ท่ามกลางสายตาของทุกคนไอ้เจล้มกองไปนอนกับพื้นอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ ไอ้ซันรีบตะโกนผ่านวิดีโอคอล "ไอ้ยัก พามันขึ้นไปบนเตียง เอาพระหรืออะไรก็ได้มาให้มันสวม เร็ว!"
เขารีบพยุงร่างกายเพื่อนแล้วพามันขึ้นไปนอนบนเตียงขนาดห้าฟุตของตัวเองแล้วสาวเท้าออกไปนอกห้องตรงดิ่งไปยังกล่องสะสมพระของพ่อ เขาสุ่มหยิบส้อยพระมาหนึ่งเส้น พระพุทธรูปองค์เล็กอีกสองสามองค์แล้วรีบกลับไปยังร่างที่ไม่ได้สติของเพื่อน
เหมือนได้ยินแว่ว ๆ ว่าเพื่อนคนอื่น ๆ จะมาบ้านเขาทันทีเพราะเป็นห่วงไอ้เจแล้ววางสายไป พยัคฆ์สวมสร้อยพระให้เพื่อนแล้ววางพระพุทธรูปบนตัวเตียงอย่างไม่รู้ว่ามันจะช่วยอะไรได้จริงหรือไม่ แต่เพื่อความสบายใจสวมเอาไว้ให้ไอ้เจก็คงไม่เสียหาย
เขามองไอ้เจที่ยังนอนนิ่งอีกสักครู่ มันไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เขาจึงเดินลงไปข้างล่างบ้านเพื่อเปิดประตูรั้วให้เพื่อน พ่อแม่เขางุนงงว่าดึกดื่นป่านนี้แล้วยังจะเปิดประตูบ้านไปไหนอีก เด็กหนุ่มจึงตอบกลับไปว่าเพื่อนที่เหลือจะมานอนด้วย
เขากลับห้องมานั่นเฝ้าไอ้เจได้สักพักก็ได้ยินเสียงเอ็ดตะโรมาจากข้างล่าง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหนัก ๆ หลายคู่ บานประตูถูกเปิดออกแล้วทั้งสามคนก็ถลาเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ต่างกัน คำว่าตื่นประหนกถูกเขียนแปะไว้กลางหน้าผากของพวกมันแต่ละคน
เด็กหนุ่มเข้าไปหากลุ่มเพื่อพลางบอกว่าไม่เป็นไร ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น ไอ้เจแค่หลับไป ไอ้ชากับไอ้เป๋าถลาไปดูไอ้เจขณะที่ไอ้ซันยืนกอดอกเงยหน้าจ้องเขาเขม็ง เหมือนกำลังไม่พอใจอะไรเขาสักอย่าง
"มาคุยกับกูเดี๋ยวพยัคฆ์" ไอ้ซันเรียก มันเรียกชื่อเต็มเขาเวลามันมีเรื่องอยากด่าเขาทุกที
เด็กหนุ่มกระพริบตาก่อนสาวเท้าตามมันไปด้านนอกห้อง ไอ้ซันหันมาแล้วเอ่ยถาม "ทำไมตอนนั้นมึงไม่ให้กูพูด"
เขาคิดว่ามันน่าจะหมายถึงตอนอยู่บนรถ เขาตอบกลับ "กูแค่ไม่อยากให้เพื่อนคนอื่นตกใจกัน ขอโทษนะถ้าทำให้มึงไม่พอใจกัน"
ไอ้ซันชักสีหน้าใส่เขา เขารู้ว่ามันจะด่าเขาไม่ลงถ้าเขาเอ่ยขอโทษตัดหน้า มันถอนหายใจใส่เขาแล้วชกไหล่เขาเบา ๆ "กูกลัวจะเกิดเรื่องเหมือนคราวที่แล้ว แล้วเราแก้ปัญหากันเองไม่ได้"
"มึงไม่ได้ตัวคนเดียว ไอ้เจก็ไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีกู ไอ้ชา ไอ้เป๋าอยู่นะ มึงน่าจะเข้าใจว่าทำไมเราไม่บอกเรื่องพวกนี้กับพ่อแม่ เพราะเราไม่อยากให้พวกท่านเป็นห่วงไม่ใช่เหรอ ตราบใดที่พวกเราอยู่ด้วยกัน มันจะไม่เป็นไร" เขามองตามัน
ไอ้ซันทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรแต่เขาพูดแทรกก่อน "เชื่อใจกันหน่อย ถ้ามันถึงที่สุดแล้วเราไม่ไหว เรายังมีหลวงอาสมร"
