เธอมักใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนๆพบปะ พูดคุย ท่องเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน ซึ่งทุกครั้งที่ถูกถามลึกไปถึงเรื่องของความรักแบบชู้สาวเธอมักจะตอบกลับว่า มันเป็นเรื่องส่วนตัว
"โห..แม่งขึ้นเลยว่ะ!"
เธอพูดด้วยสีหน้าท่าทางจริงจังคล้ายเวลาที่เธอถูกเหยี่ยวข่าวถามถึงเรื่องความรัก จากนั้นก็กลั้วด้วยเสียงหัวเราะเหมือนกำลังคุยในวงสนทนาระหว่างเพื่อนฝูงแล้วเล่าความในใจของเธอต่อไป
"อยากบอกว่าไม่อยากให้สังคมนั่งมามองพฤติกรรมดาราแล้วก็คิดว่าอยากเป็นอย่างคนโน้น อยากเป็นอย่างคนนี้ การที่เราพูดเรื่องส่วนตัวมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเพลงเรา เราอยากอยู่ตรงนี้ให้คนที่ดูเรามาเกี่ยวข้องกับเพลงเรา ไม่ได้อยากให้เกี่ยวข้องว่าบ้านเราอยู่ไหน พ่อแม่ชื่ออะไร แฟนคือใคร อะไรแบบนี้คือเราไม่ต้องการเลย เราไม่ให้ใครเข้าบ้านเลย เราอยู่ในบ้านของเราปลูกต้นไม้ทึบ เราอยากมีชีวิตส่วนตัวจริงๆเวลาที่เราไม่ทำงาน"
"เราปกป้องมันมาตั้งแต่วันแรกที่ออกอัลบั้มแรก ตอนนั้นเรายังอายุไม่ถึง 20 เลย เราขีดเส้นมันเอาไว้ อย่ามายุ่งกับเรา เราจะไม่ยุ่งกับคนอื่น ยุ่งกับเรื่องงานเท่านั้น ถ้าไม่อยากสัมภาษณ์ก็ไม่ต้อง เราจะไม่ง้อ ไม่ใช่ว่าไม่แคร์แต่ว่าเราก็มีเส้นของเราแบบนี้"
"ทุกคนสามารถทำได้นะแต่ต้องมีจุดยืนของตัวเอง ถ้าคุณบอกว่าเขามายุ่งละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว จริงๆลองคิดดูดีๆ ว่าคุณเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาล้วงคุณหรือเปล่า ทำไมปาล์มมี่ไม่โดนล่ะ ทุกวันนี้เวลาออกไปข้างนอกมีความสุขตรงที่ว่าไม่ได้มีใครมาเจ๊าะแจ๊ะ บางทีเราเดินหลังดาราแล้วเขาไม่รู้เราเป็นปาล์มมี่ด้วยซ้ำ"
"เพราะวันธรรมดาเราก็เป็นคนๆหนึ่ง เราเดินตามหลังดารา ดาราจะโดนพูดถึงอีกอย่างหนึ่ง เราเป็นคนธรรมดาเดินตามหลังอีกทีก็ได้ยินเสียงซุบซิบ เรารู้สึกว่าโชคดีมากที่ไม่ได้อยู่ในจุดเดียวกับเขา ยังครอบครองชีวิตความเป็นส่วนตัวเอาไว้ ซีลเอาไว้ได้ดีมากๆ เราจึงมีความสุข รู้สึกว่าเป็นพลังงานที่ทำให้เราออกมาทำงานตรงนี้ได้ต่อ"
