เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
KyuMin FictionKwannoyz
'Ways to Say Goodbye'
  • KyuMin Short Fiction

    'Ways to Say Goodbye'

    ..

    (2 years ago..)

    .
    .
    .

    "ครับ..อยู่ที่หอน่ะ อืม..แล้วแต่คุณเลย" รอยยิ้มจางเผยบนเรียวปากของคนที่กำลังเอียงคอหนีบโทรศัพท์แนบแก้มพลางกระชับไทด์ของตนเองให้เข้าที่ไปด้วย ความที่ไม่ค่อยได้แต่งตัวแบบเป็นทางการเท่าไหร่ การผูกไทด์เส้นเดียวสำหรับซองมินจึงเป็นเรื่องลำบากเอาการ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลำพังแค่นัดกินข้าวกับผู้หญิง ซองมินก็คงเลือกจะสวมเสื้อโปโลกางเกงยีนส์กับหมวกใบเก่งสักใบ..

    แต่คงไม่ใช่สำหรับตอนนี้..

    ไม่ใช่อีกแล้ว..

    ลมหายใจเบาถูกผ่อนผ่านออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่นั่นคงไม่ได้ทำให้ปลายสายสนใจฟังเมื่อเธอยังเอ่ยสนทนาถึงมื้อเย็นของวันนี้ที่จะเต็มไปด้วยญาติพี่น้องและบรรดาเพื่อนสนิทที่เธอเรียกว่าเป็นนัดปาร์ตี้ส่งท้ายความโสด.. เสียงตอบรับในลำคอยังคงเป็นไป เมื่อว่าที่เจ้าสาวของเขาเป็นฝ่ายพูดแล้วจบหลายประโยคกึ่งคำถามนั้นเสียเอง เธอเป็นคนพูดเก่ง ร่าเริง และทำให้โลกของซองมินเปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันที่ได้พบกับเธอ..

    ซองมินคิดว่าเขาตกหลุมรักเธอ..

    และความรักของเราก็เดินทางมาจนถึงวันนี้..

    "ครับ..อื้ม แล้วเจอกัน" มือขาวผละโทรศัพท์ออกมาเมื่อคิดว่านั่นคือประโยคสุดท้ายที่เธอจะพูด แต่อีกสามคำสั้นๆที่แว่วมาให้ได้ยิน ก็ทำให้คนที่เกือบจะกดวางสายต้องรีบยกมือถือขึ้นมาในตำแหน่งเดิมอีกครั้ง..

    "ครับ..ผมก็รักคุณ"

    ใช่..ซองมินรักเขา

    ซองมินตัดสินใจแล้ว..ว่าจะรัก..

    .
    .
    .

    เสียงเข็มนาฬิกาบอกเวลาครบชั่วโมงในยามเย็น เรียกให้คนที่เคยนั่งทอดสายตามองรอบห้องได้รู้สึกตัวหลังจากนั่งเหม่ออยู่ครู่ใหญ่ ของใช้หลายอย่างถูกขนย้ายออกไปเมื่อซองมินไม่ค่อยมีเวลากลับมานอนที่หอพักบ่อยนัก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น..ห้องนี้ก็ยังเรียกความรู้สึกเดิมๆเหมือนทุกครั้งที่ได้กลับมา.. เสียงหัวเราะของทงเฮและฮยอกแจตอนที่พวกเรานั่งดูซีรีส์ด้วยกันหน้าทีวี คำบ่นแกมอ้อนของเรียวอุคหลังจากจัดรายการวิทยุเสร็จ เสียงโหวกเหวกของพี่ฮีชอลและพี่คังอินเมื่อโซจูหมดไปแล้วหลายขวด

    หรือแม้กระทั่งเสียงหาวหวอดของใครบางคน..ยามที่เจ้าตัวนั่งเล่นเกมส์ผ่านไปได้ค่อนคืน..

    ความรู้สึกเดิม..ยังถูกเติมเต็มได้เหมือนเคย..

