- เวทมนตร์ -
Trigger Warning: Depression, Mental illness, Suicide
เธอเชื่อเรื่องเวทมนตร์ไหม?
เสียงแหบแห้งลอดผ่านออกมาจากริมฝีปากของบุคคลปริศนา ไออุ่นที่ปะทะใบหูทำให้ขนลุกซู่ไปทั่วร่างกาย ฉันรีบหันหัวขวับเพื่อตามหาว่าคนคนนั้นเป็นใคร...
เบื้องหน้าปรากฏเพียงความว่างเปล่า ฉันหันซ้ายหันขวา เผื่อว่าบุคคลปริศนาคนนั้นจะยังคงอยู่รอบ ๆ ...
แต่นั่นก็ทำให้ฉันค้นพบว่า ณ สถานที่แห่งนี้นั้น มีเพียงตัวฉันคนเดียว
สิ่งรอบกายนั้นมีเพียงความว่างเปล่า ฉันก้มลงมองสิ่งที่น่าจะเป็นฝ่ามือของตัวเอง
ตัวฉันนั้นก็คือความว่างเปล่าเช่นกัน...
หลังรู้ว่าตัวเองก็ไม่ต่างอะไรจากสิ่งรอบข้างที่มีแต่ความว่างเปล่า ความรู้สึกว่าสติของฉันกำลังจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ และความเจ็บปวดเล่นผ่านร่างกายที่ไม่มีอยู่จริง กัดกินจิตใจฉันจนกำลังจะพังทลาย
ทันใดนั้น จู่ ๆ ความอบอุ่นแบบเดียวกับที่ฉันรู้สึกในตอนแรกก็ปะทะยังท้ายทอย ฉันสะดุ้งเฮือก
...
ฉันลืมตาเบิกโพลง หอบหายใจหนัก หันมองซ้ายขวาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนที่บ้าน ฉันพยายามทำใจของตัวเองให้เย็นลง เม็ดเหงื่อเย็น ๆ ที่ผุดขึ้นตามใบหน้าไหลย้อยลงไปตามลำคอที่ยังคงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นแบบแปลก ๆ หัวใจเต้นแรงราวกับกำลังจะระเบิดออกมา
ฉันก้มมองฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเอง มือคู่นี้ที่เหมือนจะคว้าอะไรบางอย่างไว้ได้นั้น กลับมีเพียงความว่างเปล่า...
หลังจากลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาอาบน้ำแต่งตัว ฉันคว้าโทรศัพท์มือถือที่ไร้ซึ่งการแจ้งเตือนใด ๆ นาฬิกาบอกเวลา 16.20 น. เก็บใส่กระเป๋ากางเกง สวมรองเท้าที่ถอดไว้หน้าประตูห้อง แล้วเปิดประตูออกไป…
ระหว่างที่ฉันเดินไปตามท้องถนนที่ไร้ซึ่งผู้คน ประโยคหนึ่งยังคงดังก้องอยู่ในความคิด
เธอเชื่อเรื่องเวทมนตร์ไหม?
ทุกครั้งที่เสียงนั้นดังขึ้น ร่างกายฉันก็ขนลุกซู่กับความรู้สึกอบอุ่นแบบแปลก ๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย แต่ไม่ว่าจะเค้นสมองนึกเท่าไหร่ ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
ฉันเพียงแต่รู้สึกว่า... ร่างกายฉันถวิลหาความอบอุ่นนั้น แต่จิตใจกลับรู้สึกหวาดหวั่น...
กลัวลมหายใจนั่น ที่ตามหลอกหลอนฉันโดยที่ไม่มีสาเหตุ… กลัวความอบอุ่นนั่น ที่ทำให้ฉันเสียวสันหลังวาบ
กลัว… ที่จะได้ยินประโยคนั้นในโลกของความเป็นจริง
รู้ตัวอีกที ขาทั้งสองก็พาฉันมาหยุดที่สวนสาธารณะที่มาเป็นประจำ สถานที่แห่งนี้ที่มีต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสนามหญ้ายังคงไร้ซึ่งผู้คนอยู่ตามเคย ใบไม้ปลิวล่องไปตามสายลมอ่อน ๆ ท้องฟ้ายามสนธยาถูกย้อมเป็นสีอมชมพู
การมองท้องฟ้าเป็นวิธีเดียวที่ทำให้ใจฉันสงบ เป็นเพียงห้วงเวลาเดียวที่เสียงซึ่งตามหลอกหลอนนั่นจะทำอะไรฉันไม่ได้
ถึงอย่างนั้น ฉันยังคงครุ่นคิดกับตัวเอง โลกนี้มีเวทมนตร์อยู่หรือเปล่า?
บางทีท้องฟ้าสีชมพูข้างบนนั้น ก็อาจจะเป็นสัญญะของเวทมนตร์บางอย่าง
ถ้าฉันมีเวทมนตร์ก็คงจะดีสิ
ฉันจะขอให้…
ฉันอยากจะลืมทุกอย่างแล้วใช้ชีวิตตามแบบตัวละครที่เคยอ่านเจอในหนังสือ
หรือบางที…
ฉันอยากจะขอให้ตัวเองไม่ต้องเกิดมาลืมตาดูโลกนี้เลย…
อย่างนั้นก็คงจะดี
ฝ่ามือทั้งสองยกขึ้นทาบกันและล้อมรอบลำคอ แรงกดส่งผ่านความเจ็บปวดจนเกิดเป็นรอยแดงบนผิวหนัง อุณหภูมิจากฝ่ามือชื้นเหงื่อทำให้ฉันเข้าใจถึงความอบอุ่นที่ตามหลอกหลอนมาตลอด สิ่งที่ฉันหวาดกลัวแต่กลับถวิลหาและเฝ้าคอย สิ่งที่ฝ่ามือทั้งสองพยายามจะไขว่คว้า ฉันเข้าใจมันทั้งหมด
แรงกดที่มากขึ้นทำฉันหายใจลำบาก ความรู้สึกราวกับการรับรู้ของฉันกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ นั้นแสดงออกผ่านริมฝีปากที่ยกยิ้มขึ้น…
ดวงตาที่เบิกโพลงจ้องมองท้องฟ้าสีชมพู ราวกับกำลังสื่อสารกับมัน
โลกนี้คงจะมีเวทมนตร์อยู่จริง ๆ สินะ…
…………
………
……
…
.

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in