ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มแค่แวะมาคืนถ้วยกาแฟให้ป้าแม่บ้านแล้วจะรีบกลับไปกินข้าวในที่พักของตนเอง ช่วงที่เดินอ้อมโรงอาหารเขาเห็นแล้วแหละว่าแถวรับอาหารมีเหตุการณ์แทรกคิวกัน ว่าจะไม่เดินเข้ามายุ่งเกี่ยวแล้วเชียว แต่พอได้ยินว่าเกรเทลถูกดึงไปเป็นส่วนหนึ่งของความวุ่นวายเขาจึงหมุนฝ่าเท้าหันหลังกลับมาแล้วเดินตรงดิ่งมาทางโรงอาหาร
เขาไม่รู้ว่าทำไปทำไมและเพื่ออะไร อย่างไรก็ตามเขาอ้างเหตุผลกับตนเองว่าเพราะมันเป็นทาสตัวแสบที่ต้องคอยสอดส่องดูแลไม่ให้คลาดสายตาต่างหาก วอลล็อคดึงสติกลับมา ณ ปัจจุบันจัดการปัญหาลูกน้องของตนเอง
“ลดเงินค่าจ้างคนละ 30% เป็นเวลา 2 เดือน”
กลุ่มเหล่าชายฉกรรจ์ต่างเศร้าเสียดายเงินค่าจ้างของตนเองคอตกไปตาม ๆ กัน นี่เขาใจดีแค่ไหนแล้วที่แค่หักค่าจ้างอย่างเดียวไม่ได้ไล่พวกมันออกข้อหาสร้างความวุ่นวายภายใน
หลังจากเหตุการณ์ที่โรงอาหารผ่านไปเกรเทลก็มาทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้านายหัวเขียวคือส่งขนมปังแข็ง ๆ และถ้วยน้ำเปล่าให้กับเหล่าทาส นับคร่าว ๆ ด้วยสายตาน่าจะมีสักประมาณ 200 กว่าคน สำหรับเกรเทลถือว่าเยอะพอสมควร เห็นเพื่อนกลุ่มของไรเดอร์พูดอยู่ว่าตลาดค้าทาสโมเบียสเคยมีจำนวนมากกว่านี้แต่ถูกขายออกไปหมดแล้ว
เมื่อเห็นทาสเริ่มทยอยกัดกินขนมปังด้วยความหิวโซเธอก็อดท้องร้องเป็นไม่ได้ ก็เธอยังไม่ได้ทานข้างกลางวันเลย พอวอลล็อคบอกให้ไปได้เธอก็รีบไปต่อแถวเพื่อรับข้าวกลางวันแต่มันดันหมดไปก่อนแล้ว คงจะระหว่างที่พวกผู้ชายทะเลาะกันเรื่องแซงคิวน่ะสิเธอเลยอดทานข้าวมื้อนี้เลยกว่าจะได้กินอีกทีตั้งเย็นนู้น
โชคดีที่ตอนเช้ากินไปเยอะพอสมควรเพราะพวกป้าแม่บ้านคะยั้นคะยอว่าต้องกินเยอะ ๆ นะเวลาทำงานจะได้ไม่เป็นลมเลยทำให้เธอหิวไม่มาก แต่มันช่างสวนทางกับเสียงท้องร้องของเธอเสียจริงอย่างว่าเพราะร่างกายยังต้องการสารอาหารมาซ่อมแซมหรือว่าเธอจะแอบจิกขนมปังสักก้อนจากทาสพวกนี้กินรองท้องไปก่อนดี?
เกรเทลเกิดความลังเลใจเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็เลือกที่จะหยิบขนมปังออกมาหนึ่งชิ้นซุกซ่อนไว้ภายใต้เสื้อตนเอง หันซ้ายหันขวามองข้างหน้ามองข้างหลังไม่มีใคร เธอจึงรีบเดินหลบไปอยู่มุมใกล้ ๆ ซุ้มต้นไม้ใหญ่ที่มีหญ้าขึ้นสูงเพื่อหลบบังสายตา
ร่างบางหย่อนก้นลงนั่งบนพื้นดินที่หญ้าขึ้นเตี้ย ๆ ควักเอาขนมปังออกจากใต้เสื้อ ตอนหยิบมาเธอพยายามเลือกก้อนที่ดูนิ่มที่สุดเท่าที่จะหาได้ในลังไม้ แม้รอบนอกอบขนมปังจะแข็งไปบ้างแต่อย่างน้อยก็นิ่มกว่าตอนนั้นที่กินเข้าไปเยอะ
ทว่าตอนที่เธอกำลังจะงับขนมปังเข้าปากเล็กอยู่นั้น เสียงทุ้มคุ้นหูก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“นี่ข้าดูแลลูกน้องไม่ดีถึงขนาดมาแอบขโมยขนมปังของทาสกินเชียวหรือเนี่ย”
“เฮือก!”
เกรเทลสะดุ้งตกใจที่ถูกจับได้ว่าแอบขโมยของกิน คิดว่าไม่น่าจะมีคนเห็นแล้วเชียวไหงเป็นเขาอีกแล้วอีตาหัวผัก! นี่นายอยู่ไปทุกที่จริงดิ!
ชายหนุ่มมองเด็กในปกครองที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าด้วยสีหน้าเหวอสุดขีดคงไม่คิดว่าเขาจะเจอแบบนี้มากกว่าหน้าซีดเป็นไก่ต้มเชียว เกรเทลรีบลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นใต้ตรงก้นออกแล้วหันหน้าไปมองผู้มาเยือน
“เออ…”
เกรเทลก้มหน้าก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นมอง ไม่รู้จะพูดอธิบายยังไงเพราะเธอก็ขโมยจริง ๆ นั่นแหละ เมื่อเห็นว่าเธอเงียบไปสักพักเขาจึงตัดสินใจต่อบทสนทนานี้แทน
“แล้วข้าวกลางวันเจ้าอยู่ไหนล่ะ? ไม่ได้กินหรือไงไอ้หนู”
ท่าทางสบาย ๆ ของคนตรงหน้าทำให้เธอพอหายใจคล่องคอขึ้นมาบ้าง หวังว่าเขาจะไม่ได้หาเรื่องที่เธอแอบขโมยขนมปังหรอกนะ
“คือ…ตอนข้าเดินกลับไปเอาข้าวมันหมดแล้วขอรับ”
เขาพยักหน้าน้อย ๆ แล้วเอ่ยต่อ
“เจ้าก็เลยมาขโมยขนมปังแทนว่างั้น?”
เมื่อเขายิ่งคำถามนี้ไปสภาพเจ้าหนูทาสเริ่มลุกลี้ลุกลนจนเขาต้องกลั้นขำเก๊กหน้าหล่อให้ดุเข้าไว้ แกล้งมันได้ถือว่าวันนี้เขาอารมณ์ดียันเข้านอน
“ปะ…เปล่าเลยขอรับคือข้าแค่…ข้าแค่”
“หื้ม? ว่าไงไอ้หนู”
เกรเทลไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาทำให้สถานการณ์นี้ผ่านพ้นไปได้ เธอแอบขโมยจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอหิวข้าวเธอคงไม่ทำแบบนี้หรอก ใครเขาอยากจะเป็นขโมยกันแค่สถานะภาพในปัจจุบันที่ใครต่างก็เรียกเธอว่าทาสก็อึดอัดจะตายชักขืนโดนว่าเป็นขโมยอีกไม่รู้เธอจะใช้ชีวิตแบบไหนเลย
“เจ้ารู้ไหมว่าลูกน้องข้าที่นี่ทุกคนถ้าขโมยของจะมีบทลงโทษร้ายแรง”
วอลล็อคจงใจกดเสียงต่ำน่าขนลุกส่งผลให้ร่างเล็กไม่กล้าแม้กระทั่งกลืนน้ำลายลงคอ เหมือนมีไอสังหารลอยออกมาจากร่างหนากระจายเป็นวงกว้างจนแข้งขาเธออ่อนแรงเกือบยืนไม่ไหว