    แต่น่าแปลกที่ซองมินกลับไม่ได้รับรู้ถึงความสุขเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว..

    ชั่วขณะของห้วงคำนึงที่ถูกดึงลงสู่ความว่างเปล่า เรียกอารมณ์วูบโหวงในอกจนคนที่นั่งลำพังทำได้เพียงผ่อนลมหายใจ ร่างน้อยลุกขึ้นยืนเมื่อรู้ว่าตนเองอาจยังไม่เข้มแข็งพอที่จะซึมซับความสุขเหล่านั้นได้เหมือนเก่า นัยน์ตากลมทอประกายน้ำบางยามมองไปรอบห้องกว้างแห่งนี้อีกครั้ง..

    "แล้วจะกลับมานะ.." เสียงแผ่วเบาที่เกิดขึ้นตอนนี้ ซองมินไม่แน่ใจนักว่าเขาพูดกับตนเอง..หรืออยากส่งผ่านประโยคนี้ไปถึงใครบ้าง และคงเป็นเพราะก้มหน้าปล่อยความคิดให้จมอยู่กับประโยคนั้นเสียนาน มือเล็กจึงหมุนลูกบิดให้บานประตูห้องนอนเปิดออกกว้างโดยไม่รู้ว่าตอนนี้..มีใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้า

    "..พี่ซองมิน" ใครคนนั้นเรียกให้ซองมินเงยหน้าขึ้นพร้อมแววตากลมที่เบิกกว้างในเสี้ยววินาทีที่รู้ว่าเจ้าของเสียงอันคุ้นเคยนั้นคือใคร..

    จะร้ายกาจเกินไปแล้ว ความบังเอิญ..

    "ไง..คยูฮยอน.." ท้ายคำเบาลงโดยไม่ได้ตั้งใจ เรียกความรู้สึกประหม่าให้เกิดกับคนที่ตอบรับคำทักทายแสนสั้นจากร่างสูงโปร่งซึ่งยังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มแปร่งปร่ากลายเป็นสิ่งที่ซองมินมอบให้อีกฝ่ายบ่อยขึ้นจนลืมไปแล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เราคุยกันดีๆ..คือเมื่อไหร่

    "..จะออกไปข้างนอกเหรอครับ" แววตากลมเสหลบสายตาที่ปรายมองตนเอง ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างไม่คิดปิดบัง

    "แล้วนี่..พึ่งกลับมาเหรอ" คงเป็นเพราะซองมินไม่ได้ตอบคำถามแรกของอีกฝ่ายด้วยคำพูด คนเป็นพี่จึงไม่อยากให้ความบังเอิญนี้สิ้นสุดลงตรงที่เขาไม่ได้เอ่ยอะไรกับคนตรงหน้า อย่างน้อย..ได้ถามกลับไปบ้างก็คงดีกว่าปล่อยให้ระหว่างเราสองคนมีเพียงความเงียบ ซองมินจึงจำต้องเงยขึ้นมองใบหน้าคมที่ติดจะอิดโรยน้อยๆนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

    ..พอได้เห็นกันใกล้ๆแบบนี้ นิสัยชอบสำรวจความเป็นไปของอีกฝ่ายก็เผลอแทนที่ความคิดวุ่นวายก่อนหน้าไปจนหมด ..ขอบตาตึงที่ดูก็รู้ว่าคงได้นอนแค่ไม่นาน ไหนจะเป้ใบใหญ่ที่หนักอึ้งบนบ่ากว้างนั่นอีก.. ใช่จะไม่รู้ว่าตารางงานของอีกฝ่ายแน่นมากขนาดไหน ทั้งละครเวทีเรื่องใหม่ และการโปรโมทเพลงจากอัลบั้มเดี่ยวที่ติดต่อกันหลายอาทิตย์ คงหาเวลาพักผ่อนได้ยากเต็มที แล้วยิ่งเป็นโจคยูฮยอนด้วยล่ะก็..

