เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อิฉัน ไดอารี่fainattasanan
รักนี้ หนียูนิคอร์น
  • ร้านกาแฟที่อิฉันขับผ่านทุกวันใกล้ตลาดโต้รุ่งของชาวศรีลำดวนที่เพิ่งมาเปิดใหม่ ทำอิฉันสะดุดตั้งแต่แรกเห็นการตกแต่งด้วยต้นกระบองเพชรสีเขียวสดทั้งกระถางน้อยใหญ่เรียงกันเป็นระเบียบหน้าร้าน "สัมมะปุ้ย"  สไตล์มินิมอลผนังขาวล้วนตัดกับสีน้ำตาลแก่ของโต๊ะและเก้าอี้สูงที่ชิดกับกระจกใส 

    อิฉันมักจะใช้เวลาในร้านนี้หลังทุกวัน Big Cleaning Day เพื่อจิบชาอัญชันให้หายเหนื่อย ทันทีเปิดประตูกระจกใสกรอบไม้หน้าสีน้ำตาลอ่อนขัดเงาวับ พร้อมเสียงกระดิ่งวัวที่ห้อยอยู่ตรงด้ามจับประตูดังขึ้น "กริ๊ง" ชายผิวสีแทน ใบหน้ารูปไข่ คิ้วดก หนวดบนปากริมฝีปากหนา พลางละสายตาจากจอแท๊ปเลตพร้อมฉีกยิ้มกว้างและพนมมือไหว้ราวกับเด็กน้อยเห็นผู้ใหญ่แล้วต้องเคารพเป็นธรรมเนียม

    " สวัสดีค่ะ" วันนี้รับอะไรดีคะ? " ปังปอน เจ้าของเสียงใสวัย 19 อดีตนักเรียนแลกเปลี่ยนจากสหรัฐอเมริกา ที่ดูแวบแรกก็นึกว่าโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว รูปร่างเล็กเหมือนไอยู เจ้าของเพลง Palette ผิวสีน้ำผึ้งอ่อน มาพร้อมกับความมั่นใจด้วยทรงผมซอยแบบเปรี้ยวๆ ซึ่งบอกเลยว่า ถ้าเบ้าหน้าไม่ได้ อย่าหาตัดเด้อทรงนี้  

    "ชาเขียวมัจฉะค่ะ" เอ้อ เมนูเก่าที่ดูเข้าไปแล้วหายอ๋องไปข้าง ร้านนี้ไม่ได้อร่อยนักหนาในแบบที่ถูกจริตอิฉันตั้งแต่แรกที่มีรสชาติเครื่องดื่มแตกซ่านในปากหรอกนะ ที่ฉันมาเพียงเพราะเครื่องดื่มรสจางและหวานน้อยเข้ากับวิถีสาวไดเอตอย่างฉัน อีกทั้งช่วงนี้อิฉันมีอาการเสพติดหนักขั้นรุนแรงจากการดูดชาไทยจากร้าน The White Cupper ที่ถอนตัวไม่ขึ้นจนขั้นลงแดงและซึมเศร้าเมื่อไม่ได้กิน 

    เพราะฉะนั้นฉันเปรียบร้านเหมือนนี้โรงพยาบาลที่รักษาโรคเสพชาไทยที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสีเขียวที่ประดับประดาต้นไม้ชนิดโปรดของอิฉัน "กระบองเพชร" ภาษาอังกฤษเรียกมันว่า Cactus ฉันหลงใหลต้นแคคตัสตั้งแต่แรกเห็นจนซื้อมาปลูกที่บ้าน  

    วันถัดมาขอไปหาหมอปังปอนอีกรอบ เพราะอาการซึมเศร้าฉันมาอีกแล้ว รอบนีี้ขอยาเป็นเมนู Heathy หน่อยนะคะหมอ แต่โชคไม่เข้าข้าง แม่ของหมอรับบทเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาทำหน้าที่จ่ายยาให้อิฉันแทน สายสุขภาพอย่างอิฉันได้แต่ร้องขอสมุนไพรอย่าง "น้ำใบเตย" แต่หมอป้าแป๋ว แม่ของน้องปังปอนบอก "ทางร้านเราเลิกทำ Herb Drinking แล้วค่ะลูกหลาว"

    จ้าแม่ ใดใดก็คือลำไยเด้อ (กลอกตารัวๆ) 

     "ชานมไข่มุกไปเลยค่ะ จังหวะนี้" อัดไปเลยหนึ่งแก้ว ไม่เฮลตง เฮลตี้แม่งละ ระหว่างคุณหมอป้าแป๋วกำลังจัดแจงวัตถุดิบอยู่นั้น อิฉันต้องหาเรื่องคุยซะละ เพราะสงสัยอยู่พอดี