“ขะ…ข้าแค่หิวขอรับนาย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะขโมยจริง ๆ ขอรับ…”
ในเมื่อไม่สามารถหาข้ออ้างใด ๆ ออกมาได้เธอจึงเลือกที่จะพูดความจริงออกไป ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายยังไงเสียมันก็แสดงถึงความบริสุทธิ์ใจที่เธอพอจะแสดงออกไปให้เขารับรู้ เธอไม่รู้หรอกว่าบทลงโทษร้ายแรงที่ว่ามันคืออะไร เธอคิดไปก่อนแล้วว่าไม่ขอเป็นพวกอดน้ำอดอาหารหรือถูกจับกลับไปขังกรงในตอนนี้ เธอรับมันไม่ไหวแน่เธอยังอยากมีชีวิตรอดเพื่อกลับบ้านไปหาครอบครัว
“ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก คราวหน้าข้ายอมอดไม่กินก็ได้ขอรับนาย แต่อย่าลงโทษข้าเลยนะ”
ความยากในบทสนทนานี้คือเธอต้องกดเสียงให้ทุ้มต่ำและทำเสียงให้เล็กน่าสงสารควบคู่ไปด้วยกัน ซึ่งเธอเกือบหลุดเสียงเดิมออกมาหลายครั้งเพราะต้องพูดประโยคยาว ๆ ทั้งที่ปกติเธอพยายามเก็บปากเก็บคำไม่พูดให้ได้มากที่สุด ส่วนเขาก็เอาแต่นิ่งเงียบฟังเธออย่างตั้งใจเหมือนจับผิดแบบนี้
วอลล็อคนิ่งมากจนเธอเริ่มใจไม่ดีรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นไปที่ตาตุ่มหรือว่าเขาโกรธที่เธอขโมยของกินจริง ๆ
…แค่ขนมปังก้อนเดียวเอง นายจะไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ ฮือ…
เด็กสาวโอดครวญในใจภาวนาว่าเขาจะไม่โมโห เธอไม่รู้จะพูดอะไรสมองตีบตันไปดื้อ ๆ โดยปกติสมองเธอจะแล่นคิดหาทางออกได้เสมอ ทว่าตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างใครก็ไม่รู้เหมือนเธอฉลาดน้อยลงมาเกือบครึ่งคิดอะไรไม่เข้าทางสักอย่าง นางคิดเองเออเองว่าตนเองดวงตกแน่นอน
โทษฟ้าโทษฝนไปก็แล้วกันเพื่อปลอบใจตนเอง
“จะให้ข้าทำงานทุกอย่างที่นี่ก็ได้แต่อย่าลงโทษข้าเลยนะท่าน”
เธอยอมยื่นข้อเสนอไปอีกครั้ง แต่พอมานึกย้อนดูดี ๆ มันก็ข้อเสนอเดียวกันกับที่เธอเคยบอกเขาไปตอนนั้นนิหว่า พูดอะไรไม่ยั้งคิดอีกแล้ว
ในหัวมีแต่คำว่า ฉิบหาย ฉิบหายแล้วเกรเทล
“เจ้าเคยพูดกับข้ามาก่อนแล้วว่าจะยอมทำทุกอย่างที่นี่ แบบนี้ไม่ใช่ว่าข้าเสียเปรียบไปหน่อยหรือ เจ้าเอาแต่บอกว่าจะยอมทำทุกอย่างถึงสองคราวแต่เจ้าดันขโมยของที่นี่ เช่นนั้นแล้วข้าคงต้องจับเจ้าไปขายเป็นทาสตามเดิมยังได้ราคากว่าเลย”
------
กดหัวใจ ❤️ หรือคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ
หากพบคำผิด แปลพลาด แก้ไขหรือติชม โปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ
𝑻𝒂𝒍𝒌 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒘𝒓𝒊𝒕𝒆𝒓
แค่ขนมปังก้อนเดียวเองนะพ่อ เอ็งจะหวงเป็นงูจงอางหวงไข่ไม่ได้นะเว้ย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in