เขาเอ่ยเพื่อให้มันสบายใจก็จริงอยู่ แต่เขาก็เชื่อในความรู้สึกของตนเองว่าถ้าเรื่องมันตึงมือจริง ๆ พวกเขายังสามารถไปขอความช่วยเหลือจากหลวงอาที่วัดได้ เพียงแต่เขาหวังว่ามันจะไม่มีอะไร แค่เป็นเรื่องราวแปลกประหลาดที่พัดมาและผ่านไป
เขากับไอ้ซันเปิดประตูกลับเข้าไปในห้อง ตอนนี้ไอ้เจก็ยังหลับสนิทอยู่ เห็นไอ้เป๋ากับไอ้ชาทำท่าเหมือนกำลังคุยอะไรกัน พวกเขาจึงไปร่วมวงด้วย จากนั้นไอ้เป๋าก็เริ่มวิเคราะห์ในสิ่งที่มันคิด
"กูคิดว่าเรื่องการจูนคลื่นติดของคนกับผีเป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือมากขึ้น คนที่เคยจูนติดแล้วหนึ่งครั้งอาจจะสามารถจูนคลื่นติดได้อีกหากพบเจอกับผีที่มีคลื่นความถี่คล้ายกัน ไอ้ชาบอกว่าเดี๋ยวมันจะลองไปค้นเว็บบอร์ดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อให้กูลองวิเคราะห์อีก" ไอ้เป๋าตาเป็นประกาย มันดูตื่นเต้นอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่มันกลัวขนาดนั้นแต่ก็ยังสนอกสนใจเรื่องแบบนี้ไม่จาง
"กูเคยอ่านมาว่าจริง ๆ ผีเนี่ยทำอะไรคนไม่ได้หรอกนอกจากก่อกวนไปวัน ๆ แต่ว่าหากเป็นผีที่มีจิตมุ่งร้ายมาก ๆ ก็อาจจะทำให้เกิดอะไรขึ้นมาก็ได้ คือเขาบอกว่าผีอาฆาตจะปล่อยแต่พลังงานลบ แล้วพลังงานลบก็เข้าไปปั่นป่วนพลังงานชีวิตของคนจนทำให้ป่วยหรืออุบัติเหตุได้" ไอ้เป๋านั่งลงที่ข้างเตียงแล้วเล่าต่อ "ส่วนตัวกูก็แอบเชื่อไปแล้ว ฮ่า ๆ คงเพราะเจอมากับตัวล่ะมั้ง ถึงเธอคนนั้นจะไม่ได้มาร้ายจนทำให้กูป่วยก็เถอะ"
มันว่าพลางขยับนิ้วไปลูบพลาสเตอร์ที่ปิดอยู่ข้างแก้ม "คนสัมผัสได้มีความเป็นไปได้ว่าจะสัมผัสได้อยู่อย่างนั้น ส่วนคนที่สัมผัสไม่ได้ ผีสางก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งล่องหน แตะต้องไม่ได้ รับรู้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะสัมผัสไม่ได้ชั่วนิรันดร์นี่นะ"
มันหัวเราะแผ่วพลางหันมาสบตากับเขา เขาจึงพยักหน้าให้มันคล้ายรับรู้แต่ไม่ได้ยอมรับในใจความนั้น ไม่รู้เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหนแต่พยัคฆ์คิดว่าเขาคงจะไม่มีวันมองเห็น ได้กลิ่น หรือได้ยินเสียงอะไร เพราะสิ่งล่องหนย่อมล่องหนไปตลอดกาล
"มันคงแล้วแต่ความเข้ากันได้ของคลื่นจริง ๆ" ไอ้ชาเปิดปาก "ครั้งแรกกูเห็นแต่ไม่ได้ยิน ครั้งนี้กูได้กลิ่นแต่ไม่เห็นหรือได้ยินอะไร... แปลกดี"
ไอ้ซันจึงพยักหน้าเห็นด้วย "กูก็ไม่เห็นเหมือนกัน แต่ก็เหมือนเดิมแหละ รู้สึกได้ว่ามีอะไร"
"มึงว่ามันเกี่ยวกับการที่เขาอยากให้เรารับรู้แบบไหนหรือเปล่าวะ" ไอ้เป๋าลองตั้งคำถาม และก็เป็นที่แน่นอนว่าพวกเขาที่เหลือก็ได้แต่ส่ายศีรษะแล้วบอกว่าไม่รู้ เรื่องที่ยากจะอธิบายด้วยตรรกะและเหตุผล เขาก็จนปัญญาที่จะหาคำตอบ
พวกเขาตกอยู่ในความเงียบกันสักพักก่อนจะได้ยินเสียงไอ้เจละเมอเสียงดัง "อย่า! อย่าทำ!"