    " คุณป้ารู้ไหมคะ ว่าใบเตยสดซื้อที่ไหน พอดีหนูจะเอาไปทำข้าวเหนียวมูล " 
    " อู้ย ป้าก็ไม่รู้ลูก แต่บ้านสะใภ้ป้าเขาปลูกนะ ก็เลยไม่ได้ซื้อ "
    " หรอคะคุณป้า ย่าของหนูน่ะบอกให้ไปเอาบ้านเพื่อนนาง แล้วคือหนูก็เคยไปเอาครั้งหนึ่งจะไปเอาอีกก็เกรงใจน่ะค่ะ"

    "อ๋อ หรอครับ " เสียงหนุ่มผิวแทน คมเข้มบาดใจคนนั้นที่เคยยกมือไหว้อิฉันครั้งก่อนแทรกขึ้นมา
    " โอ้ย หายากมากลูก ใบเตยสมัยนี้หาซื้อในตลาดก็ไม่ได้เนอะ 555 " ป้าแป๋วหัวเราะอย่างเป็นมิตร

    พอครั้นออกจากร้าน หนุ่มคมเข้มสเปคอิฉันคนนั้นฉีกยิ้มกว้างเหมือนปลาวาฬผ่านกระจกร้านมาให้อิฉันที่กำลังคว้าหมวกกันน๊อคที่คว่ำบนหัวกระจกรถมอไซต์ขึ้นมาสวมใส่ เขาโบกมือลาอิฉันด้วยใบหน้ารอยยิ้มปลาวาฬแบบนั้น อิฉันแทบทำตัวไม่ถูกเลยขับรถหนีกลับบ้านดีกว่า
  • วันนี้อิฉันมาหาหมอปังปอนอีกครั้ง ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัดหลังจากหมอปังปอนเข้าไปกินข้าวหลังร้านเหลือเพียงเราสองคน อิฉันและพี่เจ้าของยิ้มปลาวาฬคนนั้น 
    " น้องครับ นั่งใต้หลอดไฟร้อนไหมครับ " 
    " ไม่ค่ะ " พร้อมหันไปยิ้มอ่อนๆเพื่อมองดูรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของพ่อหนุ่มต้นเสียงคนนั้นให้ชื่นใจ

    พอถึงคราออกจากร้าน พ่อหนุ่มปลาวาฬคนนั้นก็ยังไม่ลืมโบกไม้โบกมือร่ำลาอิฉันอีกครั้ง อิฉันไม่รอช้าโบกกลับเป็นการรับไมตรีด้วยเช่นกัน (เขินโว้ยยยยยยยยยยย) อิฉันเขินตัวบิดเป็นเกรียวจนทำให้มอไซต์ที่ขับอยู่ก็เอนเอียงด้วยเช่นกัน

    วันถัดมาอิฉันก็ไปร้านนั้นอีก ทันทีที่เข้าร้านป้าแป๋วผู้เคยรับบทเป็นหมอตอนนี้กลายร่างเป็นตำรวจสืบสวนคดียัยแรดตัวร้ายกับนายยิ้มปลาวาฬไปแล้ว ป้าแกซักไซ้ตั้งแต่ชื่อเล่นยันชื่อมหาลัย และแนะนำผู้ช่วยตำรวจอีกสองนาย ปังปอน เรียนมอเอกชน ปี1 ส่วน "พี่โอป" เจ้าของยิ้มปลาวาฬคนนั้น เรียนครุศาสตร์ เอกฟิสิกส์ ม.เชียงใหม่ ปี 3 

    ชานมเบอร์รี่ที่กลั้วในปากแทบพุ่ง หลังได้ยินว่าเรียน ม.เชียงใหม่ อยู่ไกลเบอร์นั้นจีบไปก็เหมือนกอดเมฆเมอร์คิวลัสแล้วแสร้งว่ามันนุ่มปุกปุยแค่ไหน กว่าจะได้เจอกันอิฉันคงรากงอกพอดี ระหว่างที่อิฉันกำลังเคลืื่ื่อนตัวออกจากเก้าอี้ เหลือเพียงเราสองอีกแล้วที่อยู่ด้วยกันลำพังในร้าน 

