เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Janie Is Not So Welljanieishappy
คนไข้นิสัยเสีย
  • ไปหาหมอจิตตามนัด...หลังจากที่เลื่อนมาสองรอบ แหะๆ เจอหน้าเรา หมอก็ทักทันทีว่า "นี่คุณขาดยารึเปล่า เลื่อนนัดมานานขนาดนี้" แหม หมอก็...

    ไม่ได้เป็นคนไข้ที่ไม่ดี ถึงจะเลื่อนนัดแต่ก็นับจำนวนยาแล้วว่ามันยังมีพอกินจนถึงวันนัดหมอ แต่ทำไมถึงมีพอนี่ก็ไม่รู้ คือมันก็มีลืมกินบ้าง แต่อย่างมากก็ 2 วัน เสาร์ อาทิตย์ ไรงี้ ตื่นสายทีก็ลืมทุกกิจกรรมที่เคยทำยามเช้าซึ่งก็รวมถึงกินยาต้านเศร้า ถ้านึกได้เร็วก็กิน แต่ถ้ามานึกได้ตอนบ่ายสามงี้ก็ไม่กินแล้วอ่ะ รอวันถัดไปเลยแล้วกัน ฮ่าๆๆ

    หลังจากที่คราวที่แล้วพาพ่อไปคุยกับหมอโดยที่เราเข้าไปก่อน แล้วพ่อค่อยเข้าตามหลัง คุยตัวๆ ทั้งคู่ ต่างคนต่างไม่รู้ว่าแต่ละคนคุยกับหมอว่าอะไรบ้าง ตอนพ่อออกมาเราก็ถามพ่อ พ่อก็เล่าคร่าวๆ ว่าก็พูดๆ เล่าๆ ไปตามลำดับเหตุการณ์ นับตั้งแต่แม่ตายจนถึงตอนไหนก็ไม่รู้ เพราะหมอบอกว่า "โอเคครับ ผมเข้าใจแล้ว" นี่ฟังแล้วก็ขำ แสดงว่าพ่อต้องพูดเยอะมาก กับเราหมอไม่เคยพูดแบบนี้ใส่เลยนะว่า โอเค พอๆ หมอฟังเราอย่างตั้งใจทุกครั้ง อาจจะเป็นเพราะนานๆ เราจะพูดมากที ส่วนใหญ่ก็จะถามคำตอบคำ พอบทจะพูดขึ้นมาหมอเลยสนใจจะฟังมั้ง

    "ตอนที่คุณพ่อบวชหลังจากที่คุณแม่เสีย คุณเหงาไหม" อยู่ๆ หมอก็ถามมา นี่งงมาก พ่อไม่ได้เล่าว่าบอกหมอเรื่องนี้นี่ หมอรู้ได้ไงวะ งงมาก งงที่สุดในโลก
    "พ่อบวชแป๊บเดียวนะคะ ไม่กี่วันเอง"
    "อ่าว คุณพ่อคุณบอกว่าเค้าบวชปีนึง"
    "ปีนึงเลยหรอ ไม่ใช่มั้งคะ...เอาจริงๆ หนูก็จำไม่ได้ จำได้แค่ว่าพ่อบวชหลังแม่ตาย แต่หนูคุ้นๆ ว่าบวชแป๊บเดียวนะคะ เพราะพ่อต้องทำงาน"
    "แล้วช่วงที่ไปอยู่โรงเรียนประจำล่ะ"
    "อ่อ ตอนม.1 อันนั้นแย่มาก หนูเกลียดโรงเรียนมาก หนูไม่รู้ว่ามันทำให้หนูเปลี่ยนไปจนตอนที่หนูจะจบมหาลัยแล้วได้ยินคนที่บ้านพูดว่าหนูเปลี่ยนไป หนูถึงรู้ตัวตอนนั้น"
    "คุณเปลี่ยนไปยังไง"
    "ก็จากที่เป็นเด็กร่าเริงพูดเยอะก็กลายมาเป็นเด็กใบ้ ไม่พูดไม่จาอะไรกับใครในบ้านเลย"
    หมอก็ฟังเงียบๆ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุยเฉย

    "แล้วนี่ทานยาแล้วเป็นไงมั่ง" เราก็บอกไปว่ามันก็โอเค ส่วนใหญ่จะหงุดหงิด ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่เหมือนความอดทนมันต่ำ เจอใครมาพูดมากๆ ใส่ หรือมาวุ่นวายกับเรามากๆ ก็จะเหวี่ยงใส่เค้าไปทั่ว หมอก็ถามว่าเหวี่ยงยังไง ด่าหรอ นี่ก็บอกว่าไม่ด่า ไม่ได้ด่าใคร มากสุดก็แค่พูดจาประชดประชันหรือพูดแรงๆ ใส่ ไม่ใช่ด่า แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอาการทางสีหน้ามากกว่า ยังระงับตัวเองได้
    "แล้วตอนพูดออกไปแล้วนี่คุณรู้สึกสะใจไหม" 
    "ไม่ค่ะ รู้สึกผิด รู้สึกเสียใจที่ทำตัวแย่ๆ ไป ไม่เคยรู้สึกสะใจเลย"
    แล้วหมอก็เปลี่ยนเรื่องอีก

    "เรื่องแฟนล่ะเป็นไง"
    "ก็ดีค่ะ ยังคบกันดี ที่บ้านรู้ ที่บ้านโอเค ไม่มีอะไรแย่ค่ะ"
    "เรื่องงานล่ะ"
    "ก็เหมือนเดิมค่ะ เบื่อๆ เซ็งๆ อยากย้ายงาน..."
    "ทำไมถึงอยากย้ายงาน"
    "หนูก็ไม่รู้ หนูแค่รู้สึกเบื่อ มันแบบปัญหาเดิมๆ ที่วนๆ อยู่อย่างงี้ หนูรำคาญ"
    "ผมไม่เห็นด้วยนะถ้าจะย้ายงาน ผมว่าหัวหน้าคุณตอนนี้เค้าดีอยู่แล้ว เค้าห่วงคุณ หวังดีกับคุณ ย้ายไปที่ใหม่ เจอคนใหม่ เค้าไม่ห่วงคุณ ไม่เข้าใจคุณแบบนี้คุณจะแย่กว่านี้นะ"
    "อื้อ หนูก็คิดเสียดายตรงนั้นหนูเลยยังไม่ย้าย สังคมที่ทำงานดี หัวหน้าดี เพื่อนร่วมงานส่วนมากดี ถ้าหนูย้ายหนูก็รู้ว่าจะไม่ได้เจออะไรแบบนี้แน่ๆ แต่ที่หนูอยากย้ายคือหนูอยากไปทำงานอื่นที่ไม่ใช่ทนาย หนูรำคาญ หนูเป็นทนายแต่ต้องมาบริการอย่างกับทาส หนูไม่ชอบงานบริการเลย หนูเบื่อคน"
    "คุณหนีสังคมไม่ได้หรอก ย้ายไปไหนก็เจอ"
    จบ...
    "อยู่ที่เดิมแหละ อย่าย้ายเลย"
    "ค่ะ"

    เรารู้นะว่าเรื่องย้ายงาน ลาออกไรพวกนี้ เราไม่ควรตัดสินใจทำตอนที่เป็นซึมเศร้า เพราะอารมณ์เรามันเพี้ยน เราบ่นกับหมอไปงั้นแหละ เราไม่ย้ายจริงๆ หรอก ถ้าเราย้ายจริงเราคงไปนานแล้ว เพราะก็สมัครแล้วเค้าก็โทรมาเรียกไปสัมภาษณ์อยู่ แต่ก็ปฏิเสธเค้าไปหมด เอ๊ะ หรือเราจะเป็นไบโพล่า???