    คิ้วเรียวมุ่นลงพลางนึกค่อนขอดตนเองอยู่ในใจ..

    นั่นสินะ..เพราะเป็นโจคยูฮยอน..

    ซองมินถึงได้ปล่อยให้ตนเองคิดแทนเจ้าตัวเสียมากมายขนาดนี้..

    "..ครับ" คำตอบพร้อมแววตาคมที่ทอดมองมาเรียกให้ซองมินเม้มริมฝีปากเข้าหากันช้าๆ ก่อนจะเบนสายตาลงแล้วพยักหน้ารับ.. บทสนทนาของเราสั้นลงทุกครั้งที่เจอกันราวกับจะบ่งบอกถึงความสัมพันธ์บางอย่างที่เริ่มทิ้งระยะห่างออกไปไกลขึ้นทุกที ความสัมพันธ์ที่ซองมินเลือกเป็นคนเดินจากมา และปล่อยให้ความรู้สึกค้างคาอยู่แบบนั้น..

    ความรู้สึกที่ไม่เคยชัดเจน..ระหว่างเรา

    "อืม..พักผ่อนเยอะๆนะ" ในเมื่อได้พูดในสิ่งที่อยากบอกไปแล้ว ร่างน้อยจึงตัดสินใจส่งยิ้มพร้อมประโยคสุดท้ายและเอี้ยวตัวปิดประตูห้องนอนพลางลอบผ่อนลมหายใจในยามที่ไม่ต้องสบกับสายตาคู่นั้น.. แววตาคู่เดิมที่เคยทำให้ซองมินมีความสุขทุกครั้งที่ได้มอง กำลังเป็นแววตาคู่เดียวที่ทำให้ซองมินรู้สึกอึดอัดอย่างที่ไม่เคยเป็น..

    สายตาที่มองมาราวกับจะอ้อนวอนและสะท้อนความเจ็บปวดลึกๆแบบนั้น..

    .
    .
    .

    "เป็นห่วงผมด้วยเหรอ.." เสียงทุ้มเรียบเรื่อยจากคนด้านหลังทำให้มือน้อยที่กำลังผละออกจากบานประตูชะงักลงไป.. ซองมินเม้มริมฝีปากเข้าหากันทั้งที่ยังไม่ได้หันกลับมามองอีกฝ่าย..

    "ยังเป็นห่วงผมอยู่..งั้นเหรอครับ" คำถามของคยูฮยอนที่มาพร้อมเสียงแค่นหัวเราะเบาของเจ้าตัว ทำให้เปลือกตาของคนฟังปิดลงชั่วครู่อย่างพยายามข่มใจ หากซองมินไม่รีบออกไปจากตรงนี้..นี่คงกลายเป็นอีกครั้งที่เราสองคนต้องทะเลาะกันอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ทุกอย่างมักเริ่มต้นจากคำพูดเดิม และจบด้วยประโยคที่คล้ายกันเสมอ..

    'ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้'

    'พี่มีเหตุผลของพี่'

    'เหตุผลของพี่สำคัญกว่าความรู้สึกของผมหรือไง'

    'ใช่! ถ้าเข้าใจแล้วก็เลิกถามกันแบบนี้เสียที'

    'ผมไม่เข้าใจ!'

    'พี่เหนื่อยจะคุยกับนายแล้วคยูฮยอน'

    ราวกับภาพในห้วงความคิดถูกฉายวนซ้ำไปมา การปะทะกันทางคำพูดและแววตาเกรี้ยวกราดหลายต่อหลายครั้งทำให้ซองมินเลือกเป็นฝ่ายจบทุกคำถามด้วยวิธีที่ไม่เคยต่างกัน เพราะทางเดียวที่จะไม่เกิดเหตุการณ์เหมือนที่ผ่านมา คือการหนีไปให้ไกลจากคำถามเหล่านั้น..

    หนีจากทั้งคำถาม..และคนถาม..