    " น้องจะกลับแล้วหรอครับ " ละสายตาจากจอแท๊ปเลตทันควัน
    " ค่ะ " พยักหน้ารับ
    " โถ่ ทำไมวันนี้กลับไวจังเลย ยังไงก็ขอบคุณนะ โอกาสหน้าเชิญใหม่ " ฝืนยิ้มด้วยใบหน้าเสียดาย
    " แล้วหนูจะมาใหม่อีกนะคะ " ทันใดรอยยิ้มปลาวาฬก็ฉีกกว้างไปถึงหูอีกครั้ง โชว์ฟันขาวจนอิฉันเองก็เสียดายไม่ต่างกันที่จำเป็นต้องมองหน้าให้พอใจชื้นได้เท่านี้


     
  • "ว่าแต่ผู้สาวบ้านคุณอยู่ที่ใด
    ถ้าว่างผมจะรีบไป
    ต่อให้เมาแค่ไหนก็ไปหา
    ว่าแต่ผู้สาวบ้านคุณอยู่ที่ใด
    ขอกระซิบว่ารักใกล้ๆ
    บ้านอยู่ไหนลองบอกอ้ายมา"

    เพลงนี้พี่โอปเปิดลั่นผ่านแท๊ปเลตส่งเพลงหวานผ่านลำโพงของร้านถึง 5 รอบด้วยกัน ยิ่งถ้าฟังดีๆเพลงนี้เต็มไปด้วยภาษาเหนือยิ่งทำให้หัวใจอิฉันสั่นไหวอย่างหนักหน่วง อิฉันตัดสินใจหาเรื่องคุย 

    "พี่ขา น้องหมาที่ชื่อ เตี้ย มช. เขาตายเพราะว่าไรอ่ะคะ" นั่นแหละตั้งแต่นั้นมาพี่แกก็ไม่หยุดพูดเลย จนเข้าเรื่องเรียนที่มหาลัยเป็นยังไง และหนังสือจิตวิทยาที่อิฉันเสพติดหนักหนามันสนุกตรงไหน วันนี้คุยกันเป็นต่อยหอยเลย ไม่ยักรู้ว่าหน้าดุๆ กับรอยยิ้มปลาวาฬที่ทำให้หัวใจอิฉันพองโต มันส่งกระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นให้สารเอนโดฟินหลั่งไหลไปทั่วสมองอย่างพรั่งพรู 

    แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้สาวมั่น Strong อย่างอิฉันเข่าอ่อนเหมือนสาวทั่วไปที่หวั่นไหวการสบตาชายที่หมายปองจนหน้าแดงแล้วหลบสายตา บิดเนื้อตัว กระดี้กระด๊าหรอกนะ อิฉันน่ะเคารพตัวเองมากเกินกว่าจะตกเป็นทาสความรู้สึกของใครง่ายๆ (ข้อความข้างต้น ปลอมมากค่ะ อิดอก)

    ที่นี่อีกครั้ง กับเมนูยาชนิดใหม่ ยูนิคอร์น ชาเบอร์รี่สีแดงเปรี้ยวปรี๊ดผสมเป็นทูโทนตัดกับอัญชันสีน้ำเงินเข้ม เมื่อคนผสมกันกลายเป็นสีม่วงพาสเทล เพราะมีนมสดมาเจือ เมนูมันเริสมากเพราะว่า พ่อหนุ่มปลาวาฬคนนั้นชงให้ ฮ้า...อร่อยจัง

    ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงันเช่นเคย ไร้บทสนทนาระหว่างหนุ่มสาว อิฉันจำต้องเก็บหนังสือของพี่ฌอน บูรณะหิรัญเข้ากระเป๋าแล้วกลับบ้านเพื่อไปวิ่ง 

    "น้อง นี่ขยันจังเลยนะครับ อ่านหนังสือบ่อยจัง เห็นอ่านตลอดเลย"

    " ค่ะ จริงๆก็อ่านทุกวัน อ่านอังกฤษบ้าง จิตวิทยาบ้าง "

     ขนาดนั่งอ่านเงียบๆตั้งนานเขายังสนใจอิฉันอีก วร๊าย นังผี พี่ฌอนเห็นม้อย หนังสือพี่ทำให้หนูผู้เข้าได้ดั่งใจจริงๆ พอตอบไปเท่านั้นก็เม้ามอยอีกแล้วจ้า วันไหนเจอหน้าก็เม้าท์เบอร์สิบไปเลย เคมีเราทั้งสองเข้ากับได้ดีราวกับน้ำเบอร์รี่กับชาอัญชันในแก้วนี้จริงๆ ยูนิคอร์นแก้วนี้พาเราทั้งสองหัวเราะและยิ้มตอบรับกันตลอดเวลา แม้จะนั่งห่างกันเป็นวา แต่เหมือนเสียงเต้นหัวใจเราก็เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

