สุดท้าย
หลังจากปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาจนเดือนพฤษภาฯ
ตอนนั้นเพื่อนอีกคนเป็นคนติดต่อให้ โทรไปถามเขาว่ารับเด็กฝึกงานไหม
ไม่มีสัมภาษณ์ ไม่มีขอดูเกรด พอร์ต เรซูเม่ ฯลฯ ใดๆ ทั้งสิ้น เรากับเพื่อนก็คิดว่ามันง่ายดายขนาดนี้เชียวหรอ แล้วก่อนหน้านี้เรามัวรีรออะไรกันอยู่อะเธอ
ที่เขารับง่ายแบบนี้น่าจะเป็นเพราะมีรุ่นพี่เอกเราไปฝึกงานที่นี่มาก่อนแล้ว แล้วเขาก็ชอบเด็กเอกเราด้วย
แต่ไม่ใช่กับเอกเรา
ใช่แล้ว!
ถึงเราจะไปฝึกงาน
แต่เราไม่ได้จะไปเป็นบรรณารักษ์!!
เราจะไปเป็นนักจัดกิจกรรมเด็กต่างหาก!!!
ทั้งญาติๆ ทั้งเพื่อนๆ พอเราบอกว่าจะไปฝึกงานที่ห้องสมุดก็คิดว่าจะไปเป็นบรรณารักษ์กัน
เมื่อก่อนเราก็คิดว่าห้องสมุดมีแต่บรรณารักษ์เหมือนกัน จนได้รู้จากเพื่อนว่าเคยมีรุ่นพี่ในเอกเคยมาฝึกงานที่นี่นะ แต่พี่เขาทำหน้าที่จัดกิจกรรม ตอนนั้นแหละเราถึงได้รู้ว่ามีหน้าที่ในห้องสมุดด้วย เรื่องนี้เคยได้ยินมาตั้งแต่ตอนอยู่ปี 1 ลึกๆ ในใจก็สนใจที่นี่มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วด้วย เพราะเราก็อยากลองทำอะไรที่ได้คลุกคลีกับเด็กจริง ๆ แต่ก็ไม่อยากไปฝึกกับโรงเรียนเพราะคิดว่ามันน่าจะเคร่งเครียดพอสมควร แล้วก็ไม่ได้อยากไปบริษัทจัดกิจกรรมเด็กอะไรทำนองนั้นเพราะเราก็ไม่ใช่สายกิจกรรมจ๋า ดังนั้นก็เลยมาจบที่นี่
เนื่องด้วยอัตลักษณ์ของห้องสมุดห้วยขวางคือ การ์ตูน (เลยได้ชื่อเล่นว่าห้องสมุดการ์ตูนไงล่ะ) ทำให้ที่นี่มีการ์ตูนเยอะมาก มาก ๆๆๆๆ ทั้งการ์ตูนความรู้ที่เราชอบอ่านตอนเด็ก ๆ พวกเอาชีวิตรอด ตึ๋งหนืด ไม่ยากถ้าอยาก... อะไรทำนองนั้น
แถมยังมีมังงะด้วย!
แล้วก็ เพราะห้องสมุดห้วยขวางอยู่ติดกับโรงเรียน 2 แห่ง (จันทร์หุ่น กับประชาราษฎร์บำเพ็ญ) ดังนั้นช่วงเย็นหลังเลิกเรียนก็เลยมีเด็กๆ มาเยอะมากๆ ทั้งเด็กที่มาอ่านการ์ตูน (เด็กที่นี่น่าจะชอบเรื่องเกี่ยวกับผีที่สุด แต่ละเล่มยับเยินมาก) เด็กที่มาเล่นกับเพื่อน มานั่งทำการบ้าน รอผู้ปกครอง หรือบางทีก็มีคุณพ่อ คุณแม่ คุณตา คุณยายที่พาเบบี๋ตัวน้อย ๆ มารอรับพี่ ๆ กลับบ้านก็มี
ที่นี่จะมีห้องสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เป็นห้อง Kid's Corner อยู่ที่ชั้น 1
นอกจากนี้ที่ชั้น 1 ก็จะมีเคาน์เตอร์ยืม-คืนหนังสือ มีโซนนิตยสาร โซนหนังสือใหม่ที่เป็นการ์ตูนความรู้ หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น แล้วก็โซนรับประทานอาหารสำหรับสมาชิกผู้มาใช้บริการห้องสมุด รวมถึงห้องครัวของเจ้าหน้าที่ห้องสมุด
ชั้น 2 จะเป็นพื้นที่สำหรับนั่งอ่านหนังสือ ส่วนหนังสือในชั้นนี้ก็จะมีหนังสือทั่วไป (ที่เป็นหมวด 000 ถึง 900) นวนิยาย แล้วก็หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น
ส่วนชั้น 3 เป็นเหมือนสวรรค์ของเด็ก ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะเต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูน ทั้งการ์ตูนความรู้และการ์ตูนญี่ปุ่น แถมยังมีคอมพิวเตอร์ไว้ให้เล่นเกม ดู YouTube อีก สุดท้ายคือห้อง Mini theater สำหรับฉายภาพยนตร์ในวันเสาร์หลังจากทำกิจกรรมเสร็จแล้ว
ตอนเเรกพวกเรามาฝึกงานที่นี่กัน 3 คน คือ แป้ง (<เราเองๆ) ทูน่า นิว แล้วต่อมาก็มี เต้ เข้ามาทำด้วยตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 ของเรา ดังนั้นเด็กฝึกงานที่นี่จึงมีทั้งหมด 4 คน ตอนแรกก็คิดว่าคนดูเยอะ ๆ นะ จะมีคนว่างงานไหม แต่สุดท้ายก็ไม่ว่างจ้า ถึงจะมี 4 คนแต่ก็ยังตึงมืออยู่ดี
ปกติช่วงเช้าพวกเราจะอยู่ที่เคาน์เตอร์ชั้น 2 ทำหน้าที่เก็บหนังสือเข้าชั้น และเขียนแนะนำหนังสือลง Facebook ของห้องสมุด ส่วนตอนบ่ายก็ขึ้นไปเตรียมกิจกรรมสำหรับตอนเย็นกันที่ห้อง Mini Theater (ซึ่งในวันธรรมดาห้องนี้จะไม่มีคนใช้) เพราะพวกเราต้องพูดคุยกัน หรือการเตรียมอุปกรณ์บางทีก็มีเสียงดัง ถ้าอยู่ที่ชั้น 2 ที่มีสมาชิกมาอ่านหนังสืออยู่ก็จะเป็นการรบกวนเขาได้ เลยต้องย้ายไปอยู่ชั้น 3 ที่ไม่ค่อยมีคนแทน
และเมื่อถึงเวลาประมาณสี่โมงเย็น ก็ได้เวลาเริ่มงานของจริง...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in