    ไม่มีคำเอ่ยลาหรือตอบรับถัดจากนั้น เมื่อคนเป็นพี่เบี่ยงตัวหลบ หวังก้าวเพื่อให้พ้นจากเงาของคนตัวสูงกว่า และซองมินก็คงหนีได้อีกครั้งอย่างใจต้องการ หากไม่มีท่อนแขนกว้างของคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากกัน ยกมาพาดขวางกั้นไว้ในตอนนี้..

    ฝ่ามือใหญ่วางทาบบานประตูอย่างไม่เบาแรง ท่อนแขนที่ยกขึ้นมากักกันเรียกให้ซองมินต้องชะงักฝีเท้าลงพร้อมหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่ยังใช้สายตาแบบเดิมสบมอง การกระทำเอาแต่ใจที่หากเป็นคนอื่น..คงทำให้ความอดทนของซองมินลดน้อยลง ทว่าเมื่อเป็นคนตรงหน้าแววตากลมจึงทำเพียงแค่จ้องกลับแทนคำถาม

    สิ่งที่ซองมินคาดหวังย่อมไม่ใช่คำตอบที่น่าฟังจากคยูฮยอน เจ้าตัวอาจตัดพ้อด้วยประโยคที่ทำให้ซองมินเถียงไม่ได้ แล้วเลือกที่จะเดินหนีไปเหมือนทุกครั้ง แต่ถึงเป็นแบบนั้นซองมินก็พร้อมและยินดีตอบทุกคำถามด้วยถ้อยคำที่ทำให้คนรับฟังสะท้อนความเจ็บปวดออกมาผ่านแววตาได้ไม่ยากเย็น..

    ทว่าความร้ายกาจที่จงใจมอบให้ กลับเป็นดั่งคมมีดที่กรีดเอาความสุขในใจให้รินไหลพร้อมหยดน้ำตา..ทุกคราที่ต้องหันหลังจากไป

    "จะหนีกันอีกแล้วเหรอครับ.." ไม่ผิดจากที่คาดไว้.. ซองมินผ่อนลมหายใจเชื่องช้ายามปิดเปลือกตาลงในเสี้ยววินาทีที่พอคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถัดจากนี้ แต่เมื่อละทิ้งความอ่อนล้าและฉาบแววตาแข็งกร้าวเหมือนทุกที..

    ภาพของท่อนแขนที่เคยเป็นกำแพงกางกั้น..กลับหายไปจากสายตา

    ร่างสูงปล่อยมือลงข้างตัว ขยับปลายเท้าก้าวไปด้านหลังเพื่อหลีกทางให้คนมีธุระได้เดินไปจากเขาโดยง่าย คยูฮยอนมองร่างน้อยที่ยังยืนนิ่งก่อนจะฝืนส่งยิ้มเจือจางพร้อมความรู้สึกว่างเปล่าที่กัดกร่อนในใจทุกครั้งที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของคนตรงหน้า ..พี่ซองมินอยู่ในชุดที่ดูเป็นทางการกว่าทุกวัน ไม่บ่อยเลยที่คยูฮยอนจะเห็นอีกฝ่ายสวมเชิ้ตผูกไทด์ เพราะน้อยครั้งที่ว่านั้นก็มักเป็นเขาเองที่คอยตรวจดูความเรียบร้อยให้ และเสียงอุบอิบที่เคยบ่นว่าแต่งตัวแบบไหนก็ไม่สบายเท่าเสื้อโปโลกางเกงยีนส์ ก็เรียกรอยยิ้มจากคยูฮยอนได้เสมอ..แต่คงไม่ใช่กับตอนนี้