    และแล้ววันถัดมาอิฉันเห็นว่ามี "น้องพิม" เพื่อนของน้องปังปอนน่าตาน่ารักแบบสาวญี่ปุ่นมาเพิ่มคนนึง ใจอิฉันสั่นระรัวเกรงว่าสาวคนนี้จะเป็นแฟนพี่โอป อิฉันจิบเครื่องดื่มและอ่านหนังสืิอไปด้วยคอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ก็เห็นว่าพี่โอปก็คุยน่ารักกับน้องพิมดี พอออกจากร้าน  
    ภายในร้าน น้องพิมที่ยืนอยู่ตรงเคาท์เตอร์ชงเครื่องดื่ม ยื่นมองอิฉันผ่านกระจกอยู่ในร้าน

    ส่วนอิฉันมองด้วยสายตาเศร้าอยู่นอกร้านพลางคว้าหมวกกันน๊อคมาสวมเช่นเคย และสังเกตพี่โอปที่นั่งข้างน้องปังปอน กำลังพูดคุยกับน้องพิมอย่างสนิทสนม พี่โอปพลางชี้นิ้วมาที่ฉันกำลังสตาร์ทมอไซต์ พร้อมโบกมือเช่นเคย พออิฉันโบกกลับ พี่โอปรีบคว้าหมอนบนตักตัวเองเอามาปิดหน้าเขินม้วนตัวทันที
    ส่วนน้องพิมและปังปอนก็หัวเราะปฏิกิริยาของพี่โอปทันควัน ว้า...ค่อยโล่งใจหน่อยพ่อหนุ่มปลาวาฬ

    แม้เราจะเจอกับบ่อยครั้ง และคุยกันทุกครั้ง แต่พี่โอปไม่เคยขอ Contract จากอิฉันเลย นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าพี่เขามีเจ้าของอยู่แล้วทำให้อิฉันกังวลใจหนักต้องโทรไปปรึกษาหมุย ชะนีที่สนิทที่สุดในชีวิต หมุยแนะนำให้ขอ Facebook พี่เขาซะ อิฉันเลยบอกหมุยว่า อิฉันไปคุ้ย Facebook พี่เขาเจอจากเพจร้านตั้งแต่วันแรกที่พี่เขาโบกมือให้แล้ว 

    อิหมุยถึงกับขนลุกซู่ และหวาดกลัวรัศมีความช่ำชองชะนีแรดอย่างอิฉันที่ควักสกิลโคนันได้ทุกสถานการณ์ อิฉันบอกเลยว่า ถ้าอิฉันชอบใคร ประวัติ ,Facebook หรือ Contract ทั้งหลายก็ไม่มีวันเล็ดลอดสายตาอิฉันไปได้ เพราะถึงไม่รู้จักชื่อ  อิฉันก็คุ้ยเจออยู่ดี เพราะความพยายามจากต่อมเสือกของอิฉันมีพลังงานเหลือล้นดั่งปรมาณู 

    วันพฤหัสของสัปดาห์นี้อิฉันก็มาอีกครั้งแต่เขาไม่คุยด้วยสักแอะอาจเป็นเพราะว่า น้องปังปอนนั่งอยู่ด้วยทางเลยไม่สะดวก และพี่เขาก็เพิ่งรู้วันเปิดเทอมของอิฉันไป 22 มิถุนา ที่ใกล้จะคืบคลานมาทลายความสัมพันธ์ครั้งนี้เสียแล้ว

    วันศุกร์ อิฉันกลับไปสลัดความรู้สึกจนหมดสิ้น และไม่เหลือใยดีอะไร กลับมาบอกตัวเองว่าให้ตั้งสติและรักเขาไม่ได้เด็ดขาด เรื่องของเราไม่มีวันก้าวกระโดดไปจนถึงขั้นบันไดคำว่า "แฟน" หรอก อิฉันต้องหักห้ามใจแบบหักดิบ เพราะความสุดโต่งที่มีอยู่ในตัวอิฉันทำให้หลุดจากความโหยหารอยยิ้มปลาวาฬได้ชั่วข้ามคืน พร้อมทั้งให้เพลงของศิลปินสุดโปรด Taylor Swift สวมบทเป็นเพื่อนซี้ปลอบใจในค่ำคืนสุดระทม

    วันเสาร์ หลัง Big Cleaning Day เสร็จสิ้น ก็ไปที่ร้านกาแฟ "สัมมะปุ้ย" อีกครั้ง แต่ไปครั้งนี้ต้องขับผ่านหน้าร้านรอบหนึ่งก่อนว่าพี่โอปอยู่ร้านไหม ถ้าไม่อยู่อิฉันจะเข้าไปกินยูนิคอร์น และโชคช่วย น้าแก้ว น้าของน้องปังปอนอยู่ร้านแทน 