เขาและเพื่อน ๆ ถึงได้รีบเข้าไปมุงไอ้เจแล้วปลุกให้มันตื่น เหมือนไอ้เป๋าจะกังวลว่าถ้าไม่ปลุกจากฝัน มันอาจจะติดอยู่ในฝันตลอดไปก็ได้ มันถึงได้เขย่าตัวไอ้เจเสียจนหัวสั่นหัวคลอน ไอ้เจลืมตาขึ้นมาในที่สุด มันหอบแฮกเหมือนคนเหนื่อยมาก
ก่อนที่ใครจะพูดอะไรเด็กหนุ่มก็ยื่นแก้วน้ำให้เพื่อนทันที ไอ้เจมองตามมือเขาแล้วผงกหัวให้เหมือนขอบใจ มันรับแก้วไปถือไว้แล้วยกดื่มเสียจนหมด พวกเขาจึงได้แต่มองและรอให้มันดื่มน้ำให้เรียบร้อย
"มึงรู้ตัวไหมว่าตัวเองล้มลงไปตอนคุยกับพวกกู" ไอ้เป๋ายิงคำถามทันที่ที่ไอ้เจดึงแก้วน้ำออกจากปาก "รู้ไหมว่าพวกกูเป็นห่วงกันมาก มันเกิดอะไรขึ้นวะไอ้เจ"
ไอ้เจสบตาพวกเขา มันยิ้มเหมือนคนอ่อนใจก่อนจะตอบคำถาม "รู้สิ รู้ด้วยว่าเขามายืมปากกูพูด รู้ว่าพวกมึงเป็นห่วง ขอโทษนะเว้ยถ้าทำให้พวกมึงตกใจ แต่กูไม่เป็นไร แค่เหนื่อยนิดหน่อย"
"กูฝัน... ฝันถึงคน ๆ หนึ่ง แต่กูไม่เห็นหน้าหรอกนะ เขาถูกล่อลวง และพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่สุดท้ายเขาก็ตาย.... กูพยายามแล้วนะเว้ย" ไอ้เจเอามือปิดหน้า มันดูเหนื่อยและอ่อนแรงจนพวกเขาต้องพากันรุมกอดให้กำลังใจ
"กูพยายามห้ามไอ้เชี่ยนั่นไม่ให้ทำเขาแล้ว แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ เสียงของกูไม่มีความหมายอะไรในฝันเชี่ยนี่เลย กูนี่อย่างกับเป็นมนุษย์ล่องหน กูเห็นเขาถูกเผาคาตา แต่เสียงกูส่งไปไม่ถึง ในวินาทีก่อนที่กูจะตื่นกูยังได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลืออยู่เลย" ไอ้เจน้ำตาไหลริน แม้จะเป็นเพียงฝัน แต่มันก็คงสมจริงมากสำหรับมัน สมจริงจนมันหลั่งน้ำตาให้กับคนที่ไม่รู้จัก
"ไม่เป็นไรไอ้เจ มันเป็นแค่ฝันร้าย" ไอ้ซันปลอบ มันลูบหลังเพื่อนเบา ๆ คล้ายอยากให้ความขุ่นข้องใจนั้นจางหายไป
"ไม่ใช่หรอก" ไอ้เจแย้ง "มึงก็รู้สึกไม่ใช่เหรอไอ้ซัน มันต้องเป็นเขาแน่ ๆ เพราะกูเห็นเขา เขาถึงมาหากู"
ไอ้ซันได้แต่นิ่งเงียบ มันไม่ได้เจนจัดในเรื่องผีสางขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ถึงสิ่งที่ไอ้เจพูดถึง พวกเขามองหน้ากัน
"เราจะไปบ้านหลังนั้นกันเหรอ" แล้วไอ้เป๋าก็ถามออกมา สีหน้ามันเหมือนคนที่ถูกบังคับให้กลืนอาหารบูดค้างคืนไม่มีผิด
TBC.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in