    นัยน์ตาคมทอดมองใบหน้าน่ารักของคนที่เคยยอมให้เขาดูแล ..พี่ซองมินผอมลง นั่นคือสิ่งแรกที่คยูฮยอนประมวลผลในความคิดได้ทันแม้จะเหนื่อยล้าจากการโหมงานหนักมาแทบทั้งวัน ภาพของร่างน้อยที่ยืนทอดมองห้องนอนกว้างของเรา ตรึงคนที่พึ่งเปิดประตูหอพักเข้ามาให้หยุดมองนิ่งนาน ..คยูฮยอนยังคงเชื่อในสายตาของตนเองเสมอนับตั้งแต่วันแรกที่ได้ยินคำพูดยืนยันการตัดสินใจจากปากของพี่ซองมิน ไม่มีคำปฏิเสธ ไร้การตอบโต้ใด แม้จะมีเพียงรอยยิ้มบางจากคนที่โค้งกายต่ำแทนคำขอโทษให้กับทุกคนที่อยู่ร่วมฟังคำอธิบายในวันนั้น ทว่าแววตาที่เคลือบคลอด้วยหยาดน้ำบางและเลี่ยงหลบไม่มองกันตลอดหลายชั่วโมง คือสิ่งที่ทำให้คยูฮยอนไม่คิดเปลี่ยนใจ..

    เขาไม่เคยเหนื่อยที่จะเรียกร้องเอาคำตอบแสนเจ็บปวดจากพี่ซองมิน ต่อให้คำพูดแบบเดิมจะเสียดแทงความรู้สึกจนอยากหันหลังให้กับความหวังอันริบหรี่ในหัวใจของตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นสายตาของอีกคน ประกายงดงามแบบเดิมที่คยูฮยอนชอบมองกลับยังสะท้อนเป็นเงาจางให้เห็น ..และหากนั่นเป็นเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้เขายังมีความสุขได้ในเวลานี้ คยูฮยอนก็จะไม่มีวันทิ้งความรู้สึกนั้นไป..

    ความเงียบที่เกิดขึ้น อาจดูคล้ายยาวนาน..แต่คงไม่มากพอจะทำให้ใครเข้าใจถึงความเจ็บปวดของอีกคน ซองมินก้มหน้าลงเพียงนิดเมื่อคิดว่าคยูฮยอนคงเหนื่อยเกินกว่าจะยอมให้เขามาทำลายเวลาพักผ่อนอันมีค่าของเจ้าตัว ร่างน้อยแค่นยิ้มบางในยามได้สบตาคนตรงหน้าอีกครั้ง ทว่าความหนักอึ้งในอกกลับบีบกลืนหลายคำที่ยังอยากบอกจนต้องกัดปาก..

    แค่เอ่ยคำลา ยังแสนยากเย็น.. สุดท้ายจึงทำได้เพียงเบี่ยงตัวมาอีกทาง..

    เมื่อมีเพียงทางเดินว่างเปล่าและประตูหอพักในสายตา เพราะเลือกแล้วว่าจะมอบความเจ็บปวดให้กับตนเองจึงได้เดินไปข้างหน้า แต่ละก้าวที่ไกลออกไป กลับแลกมาด้วยสายตาพร่าเลือนมากขึ้นทุกที คนเข้มแข็งจึงจำต้องกระพริบตาบ่อยครั้ง อย่างกลัวว่าทำนบความอ่อนแอที่พยายามปิดบังไว้จะไหลลงมา..

    ปลายเท้าหยุดลงเมื่อถึงหน้าประตูหอพัก พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ในมือที่ดังขึ้น ..ชื่อของปลายทางบนหน้าจอที่ย้ำเตือนสถานะและหน้าที่ใหม่เรียกให้คนมองลอบผ่อนลมหายใจเบา ..เธอกำลังรออยู่และซองมินต้องรีบไป

    ..ทว่าก่อนที่ปลายนิ้วจะทันได้กดรับสาย..

    วงแขนของคนที่ก้าวมาจากด้านหลังกระทั่งประชิดตัว..และรั้งทั้งร่างของซองมินเข้าหาอย่างสุดแรงจนแผ่นหลังแนบไปกับอกกว้าง..กลับตรึงให้คนที่คิดจะไป ทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่แบบนั้น..