    อิฉันกลับสั่งโกโก้แทน เพื่อจะได้ไม่ต้องนึกถึงใครบางคนให้ช้ำไปมากกว่านี้ สุดท้ายแล้วเหลือบเห็นบัตรสะสมแตมป์ร้านในกระเป๋าตังค์มันครบสิบแก้วแล้ว พร้อมแลกฟรีหนึ่งแก้ว ก็ได้แลกยูนิคอร์นไปเลยจะได้กินเป็นครั้งสุดท้ายและสาบานว่าจะไม่หวนกลับมาที่นี่อีก 

    ระหว่างที่ดูดยูนิคอร์นได้ครึ่งแก้ว ตัดสินใจจะออกจากร้านทันใดนั้นฟ้าก็ร้อง เมฆครึ้มก้อนใหญ่หนักอึ้งพอที่กลั่นตัวเป็นหยดน้ำกลายเป็นเม็ดฝนโปรยปรายไปทั่วเมือง ทำให้อิฉันไม่กล้าจะเปิดประตูออกไปนอกร้านเลย อิฉันชักลำไย เพราะฟ้าครึ้มอย่างนี้มาตั้งแต่เช้า แต่ดันมาตกเอาตอนอิฉันจะกลับบ้าน

    ผ่านไป 10 นาที ก็มีรถเก๋งสีขาว Eco Car จอดหน้าร้านถัดจากมอไซต์ของอิฉัน ให้ตายสินั่นพี่โอป ป้าแป๋ว น้องปังปอน และน้องชายของพี่โอปกำลังลงมาจากรถคันนั้น

    " สวัสดีครับ " พี่โอปเข้ามาในร้านพร้อมทักทาย
    "สวัสดีค่ะ " อิฉันขานรับและเงยหน้าขึ้นมาพบว่า เขาสวัสดีน้าแก้วนี่หว่า เสีย Look เลยเรา ดีนะไม่พูดดัง
    ระหว่างที่ทุกคนเข้ามาในร้านก็เสียงดังเจี้ยวจ้าว พูดคุยกับน้าแก้วอย่างสนิทสนม ป้าแป๋วก็พูดขึ้นว่า

    "หนูจ๊ะ เมื่อวานนี้ได้มาร้านแม่หรือเปล่า? " ป้าแป๋วถามด้วยใบหน้าเป็นมิตร
    "มาค่ะ" อิฉันยิ้มกลับอย่างเป็นมิตรเช่นกัน
    "เนี้ย แม่หนูคนนี้เขามาบ่อย" บอกน้าแก้วด้วยน้ำเสียงเหล่าแม่ๆตั้งโต๊ะเม้าท์มอยกัน

    ระหว่างที่อิฉันกำลังเขี่ย Instragram เล่นก็ได้ยินเสียงดังโครมทางซ้ายมือ ปรากฏว่าพี่โอปทำอูคูเลเล่ที่ตั้งโต๊ะโชว์หน้าร้านคว่ำบนโต๊ะ 

    "อ่าวๆ เห็นสาวแล้วมือไม้อ่อนเชียวนะโอป" ป้าแป๋วแซวเล่น
    ส่วนพี่โอปได้แต่ยิ้มแหะๆ เกาหัวด้วยความเขินอายแล้วเดินเข้าหลังร้านไป
    ผ่านไป 20 นาทีเศษฝนยังไม่หยุดตก บทสนทนาระหว่างน้องชายพี่โอปและพี่ชายของเขาก็เริ่มต้นขึ้นหลังเคาท์เตอร์ชงเครื่องดื่ม

    " นี่ พี่โอปไม่อยากไปร้านเหล้าหรอวันนี้ " น้องชายขี้สงสัย
    " ก็อยากไปอยู่นะ ถ้าไม่ติดว่าลูกค้าสวย " อิเวง หมายถึงใครฮ้า ถ้าหมายถึงลูกค้าในร้านกาแฟร้านนี้ล่ะก็ มันคงเป็นอิฉันแน่ๆแช่แป้ง เพราะในร้านนี้มีอินี่ที่นั่งดูดยูนิคอร์นอยู่แค่คนเดียว