    หมอถามถึงเรื่องฝัน เราบอกมันกลับมา เริ่มจะฝันเยอะฝันแยะ ฝันไม่ดีมากขึ้นๆ ทุกวัน จนต้องเอายา prazosin ที่เหลือๆ อยู่มากินดังเดิม หมอก็บอกว่าเป็นเพราะ fluoxetine ถามว่าเราอยากเปลี่ยนไปกิน escitalopram เหมือนที่เคยทำไหม นี่บอกไปว่าไม่เอาเพราะจำได้ว่าเปลี่ยนยาไปก็ยังฝันอยู่ดี แถมดูเหมือนเราจะไม่ได้รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่ เลยตัดสินใจว่าจะอยู่กับฟลูอ๊อกเหมือนเดิมนี่แหละ การเปลี่ยนยามันไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่เอาแล้ว พอ

    ยานอนหลับก็ยังกิน clonazepam ตัวเดิม สรุปคือกลับไปที่จุดเดิมที่เราเคยจากมา ไม่ควรวิ่งหนีมันมาเล้ย เอาจริงๆ ตอนมันดีก็ควรจะกินยาต่อไป นี่ก็บ้าคิดไปว่าหายแล้ว อยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งยาเว้ย เก่ง โนสนโนแคร์ แล้วไงล่ะ คลานเข่ากลับมาขอยาหมอเหมือนเดิมอ่ะค่ะ เกลียดตัวเอง
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Tammy (@daisydream)
สวัสดีค่ะคุณเจน :)
เรามาเจอบล็อกนี้โดยบังเอิญมากๆและนั่งอ่านตั้งแต่แรกจนมาถึงปัจจุบัน (รู้เลยนะคะว่าอู้งาน 555)
ตั้งใจสมัครเว็บนี้มาคอมเม้นและติดตามเลยค่ะ
ขอบคุณที่มาเล่าเรื่องราวให้ฟังนะคะ ตอนนี้เราก็กำลังต่อสู้กับจิตใจตัวเองอยู่เหมือนกัน

แล้วจะเข้ามาอ่านและให้กำลังใจบ่อยๆ เราจะเข้มแข็งไปด้วยกันนะคะ

ปล. เห็นตอนแรกคุณเจนบอกว่ากิน clonazepam แล้วไม่หลับเลย ส่วนของเรา กินแล้วเราน็อกไปเลยค่ะ 555
janieishappy (@janieishappy)
@daisydream ปัจจุบัน 0.5 mg ก็สลบแล้วค่ะ 55555

ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจ ส่งกลับให้อีกหนึ่งเท่าตัว พวกเราต้องรอดค่ะ เฮ่
callmejay (@thnnwu)
ยังเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอนะคะ ถึงจะไม่ค่อยได้เข้ามาตามอ่านบ่อยเหมือนเดิม
อยู่ๆก็เป็นโรคนี้กับตัวเฉยๆเลย 5555555
แต่มาพยายามมีชีวิตอยู่ไปด้วยกันนะคะ บางทีมันอาจจะมีเรื่องดีๆรอเราอยู่ก็ได้
อย่าลืมกินยานะคุณเจน
janieishappy (@janieishappy)
@thnnwu เราก็ไม่ค่อยได้มาเขียนแล้วค่ะ ไม่รู้เพราะเบื่อหรือเพราะว่าโอเคกับชีวิตมากขึ้นเลยขี้เกียจจะมาบ่น 555

นี่หาหมออยู่ใช่ไหมคะ เข้มแข็งไว้ค่ะ ฮึ้บไว้ มันจะโอเคขึ้นค่ะ ฮึ้บบบ
callmejay (@thnnwu)
@janieishappy หาหมอมาปีครึ่งแล้วค่ะ มันจะโอเคขึ้นเนอะ ฮึ้บๆไปด้วยกันนะคะ
janieishappy (@janieishappy)
@thnnwu ใช่ค่ะ แต่เราต้องรักตัวเองให้เยอะๆ มีวินัยในการกินยา หาอะไรที่ทำแล้วทำให้เรารู้สึกดีขึ้นหรือไม่แย่ลงแล้วทำมันค่ะ อย่าไปยอมแพ้ความเศร้าค่ะ เราต้องสู้มัน