    "อย่าไป.."




    เพียงเสียงทุ้มสั่นพร่าเอ่ยมาแค่ไม่กี่คำ..กลับทำให้ความเข้มแข็งพังทลายลงไปจนหมด..




    "อย่า..ทิ้งผม.."




    เปลือกตาเรียวปิดลงพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลเป็นทาง ซองมินกัดปากจนเจ็บเพื่อกลั้นแรงสะอื้นเมื่อปลายคางของใครอีกคนซบลงบนไหล่ เครื่องมือสื่อสารยังส่งสัญญาณเตือนความจริงที่ไม่อาจหลีกหนี ทว่าคนที่ยืนนิ่งในอ้อมกอดกลับทำเพียงทิ้งช่วงแขนไว้ข้างตัวแทนการยื้อเวลา..ครั้งสุดท้าย

    คยูฮยอนกระชับสองมือโอบคนตรงหน้าไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี นัยน์ตาคมแดงซ่านคลอหยาดน้ำยามรับรู้ได้ถึงร่างสั่นสะท้านในอ้อมแขน เอียงใบหน้าซบชิดข้างแก้มที่เริ่มเปียกเปื้อนด้วยคราบน้ำตา ..เขายอมเป็นคนเห็นแก่ตัว ที่ขอตักตวงความสุขในเวลาแสนสั้นนี้แม้รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องไป คยูฮยอนหลับตาลงซึมซับทุกความทรงจำแสนมีค่า นับตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาสู่โลกอีกใบ อุปสรรคมากมายที่ร่วมฝ่าฟันไป ทำให้เขาต้องการเพียงแค่ใครสักคนที่เข้าใจและคอยอยู่เคียงข้าง ใครหนึ่งคนที่มักสวมหน้ากากเฉยชาให้คนรอบตัว ทว่าคยูฮยอนกลับเป็นคนเดียวที่ไม่กลัวจะลอบมองรอยยิ้มน่ารักนั้นเพียงลำพัง..

    จากความเมินเฉยแปรเปลี่ยนสถานะระหว่างเราให้เป็นคนคุ้นเคยโดยไม่ต้องมีคำพูดอะไรมาจำกัดความหมาย ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาคยูฮยอนไม่เคยต้องเรียกร้องหาความหวังดี ไม่มีช่วงใดที่เขาเสียน้ำตาโดยไม่มีคำปลอบโยนจากใครคนนั้น ไม่มีวันไหนที่คยูฮยอนรู้สึกเหงา และแม้จะอยู่ชิดใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจ แต่ไม่มีคืนใดเลยที่เขาจะไม่คิดถึง..กระทั่งวันนี้

    วันที่เราต่างรู้ดีว่า..ต้องจากกัน..

    ปลายจมูกโด่งเกลี่ยซับความชื้นบนผิวเนียนแผ่วเบา สัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับเรียกให้ชายหนุ่มตรึงคนในวงแขนไว้แน่นอย่างหวงแหนความอบอุ่นนี้ พร้อมกับน้ำตาของคนสองคนที่หยดลงเชื่องช้าตามเสียงหัวใจ ..มืออีกข้างที่ไร้จากพันธนาการใด เลื่อนขึ้นมาทาบทับบนหลังมือกว้างที่ยังสอดประสาน หวังให้ความเจ็บปวดของคนที่ยังพักพิงร่างกันจะถูกท่ายเทมาให้ซองมินได้รับไว้เพียงคนเดียว




    "พี่..ต้องไป.."