     อิฉันยังไถมือถือนิ่งเฉย แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น จนกระทั่งสองพี่น้องมานั่งโต๊ะข้างหน้าอิฉันที่สามารถเงยหน้าแล้วเห็นได้เต็มสองลูกกะตา สองพีี่น้องคุยแหย่เล่นกันจนทำให้อิฉันสะดุดอีกประโยค

    " เห้ยนี่มันไพ่ Uno นี่หว่าพี่โอป พู่กันอย่างเซียนนะจะบอกให้ " น้องชายอวดอย่างภูมิใจ
    " โห ถ้าเจ๋งจริงก็ชวนพี่คนนั้นเล่นสิ " พี่โอปตอกกลับ (เดี๋ยวๆลูก พี่คนนั้นคือไผวะ? ข่อยเบาะ)
    " พี่โอปก็ชวนเองดิ " 
    " ไม่ พี่ไม่กล้า พู่กันนั่นแหละ ท้าดวนพี่เขาเลย " ฉันเริ่มแน่ใจขึ้นมาแล้วว่าหมายถึงใคร ก็อิเจ้ที่นั่งดูดยูนิคอร์นอยู่นี่ไงเฟ้ย โอ๊ย ปริปากชวนดีๆก็ได้ลูก เจ้ก็อยากเล่นจนตัวสั่นแล้วเนี้ย

    ทันทีที่อิฉันเหลือบเห็นพี่โอปเดินจากเคาท์เตอร์แล้วย้ายตูดไปแหมะข้างๆน้องพู่กัน อิฉันจึงแสร้งพูดขึ้นว่า "พี่คะ ขอดูไพ่ Uno หน่อยค่ะ " โฮะ โฮะ ไพ่บ้านฉันก็มีย่ะ 1 ตลับ ฉันแค่ทอดสะพานให้เท่านั้นเอง และแล้วพ่อหนุ่มปลาวาฬก็ตกหลุมพรางเข้าให้ 

    "พู่กัน มาเล่น Uno กัน กับพี่เขามา มาๆๆ " พี่โอปยกเก้าอี้มานั่งแจมกันอิฉัน อิฉันทำการจัดโต๊ะให้เหลือพื้นที่ว่างสำหรับสนามวางไพ่แมทนี้ และเหลือบดูสีหน้าพู่กันดูเหวอๆ แล้วพูดว่า "ไปเร็วจังวะ เออๆเล่นด้วยก็ได้"

    ระหว่างที่เราเล่นกันอย่างสนุกสนานทั้งตอนสับไพ่ จัดไพ่ที่วางทับกันสูงเป็นหอคอยที่กำลังโย้เย้ทำท่าจะล้ม ปลายนิ้วอิฉันและพ่อหนุ่มปลาวาฬก็แอบสัมผัสกันอย่างนุ่มนวลด้วยความบังเอิญ ท่ามกลางบรรยากาศเสียงหัวเราะของอิฉันผสมกับเสียงพี่โอปที่อบอวลไปด้วยรัศมีตาเขม็งของน้องพู่กัน ที่ดูหน้านิ่งเหมือน The Toys เจ้าของเพลงหน้าหนาวที่แล้ว และทำให้อิฉันรู้สึกขนหัวลุกว่างานเข้าเสียแล้ว น้องคงรู้แน่ว่าเรากำลังจีบกันอยู่ และเอาน้องมาเป็นข้ออ้างว่าเล่นไพ่ Uno หลายๆคนจะได้สนุก พี่ขอโทษลูก

    แมทแรกน้องพู่กัน Uno แล้วปล่อยให้เราทั้งสองนั่งเล่นด้วยกันตามลำพัง สุดท้ายพี่โอปชนะอิฉัน และแล้วแมทที่สองก็เริ่มขึ้น แมทนี้อิฉัน Uno เป็นคนแรก ตามด้วยน้องพู่กันและพี่โอป 

    "หนูกลับบ้านก่อนนะคะ" อิฉันบอกพี่โอป
    "ครับ ขอบคุณนะครับ" พี่โอปยิ้มปลาวาฬอีกแล้ว
    "หนูหยุดอ่านหนังสือไป 2 แล้วมันดีขึ้นนะคะ"
    "อ๋อ พี่ว่าเราเป็นโรค Perfectionist นะ พี่พูดถูกไหม"
    "ถูกค่ะ บางทีการไม่สมบูรณ์แบบบ้าง ชีวิตก็สนุกดีนะ" อิฉันสบตาหวานซึ้งใส่
    "เราหยุดอ่านตามที่พี่เคยบอกหรือเปล่า" ตาหวานกลับไม่แพ้กัน
    "ใช่กัน หนูทำตามที่พี่เคยบอก" อิฉันยิ้มตอบกลับด้วยความภูมิใจ ราวกับลูกศิษย์ที่เชื่อฟังคุณครู
    "บางทีการอ่านหนังสือมากไปอาจทำให้น้องเครียด แต่ว่าแบ่งความอ่านหนังสือมาให้พี่บ้างก็ได้นะ" สายตาแบบนี้เหมือนอ้อนกันเบาๆ

