Trigger Warning: Depression, suicide
ร่างหนึ่งยืนอยู่บนขอบดาดฟ้าตึกสูงแห่งหนึ่งใจกลางเมือง สายตาทอดไปยังภาพบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองหลวง แสงไฟเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสว่างตามตึกน้อยใหญ่ ไฟสีแดงด้านล่างบ่งบอกว่าการจราจรของเวลาหนึ่งทุ่มตรงนั้นคับคั่งยิ่งนัก สุดสายตาเป็นเส้นตรงสีส้มสด ดวงอาทิตย์คงเพิ่งจะลาลับ สายลมอ่อน ๆ ปะทะเข้าใบหน้าของผู้ที่ยืนอยู่ ผมยาวสยายไปด้านหลัง
ร่างนั้นยืดแขนตรงออกไปยังดวงจันทร์กลมโตที่อยู่เหนือเส้นขอบฟ้าไม่มาก คืนนี้คงจะเป็นคืนเดือนหงาย หรือไม่ก็ใกล้มากแล้ว
‘ปึง’ เสียงประตูเปิดออกและปิดลงข้างหลัง ร่างนั้นยังคงจดจ่ออยู่กับมือของตนและดวงจันทร์ตรงหน้า ไม่สนใจหันกลับมายังผู้ที่เพิ่งมาเยือน
"ทิวา... ถึงเวลาแล้วนะ" ผู้มาเยือนเอ่ยเสียงเรียกร่างนั้น
“นั่นสินะ...” ทิวาตอบ ทว่ายังคงยืนจ้องมองดวงจันทร์กลมโตราวกับกำลังสื่อสารกับมัน “ราตรี... เธอว่าท้องฟ้าคืนนี้เป็นยังไงเหรอ”
“อืม... ก็สวยดีนะ มีแสงอาทิตย์เหลืออยู่ไม่มาก กับจันทร์เต็มดวงนี่” เด็กสาวชื่อ ‘ราตรี’ ตอบ
“นั่นสินะ...” ทิวาไม่ได้ขัดแย้งอะไร ยังคงไม่ละสายตาจากวัตถุกลมโต “น่าเศร้าจริง ๆ ”
“อะไรที่น่าเศร้าเหรอทิวา”
ราตรีจ้องลึกเข้าไปยังนัยน์ตาสีเงินประกายของบุคคลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าของเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเธอนั้นมีความเสียดายและความเศร้าแบบแปลก ๆ ถ่ายทอดออกมาอย่างชัดเจน
“ทิวา... เธอก็เคยบอกฉันนี่ ว่าเธอเกลียดโลกนี้ พอถึงเวลาที่เธอจะได้จากไปจริง ๆ เธอกลับรู้สึกเสียดายขึ้นมาเหรอ”
ทิวาไม่พูดอะไร แต่แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาบนใบหน้าของเธอนั้นสะท้อนประกายหยดน้ำตาราวกับประกายของอัญมณีที่ผ่านการเจียระไนมาอย่างประณีต
“ก็คงงั้น...” ทิวาเปิดปากออกเพียงเล็กน้อย “แต่ที่ฉันรู้สึกเสียดายน่ะ... เพราะฉันคงจะไม่ได้มีโอกาสยืนมองดวงจันทร์แบบนี้อีกแล้วน่ะสิ”
"แต่ว่า..." ทิวาพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ถ้าเทียบกับทุกอย่างที่ฉันเจอมาแล้ว..."
เด็กสาวไม่พูดอะไรต่อ เสียงสะอื้นยังคงดังอยู่ขณะที่แสงอาทิตย์จางหายไปจากขอบฟ้า ช่วงเวลากลางคืนเริ่มขึ้นอย่างแท้จริง
ราตรีมองประกายน้ำตาบนใบหน้าของทิวา “ฉันเสียใจจริง ๆ นะ ทิวา”
“ถึงเวลาแล้วใช่มั้ย”
ราตรีพยักหน้า
ทิวาทอดสายตาไปยังภาพเมืองหลวงยามค่ำคืนอีกครั้ง
“ไปกันเถอะทิวา”
ราตรีจับมือทิวาแน่นแล้วพยักหน้า ทั้งสองก้าวเท้าข้างหนึ่งออกไป ตามมาด้วยอีกข้าง...
ร่างหนึ่งยืนอยู่บนขอบดาดฟ้าตึกสูงแห่งหนึ่งใจกลางเมือง สายตาทอดไปยังภาพบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็นยามใดความสว่างไสวยังคงปรากฏอยู่ไม่แห่งใดก็แห่งหนึ่ง สมกับฉายาเมืองที่มีชีวิตตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ทุกสิ่งยังคงดำเนินไปไม่แปรเปลี่ยน แสงไฟรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าฉายออกมาตามหน้าต่างของตึกรามบ้านช่อง ไฟสีแดงตามท้องถนนบ่งบอกถึงปัญหาการจราจร พวกเขาข้างล่างเหล่านั้นจะรู้หรือไม่ว่า มีอีกหนึ่งชีวิตได้จากไปอย่างไม่อาจหวนคืนในค่ำคืนนี้
ร่างนั้นขยับตัวเล็กน้อย แสงจันทร์ที่สาดส่องลงเผยให้เห็นใบหน้าซึ่งไร้ความรู้สึกใด ๆ ผ้าคลุมสีแดงเข้มปลิวไสวไปตามสายลม ปีกขนาดใหญ่กว่าร่างเจ้าของกางออก บุคคลปริศนาถีบตนเองขึ้นเบา ๆ และโบยบินไปท่ามกลางแสงจันทร์ คงจะเป็นสิ่งสะดุดตาอย่างมากจนได้ออกข่าวหน้าหนึ่ง หากเพียงจะมีใครสักคนใส่ใจพอที่จะเงยหน้าขึ้นชื่นชมท้องฟ้ายามราตรี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in