    ฝืนใจเอ่ยทั้งเสียงสั่นพร่า อ้อมกอดถูกผละออกโดยคนเป็นพี่ที่ปลดฝ่ามือนั้นลงอย่างเชื่องช้า ซองมินไม่กล้าแม้แต่จะหันไปเผชิญหน้ากับคนข้างหลัง เพราะสิ่งเดียวที่จะรั้งเขาไว้ได้ ก็คงเป็นแววตาจากคนคนนี้เท่านั้น ..เกินพอแล้วที่คยูฮยอนจะเสียใจให้คนอย่างเขา มากมายแล้วกับความรู้สึกดีที่อีกฝ่ายมอบให้กันเสมอมา หากเวลาถัดจากนี้จะเกิดอะไร ซองมินก็ไม่เสียดายวันเวลาอันมีค่าที่ตนเองได้เก็บไว้ทั้งหมดแล้ว..ในหัวใจ

    "ขอโทษนะ.." คำขอโทษแผ่วเบาราวกับหยาดน้ำตาที่แห้งเหือดไปแต่ทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดไว้อย่างไม่อาจปิดบัง เขาไม่เข้มแข็งพอที่จะทำร้ายคยูฮยอนได้อีกต่อไป..

    ทว่าก่อนที่คนอ่อนแอจะได้พาตนเองออกห่างจากความสุขครั้งสุดท้าย..




    "พี่รักผมบ้างไหม.."




    ใบหน้าหวานผินลงอย่างจำนนต่อความจริงทุกอย่างที่กระจ่างชัดในหัวใจ มือน้อยยกขึ้นแตะบานประตูหอพักใหญ่ก่อนจะเปิดออกกว้าง..

    เพราะหนึ่งคนกำลังจะจากไป..และอีกคนยังคงเฝ้ารอคำตอบครั้งสุดท้ายอยู่ไม่ห่างกัน

    .
    .
    .

    บานประตูปิดสนิทลง..พร้อมกับร่างสูงของชายหนุ่มที่หมุนตัวเดินกลับไปยังที่ที่เป็นของเขา ตะกอนความเจ็บปวดลอยคว้างอยู่กลางอกในทุกย่างก้าวที่มีเพียงหยดน้ำตาเป็นเพื่อนข้างกาย ทว่าสัมผัสอบอุ่นราวกับมีใครอีกคนอยู่ใกล้กันกลับยังไม่จางหายไป แม้ไม่รู้ว่าจะพบความสุขแบบนั้นอีกเมื่อใด ..แต่คยูฮยอนได้จดจำทุกคำพูดไว้แล้ว

    ในส่วนที่ลึกที่สุด..ของหัวใจ..

    .
    .
    .




    "พี่ไม่เคย..ไม่รักนาย.."




    .
    .
    .

    ..

    (Few days ago..)

    .
    .
    .
    .

    เปลือกตาปรือขึ้นท่ามกลางแสงแดดที่สะท้อนผ่านผ้าม่านให้ชายหนุ่มได้รับรู้ว่าเช้าวันใหม่เดินทางมาถึงอีกครั้ง มือใหญ่ปลดผ้าห่มออกจากตัว ยันแขนลุกขึ้นนั่งและหันไปเอื้อมหยิบแว่นสายตา ทว่าสิ่งที่คว้ามาได้พร้อมตัวช่วยในการมองเห็น กลับเป็นกระดาษแผ่นเล็กที่มีลายมือของใครอีกคนปรากฏอยู่บนนั้น

    ..

    โจคยูฮยอน เจ้าของวันที่ 203
    มีความสุขมากๆนะ
    ต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงเสมอด้วยล่ะ

    ..

    คำอวยพรจากคนที่ห่างกันถูกส่งถึงมือเขาในวันสำคัญ แม้จะไม่ได้เดินไปด้วยกันจนสุดปลายทาง..แค่เพียงรับรู้ว่าความรู้สึกเดิมยังคงไม่ถูกลบลืมไปกับความทรงจำของวันวาน ก็เกินพอแล้วที่จะทำให้คยูฮยอนมีรอยยิ้มได้ในวันนี้..

    อาจรวมถึงวันพรุ่งนี้ และวันต่อไป..

    วันที่เรา..จะได้กลับมาพบกัน

    .
    .
    .




    เพื่อบอกรักกัน..อีกครั้ง..




    .
    .
    .


    ..


    End :)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in