    พออิฉันออกจากร้าน เสียบกุญแจรถ พี่โอปที่กำลังจัดเก้าอี้ที่สะเปะสะปะให้เข้าที่ใต้โต๊ะแอบส่งยิ้มปลาวาฬทะลุกระจกร้านมาให้ ทันใดนั้นเราทั้งก็โบกมือบ๊ายบายพร้อมกัน อิฉันแทบตกใจว่าทำไมถึงยกมือพร้อมกันเลย นี่ปาฏิหารย์คงเล่นกลกันอิฉันเป็นแน่ ส่วนที่เคยพูดว่าจะดูดยูนิคอร์นแล้วจะหายหัวไปเลยตลอดชีพ  คืออยากตบปากตัวเองแรงๆจริงเชียว ไม่รู้ว่ามันจะจบยังไง ไม่รู้ว่าเขาคิดถึงฉันในวันที่อิฉันกลับมอไหม ต้องรอดูต่อไป พ่อหนุ่มปลาวาฬ...











  • วันนี้อิฉันแอบขับรถผ่านหน้าร้านเพื่อส่องว่าพ่อหนุ่มปลาวาฬอยู่ไหม ปรากฏเขานั่งอยู่ในร้านกับซายเพืื่อนสนิทของปังปอน

    ทันทีที่อิฉันเดินเข้าร้าน พี่โอปน้ำเสียงเปลี่ยนจากเคยเสียงหนึ่ง ตอนนี้กลายเป็นเสียงสอง
    "นี่ไงเสร็จแล้วครับ พี่ชงให้" สายตาบ้องแบ๊ว ราวกับเด็ก 3 ขวบกำลังอ้อนสาวนมโต
    เราสามคนต่างเสวนากันเจี้ยวจ้าวเรื่องอกหัก ลดความอ้วน จนปังปอนโทรเข้ามาในเครื่องของซาย และแล้วปังปอนก็ดึงซายออกมาจากร้านเพื่อไปลั้ลลาที่โรงหนังต่อ

    เหลือเราสองคนตามลำพัง บทสนทนาของเราตั้งแต่เรื่องพี่โอปโดนแม่บังคับเรียน จนจบเรื่องจุกๆก็คือ "พี่มีแฟนแล้ว" อิฉันเจ็บปวดและเสียใจมากจนพูดอะไรไม่ออก 

    "มีคนมาจีบน้องเยอะไหม เดี๋ยวเราก็มีแฟนตอนปี 3 ช่วงนี้พี่ไม่ได้คุยกับแฟนเลย " นี่เป็นประโยคที่ลั่นออกจากปากผู้ชายที่ขโมยหัวใจฉันไปทั้งดวง ช่างเจ็บปวดเหลือเกินเกินกว่าจะปริปากเอ่ยตอบใดๆ 

    และวันนี้ 2 มิถุนายน 2563 เวลา 16.00 อิฉันนัดกับซายไว้ว่าจะมาเจอกันที่ร้านสัมมะปุ้ย แต่ทรายกลับไม่มา ระหว่างเก็บมือถือเข้ากระเป๋าเตรียมคว้ากุญแจรถกลับ พี่โอปและป้าแป๋วก็เข้ามาที่ร้าน

    "คนสวยติดฝนหรอ?" ป้าแป๋วถามน้ำเสียงสดใส
    "หนูมารอทรายค่ะ"
    "น้องรอตั้งแต่ 4 โมงเย็นแล้ว" พี่พร พนักงานสุดน่ารักเสริม
    "ตอนนี้ทรายอยู่บ้านปอนไหมคะคุณป้าแป๋ว"
    "ห้ะ ไม่นะ (ท่าทางงงๆนิดนึง) อ้อ แสดงว่าอยู่หมู่บ้านจิตภาวรรณใกล้ๆนี้ (พร้อมชี้นิ้ว)"
    "แต่ซายบอก เขาอยู่บ้านปอน"
    "โดนซายเทแล้ว ถ้าอย่างงี้น่ะ" พี่โอปพูดแทรก พลางตักไข่มุกไปด้วย

