
ผมมองปลายเท้าของตัวเองที่พาดค้างเติ่งอยู่บนไหล่หนามันขยับขึ้นลงตามการเคลื่อนตัวเข้าออกของเขา เขากลายเป็นคนที่ควบคุมทุกอย่างไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร แต่ถ้าให้เดาคงเกิดจากความยินยอมของผมประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ผมละสายตาจากปลายเท้าของตัวเองมามองที่ใบหน้าของเขา สงสัยว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกอะไรอยู่สงสัยว่าตอนนี้มีสิทธิ์คว้าคอเขาให้โน้มลงมาแล้วบดจูบได้หรือไม่
“นี่”
หวังเหลือเกินว่าตอนนี้เขาจะรู้ตัวว่ากำลังเอาอยู่กับใคร
“ค...ครับ”
น้ำเสียงแหบพร่าตอบกลับมาผมเห็นตัวเองอีกครั้งในดวงตาของเขา
“จูบอีกได้หรือเปล่า”
“พี่เมาหรอ”
“เปล่า”
“แต่ผมเมามากเลย”
“อืม...รู้แล้ว”
มันหมายความว่าเขาไม่ได้เมาและพรุ่งนี้ได้โปรดอย่าถามเขาถึงเรื่องในคืนนี้ ผมเข้าใจความหมายแล้ว
“แต่จูบอีกได้หรือเปล่า”
ทว่า...ผมยังคงร้องขอจูบจากเขา
“ครับ”
และสุดท้ายเขาก็เมตตา
จูบรสไวน์แปรเปลี่ยนเป็นรสเค็มนิดๆจากน้ำตาหนึ่งหยดที่ไหลจากหางตาของผม ผมไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ทำไม คิดเอาเองว่าคงร้องไห้แทนเขาที่ทำหน้าจะร้องแต่ไม่ร้องออกมาสักทีเขาไม่ได้หยี่ระกับรสชาติที่เปลี่ยนไป หรือจะมองในอีกแง่คือเขาไม่ได้สนใจว่าผมร้องไห้ทำไมผมโอบกอดเขาเอาไว้ ราวกับกำลังโอบกอดตัวเองที่แหว่งวิ่น
“นี่”
“ครับ”
“เสร็จพร้อมกันนะ”
พวกเราต่างกอดก่ายร่างกายของอีกคนอย่างโหยหาด้วยหวังว่าไออุ่นจะช่วยเติมช่องว่างในจิตใจ ความสัมพันธ์ที่เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิดผมไม่รู้เลยว่าจะรับมือกับมันได้อย่างไร ผมไม่อยากคิดถึงพรุ่งนี้ ด้วยกลัวว่าสายตาถ้อยคำ ปฏิกิริยาของเขาในวันพรุ่งนี้จะเปลี่ยนไป ในขณะที่ผมยังคงชอบเขาเหมือนเดิม
ไม่ระวังใจจะรัก
ยอมโง่งมตกลงไป
ด้วยหวังว่าความสุขเพียงชั่วคราว
จะกลายเป็นความสุขนับอนันต์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in