เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Janie Is Not So Welljanieishappy
Jane x Olanzapine
  • นี่เรากินยาใหม่มากี่วันแล้วเนี่ย... นับก่อน — อ่อ วันนี้วันที่ 5 ละ

    หลังจากที่กินวันแรกแล้วหลับเป็นตาย วันต่อๆ มามันก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ ไม่ได้ง่วงจนน็อคแบบวันแรก ยังคงมึนในตอนเช้า แต่ก็อยู่ได้ทั้งวันโดยไม่มีกาแฟ ยังมีเดินเซอยู่บ้าง แต่ก็น้อยลง ส่วนอารมณ์หรอ ไม่รู้เหมือนกัน บอกไม่ถูก

    จากเดิมที่หมอให้กิน escitalopram คู่กับ lamotrigine ไปหาหมอครั้งล่าสุดนี่เราคงสติแตกเบอร์แรงไปหน่อย หมอเลยจับเปลี่ยนยาอีกแล้วว นี่ชั้นต้องคิดถึงเทออีกแล้วววว อีกแล้ววววววววววว แค่นี้ก็ทนไม่ไหวหรือเราาาาา เปลี่ยนจนจำชื่อยาไม่ได้ละโว้ยยยยยย — ยังคงมี escitalopram ยืนพื้นดังเดิม แต่หมอสั่งให้เลิกกับ lamotrigine แล้วให้ไปจีบ olanzapine แทน เค้าจะชอบเลาไม๊อะแกกกก เลาอยากให้เค้าชอบเลา เลาเบื่อที่จะเปลี่ยนยาไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แบบนี้แล้ว เลาเบื่ออออออออ

    มีสิ่งนึงที่เราคิดว่าเราได้ยินหมอพูดก่อนจะจากกันครั้งล่าสุด เราว่าเราไม่ได้ฟังผิด เราว่าเราไม่ได้หูแว่ว ไม่ได้มโนไปเอง
    “เดี๋ยวผมเปลี่ยนยาให้ใหม่นะ ยาเดิมมันแรงไม่พอ”

    ยาเดิมมันแรงไม่พอ...ยาเดิมมันแรงไม่พอ...ยาเดิมมันแรงไม่พอ...ยาเดิมมัน ‘แรง’ ไม่พอ

    ตอนได้ยินก็ไม่ได้เอะใจอะไรหรอก เพราะก่อนจะพูด หมอกำลังสับสนอยู่ว่าจะเพิ่มยาอะไรให้เราดี ตอนแรกนางสั่งให้กิน escitalopram 2 เม็ดไปเลอออ เกร๋ๆ เราก็ทำหน้างงใส่นางแป๊บนึง คือเคยกินเม็ดครึ่งละไม่เวิร์คนะหมอ หมอคงลืม แต่สักพักนางก็นึกออก...มั้ง นางเลยสั่งให้กินเม็ดเดียวเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ olanzapine

    เราเอาชื่อยาไปกูเกิลดู มันถูกจัดอยู่ในจำพวกแปลกๆ ที่เราแปลไม่ออก อะไรวะ antipsychotic เลยเอาไปกูเกิลอีกที ก็สรุปได้ว่ามันเป็นยาโรคจิต ใช่ค่ะ คุณอ่านถูกแล้ว มันคือยาโรคจิต เราไม่รู้ว่ามันคือยาประเภทนั้นจริงๆ หรือว่าคนแปลใช้คำไม่ถูก แต่ก็ช่างมันเถอะ จะใช่หรือไม่ใช่ ยังไงเราก็ต้องกิน เพราะเราอยากหาย
  • อ้อ วันนี้มีเรื่องให้คิดเรื่องนึงด้วยแหละ—

    สถานที่เกิดเหตุ: ห้องแถวแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ
    ตัวละคร: หัวหน้า / เจน / แอนดี้ (นามสมมติ) น้องฝึกงาน / เฮนรี่ (นามสมมุติ) คนเช่าห้อง
    เหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ: ไปตรวจรับห้องเช่าคืนจากคนเช่า