    ฉันได้ยินแต่ไม่อยากมองหน้าพี่โอป 
    "งั้นหนูจะบอกเขาว่ากลับแล้ว " 
    "เออๆ ลูก พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่" ป้าแป๋วปลอบใจ
    "หนูไม่มาที่นี่อีกแล้วค่ะ" อิฉันกลั้นใจพูด
    "อ้าวทำไมละลูก"
    พี่โอปถึงกับชงัก หยุดตักไข่มุก
    "หนูติดบราวชูก้ามากไป อีกอย่างก็ใกล้กลับมอแล้วเลยต้องหย่าให้ขาด" ข้ออ้า่งฉันตอแหลมาก จริงๆแล้วฉันแค่ไม่อยากเจอหน้าคนที่หักอกฉันเท่านั้น ทันที่ที่เจ้าตัวได้ยินประโยคดังกล่าวก็เดินหนีหน้าเข้าไปในหลังร้าน

    "อ้อ หนูกลัวอ้วนนี่เอง โชคดีนะลูก"
    "เจอกันปีหน้าค่ะ" ฉันทิ้งท้าย แต่จริงๆไม่มาเหยียบที่นี่อีกแล้ว

    "เค้าเก้อนานแล้วนะ รอไม่ไหวแล้ว ซายจะมาตอนร้านปิดใช่ไหม" นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ฉันส่งไปในช่องแชทอินสตาแกรม ความจริงใจ ความคาดหวัง พังทลายภายใน 1 นาที เพราะอิฉันปิดบัญชีไอจีถาวรไม่มีอะไรต้องเชื่อมต่อกัน ไม่มีอะไรต้องสานสัมพันธ์โง่ๆแบบนี้ ฉันเกลียดการไม่ใส่ใจความรู้สึกเล็กๆน้อยๆแบบนี้ที่สุด

    และนี่การเป็นเรื่องราวที่เปิดฉันจำฝังใจ และปวดหัวจนขึ้นสมอง มันอาจผิดที่ฉันเองที่คาดหวังกับความสัมพันธ์มากเกินไป ขอขอบคุณทุกตัวละครที่เคยรักฉันและมอบความเจ็บปวดให้ฉันในช่วงปิดเทอมนี้ ฉันยินดีที่จะเจ็บปวด เพราะมันคือยาบำรุงราคาแพงที่หาซื้อตาม Shoppee ไม่ได้  

    ขอบคุณปังปอนที่ทำให้หัวใจฉันอบอุ่นทุกครั้งที่มาร้านนี้
    ขอบคุณพี่โอปที่สอนให้ฉันหยุดกดดันตัวเองเสียที ขอบคุณที่ส่งยิ้มปลาวาฬนั่นพร้อมโบกมือบ๊ายบายหลังออกจากร้านเสมอ ขอบคุณที่ทำให้หัวใจฉันพองโต และชุ่มชื้นตลอดเวลาที่เราเจอหน้ากัน พี่เป็นผู้ชายที่วิเศษมากจริงๆ เป็นผู้รับฟังที่ดีมาก หนูเสียใจที่เราจะไม่มีวันได้เจอกันแล้ว หนูเสียใจที่คาดหวังกับพี่มากเกินไป โคตรขอบคุณทุกอย่างที่ส่งมา 

    และขอบคุณซายที่ทำให้เห็นตัวเองในเวอร์ชั่นก่อนอีกครั้งและทำให้อิฉันมีแรงบันดาลใจที่จะช่วยเหลือคนที่ผิดหวังกับความรัก โดนบูลลี่จากเพื่อน ให้กลับมาเป็นชะนีแรดไฟลุกอย่างโชกโชนสักทีในชาตินี้ วันนี้เธอสอนฉันแล้วว่า ถ้าเพื่อนนัดแล้วไม่มาเกิน 30 นาที ก็คือหนีจ้า เทโลดจ้า ฉันได้เรียนรู้จากการมาร้านกาแฟที่เพิ่งเปิดใหม่มันช่างเหลือเกินความคาดหมายที่ฉันไม่เคยไปร้านไหนแล้วได้ความรู้สึกแบบนี้มาก่อน 

    ขนาด Shoppee กับ Lazada ยังให้ไม่ได้เลย ขอบคุณจริงๆ ลาก่อนยูนิคอร์นเครื่องดื่มแก้วแรกที่เธอชงให้ฉัน ตอนนี้ฉันสำลักพิษที่เธอใส่ลงไปแล้ว มันแผลงฤทธิ์จนฉันปวดหัว อาเจียน ร้องไห้ และเจ็บปวดสุดก้นบึ้งหัวใจ โบกมือบ๊ายบายผ่านกระจกหน้าร้านอีกครั้ง... 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in