ร่างเล็กพลิกขยับเพราะนอนไม่สบายตัว เสียงงัวเงียบ่งบอกถึงว่าไม่พร้อมตื่น มือเล็กคลำหาผ้าห่มผืนโปรด แต่ควานหาเท่าไรก็ไม่เจอ จำใจปรือตาข้างหนึ่งขึ้น พลันสับสนเล็กน้อยเมื่อภาพที่เห็นไม่ใช่ห้องนอนตนเอง จึงลืมตาอีกตาขึ้นเพื่อมองให้ชัด ๆ
…กรง? …
เป็นคำแรกที่นึกออกแต่ทำไมกัน ถ้าเป็นการ์ตูนคงมีเครื่องหมายคำถามโผล่โชว์อยู่เหนือหัวเธอ เกรเทลจึงยกศีรษะขึ้นเพื่อมองไปรอบ ๆ
กรงเหล็กขนาดพอดีสำหรับหนึ่งคน ภายในมีกองฟางทำเป็นเบาะรอง รอบนอกมีกรงแบบเธออีกเป็นสิบเรียงราย
เธอขมวดคิ้วหนักนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมเธอมาอยู่ในนี้ได้
มือบางลูบใบหน้า เริ่มเครียดจัด ไม่รู้จะทำยังไงต่อ พลันก็เหลือบสายตาไปเห็นผู้ชายยืนอยู่ไกล ๆ ดูเหมือนจะเป็นผู้ดูแล
“เฮ้คุณ! ที่นี่ที่ไหน?”
เสียงตะโกนแหบแห้งเหมือนคนขาดน้ำมาแรมปีเรียกดังพอที่อีกฝ่ายจะหันมาสนใจ
เป็นชายรูปสมส่วน กะด้วยสายตาเธอมั่นใจว่าสูงเฉียด 190 ซม. แน่นอน พอลากสายตามองดี ๆ เขามีผมสีเขียวโดดเด่นแปลกตา
…เหมือนตะไคร่น้ำดี ๆ นี่เอง…
สำหรับเกรเทลการที่คนเราจะทำผมสีนี้ได้ต้องฟอกผมไปกี่รอบกันถึงจะได้เขียวเบอร์นี้
ไม่พอยังต้องมั่นหน้าระดับหนึ่งด้วย ต่อให้มั่นใจแค่ไหนถ้าเบ้าหน้าไม่ฟ้าประทานก็ไม่รอดเหมือนกัน
แต่เผอิญว่าชายผู้นี้เข้าข่ายหล่อจัด อยู่ในหมวดระดับเกินมาตรฐานทั่วไป
“อะไรกันถูกขายมาแต่ไม่รู้เลยหรือไง”
นายหัวเขียวเดินมาหยุดอยู่หน้ากรงเนื่องจากเขาไม่อยากตะโกนคุยกับเจ้าเด็กผอมกะหร่องนี่
“ขาย?”
ดูจากสีหน้าเด็กมันคงไม่เข้าใจคำตอบงั้นเขาจะอนุเคราะห์บอกให้ก็แล้วกัน
“เออ นี่เจ้าความจำเสื่อมหรือไง ช่างเถอะข้าจะบอกให้เอาบุญ ที่นี่คือตลาดค้าทาสโมเบียสจำใส่กระโหลกไว้ด้วยล่ะ”
“...”
เมื่อเห็นหน้าตาซีดเซียวของคู่สนทนาเขากลับรู้สึกสมเพชเลยแสยะยิ้มร้ายออกมา ถูกขายมาขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวเลยโคตรน่าสงสาร
“ยินดีต้อนรับสู่วอลล็อค”
พูดเสร็จเขาก็หันหลังไม่สนใจปฏิกิริยาของเธออีก
เกรเทลไม่เข้าใจสถานการณ์เท่าไรว่าทำไมเธอถึงถูกขายมา ไม่ใช่ว่าค้าทาสมันหมดไปแล้วเหรอ
“ที่ไหนอีกเนี่ย โดนลักพาตัวเหรอ?”