    หน: เมื่อกี้เห็นมั้ยว่าตาเฮนรี่มันถือมีดในมือ
    เจน: ไม่เห็นนะ
    หน: ไม่เห็นเลยหรอ? แอนดี้ล่ะ เห็นไหม?
    อด: เห็นครับ
    หน: มีดเล่มเบ้อเร่อ ทำไมเจนมองไม่เห็น
    เจน: มีดที่วางอยู่บนโต๊ะที่เราเซ็นชื่อกันอะนะ
    หน: ใช่ เซ็นเสร็จแล้วเฮนรี่มันก็เอาไปถือ
    เจน: เห็นตอนเซ็น แต่พอเซ็นเสร็จก็ไม่ได้สนใจ
    อด: ผมเห็นเฮนรี่มันถือแกว่งไม่สนใจอะไรเลย
    หน: เออ เอามีดชี้นั่นนี่ เจนไม่เห็นเลยหรอ
    เจน: ไม่อะ
    หน: เป็นทนายอะ มันต้องระวังตัวนะ คนมีคดีกันอยู่ ต่อหน้าเห็นเค้าพูดจาดีๆ กับเรา ในใจเค้าอาจจะเกลียดเราอยู่ก็ได้ แม้เราจะไม่ได้ทะเลาะกับเค้าโดยตรง แต่บางคนมันก็ไม่แยกแยะนะ
    เจนและอด: ...(เงียบ)...
    หน: เจนไม่กลัวรึไง
    เจน: ไม่อ่ะ

    ถ้าหัวหน้ารู้ถึงสิ่งที่เรากำลังคิดอยู่ในหัวตอนนั้น หัวหน้าคงกรีดร้อง จับเรามัดมือมัดเท้า แล้วรีบขับรถพาเราไปหาหมอจิต

    ตอนที่ฟังหัวหน้าเทศน์อยู่นั้น ในหัวเรากำลังคิดภาพตัวเองโดนอิตาเฮนรี่จับเป็นตัวประกันแล้วเอามีดจี้คอ แม้ว่ามันจะเป็นมีดทำครัวที่มีรูปทรงไม่คูลเลย แต่เราก็รู้สึกดี ความรู้สึกเราตอนนั้นคือไม่กลัวเลยสักนิด เรากลับยิ้มอย่างดีใจ แล้วบอกอิตาเฮนรี่ว่า เอาให้ตายเลยนะคะพี่ ขอบคุณค่ะ ...เยี่ยมมากเจน เยี่ยมมาก หมอจิตจะต้องภูมิใจในตัวแก

    ดูสิ แม้ว่าเราจะไม่มีความรู้สึกอยากตายด้วยน้ำมือตัวเองแล้ว แต่เราก็ยังคงรู้สึกยินดีที่จะตาย (เออ เป็นคำที่ดี ชอบ ‘ยินดีที่จะตาย’ ใช่เลย นี่คือเรา) ถ้าใครมาทำให้เราตายตอนนี้ เราคงรักเค้ามาก จะไปเข้าฝันขอบคุณทุกคืนเลย ฮ่าๆๆ 

    เราว่าแต่ก่อนเราไม่เป็นแบบนี้นะ แต่ก่อนเรายังรู้สึกกลัวที่จะตาย กลัวว่าถ้าเราตายแล้วพ่อเราจะมาค้นห้อง แอบอ่านไดอารี่ที่เราเขียนถึงผู้ชาย แล้ววิญญาณเราก็จะรู้สึกอับอาย ไรงี้ แต่ตอนนี้ไม่มีเลย ตอนนี้อารมณ์มันแบบ ช่างแม่งดิ ใครจะทำไรก็ทำ กูจะตาย กูเบื่อออออ ไรทำนองนี้ 

    เราเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง แล้วถามว่าเราควรบอกหมอจิตไหม ทุกคนบอกว่า ควร ... เออ ค่ะ ทุกคนรักเจน
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in