เด็กสาวนั่งพึมพำกับตนเองพยายามคุมสติไม่ให้แตกกระเจิง แม้ภายในใจจะกระวนกระวายจนแทบบ้า
เธอเริ่มมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง แต่ละกรงจะมีคนอยู่ สภาพผอมแห้ง บ้างก็หนังหุ้มกระดูก บางคนมีบาดแผลตามร่างกายน่าเวทนา ความกลัวเริ่มกัดกินภายในจิตใจร่างเล็ก
ไม่รู้ว่าวอลล็อคคือที่ไหนบนโลก รัฐใหม่ หรือประเทศ แต่ที่สำคัญเธอฟังภาษาที่ชายเมื่อครู่นี้พูดออกหมดทุกคำ เกรเทลไม่เคยเรียนภาษาอื่น มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะฟังรู้เรื่อง เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่
ร่างเล็กเขยิบตัวไปชิดกรงเหล็กเพื่อที่จะได้มองเห็นรอบข้างได้ชัดขึ้น พระอาทิตย์ใกล้ตกดินรายล้อมไปด้วยทะเลทรายแห้งแล้ง
...ฝัน? ...
เพื่อให้แน่ใจจึงหยิกแขนตัวเองอย่างแรง แม้กระทั่งลองตบหน้าจนแดง แต่ความเจ็บเป็นเครื่องยืนยันชัดเจน
พลันสายตาเหลือบเห็นรอยสักสีดำบนข้อมือซ้าย เป็นลายหนามกุหลาบพันกันจนรอบทั้งข้อมือ ยังมีอักขระที่เธออ่านไม่ออกเรียงควบคู่กัน
…หรือว่าเมื่อคืนเผลอไปร้านเหล้าแล้วเมาจนจำไม่ได้ว่าแอบไปสักมา? …
ลวดลายมันสวยจนเธอนึกชมว่ากว่าจะได้ขนาดนี้ช่างคนนั้นต้องสะสมประสบการณ์ไม่รู้มานานแค่ไหน
แต่เพราะมันดูสะดุดตาและเธอก็ไม่ชินกับมันมากนักจึงดึงแขนเสื้อลงมาปิด ด้วยความที่ว่าแขนเสื้อมันไม่ใช่ขนาดพอดีตัวจึงเลยยาวไปกว่ามือเล็กน้อย
ต่อให้ฉันไปสักมาจริงก็เถอะใครจะไปชิน
เกรเทลนั่งนึกย้อนเหตุการณ์ล่าสุดที่พอจำได้ เธอมั่นใจว่ายืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์แล้วทะเลาะกับพี่ชายในสายหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
ความทรงจำที่หายไปก่อนหน้านี้ทำให้เธอเริ่มกังวลว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง
แต่เมื่อพิจารณาดูมือตนเองอีกรอบก็พบว่ามันหยาบกร้าน เรียวเล็ก แถมข้อมือผอมแห้งติดกระดูก
เธอเริ่มตื่นตระหนกเพราะเธอไม่เคยมีรอยแปลเป็นเป็นทางยาวที่ท้องแขนซ้าย พอลองจับร่างกายไล่ไปตั้งแต่ผมยันขาท่อนล่างชัดเจนเลยว่า
…นี่มันร่างคนอื่น…
แน่นอนว่าจากผมบลอนด์สั้นประบ่ากลายเป็นผมดำซอยสั้นที่เกือบจะกลายเป็นรองทรงต่ำ แม้เสียงจะดูแหบแห้งคล้ายผู้ชายแต่ก็ยังพอมีเค้าลางความหวานฉบับผู้หญิง
เหตุการณ์สุดจะเหลือเชื่อจนไม่น่าเป็นไปได้ทำให้เกรเทลเริ่มสติแตก เธอกำลังอึ้งว่าควรทำตัวยังไงต่อไปในเมื่อมาอยู่ร่างใครก็ไม่รู้กับนางกำลังโดนขายไปเป็นทาส
ความกลัวกัดกินจิตใจไปทีละเล็กทีละน้อยเธอรู้สึกเหมือนหายใจลำบากเนื่องจากอาการตื่นตระหนก
กว่าจะกลับมามีสติก็ผ่านไปหลายนาที
------
กดหัวใจ ❤️ หรือคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ
***หากพบคำผิด แปลพลาด แก้ไขหรือติชม โปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ
𝑻𝒂𝒍𝒌 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒘𝒓𝒊𝒕𝒆𝒓
รู้ว่าพล็อตทะลุมิติมีคนเขียนเยอะแล้วแต่ก็อยากเขียนค่ะ555555
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in