"เพราะถ้าเราไม่มีเวลาอย่างนั้นเลย เป็นเหมือนดาราคนนั้นคงออกไปจากตรงนี้นานมากแล้ว เรารับไม่ได้ มันน่าสงสารนะ แต่บางคนอาจจะชอบ วิญญาณเขามันไม่ได้เป็นตัวเขาจริงๆ มันต้องทำอะไรให้คนข้างนอกมองเขาในแบบนี้ มันอึดอัด"
แต่จนแล้วจนรอดเธอก็โดนข่าวโคลนสาดจนได้ เรื่องที่เธอหายไปนานระหว่างพักช่วงอัลบั้มจนทำให้มีข่าวลือว่าเธอตั้งครรภ์
"เสียดายที่ไม่ได้ฟ้อง เพราะว่ามันมีชื่อเราเต็มๆ ไม่ได้เป็นอักษรย่อ แล้วก็หลายเล่มด้วย แต่ตอนนั้นคิดว่าโอเค เราได้มาเยอะก็คิดแค่นี้ เราทำงานตรงนี้มาความจริงทุกคนก็ต้องเห็น วันที่อัลบั้มออกเราก็ยังไปกระโดดโลดเต้นเปิดพุงให้ดูด้วยซ้ำไป"
"ความจริงกับความไม่ซื่อตรงอะไรมันจะอยู่ได้นานกว่ากัน เอาเป็นว่าทุกคนก็เข้าใจไปเองว่ามันไม่เป็นความจริง คิดว่าวิธีนี้มันน่าจะดีที่สุดแล้ว ก็อยู่ของเราแบบเงียบๆ เพราะชีวิตเราเรียบง่ายอยู่แล้ว เราเกิดมาจากที่ที่ไม่ได้เป็นใคร เราเกิดมาจากที่แบบนี้แล้ววันนี้มาได้แบบนี้ เราก็ถือว่าช่างมันเถอะ เงินอยู่ในกระเป๋าเราแฮปปี้ ได้เจอคนที่โอเคกับเรา แฮปปี้กับเสียงเพลงของเรา มีรอยยิ้มมอมให้เรา"
"คนเดี๋ยวนี้ไม่ได้อีเดียด เขาเห็นข่าวไม่จริงมาเยอะ คุณเขียนมั่วขึ้นมาเยอะ เราเห็นเยอะเหมือนกันที่คนเขาไม่ได้เชื่อ อย่ามาขายขนมเด็กอย่างนี้ดีกว่า มันตลก จะได้ไปสนใจเรื่องดนตรี วิชาการอะไรก็ทำไปเถอะไม่ต้องมาทำแบบนี้"
หากจะมองว่าเธอเป็นคนที่ต่อต้านสื่ออาจเป็นข้อหาที่หนักหนาสาหัสไป แต่เธอก็ไม่ได้เป็นพวกที่เสพติดข่าวแน่นอน ในยุคที่ข่าวสารเข้ามาจากทุกทิศทาง การรับข้อมูลข่าวสารอย่างพอเหมาะพอดีและวิจารณญาณเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับเธอแล้วน่าจะเป็นคนที่รับข้อมูลข่าวสารในระดับปานกลางค่อนข้างน้อยคนหนึ่ง
"หนังสือพิมพ์ไม่ได้อ่านเลย ไม่ได้อ่านมาเป็นเดือนๆ วันว่างบางทีก็ดูทีวี อย่างตอนนี้ที่เปิดมาดูบ่อยๆ ก็เรื่องประเทศโน้นประเทศนี้ วงการบันเทิงก็มีบ้าง ดูหนังบ่อยมาก ดูเยอะมาก ดูบ่อยที่สุดก็ 'Frida' เกิน 10 รอบ ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันมานี้เองนั่งดูกลางคืน พอตอนเช้านั่งดูอีก ชอบมากๆไม่รู้เหมือนกันเพราะอะไร ล่าสุดเราดู 'Prison Break' ไม่เคยดูซีรี่ย์เลย"
"เพื่อนไม่เชื่อว่าเราจะไม่ชอบดู ไม่เชื่อว่าจะดูไม่เป็น เพราะเราเป็นคนไม่ทำอะไรยาวๆ หนังสือก็จะอ่านอะไรสั้นๆ เอาให้มันไม่ต้องมาหนักอะไรตรงนี้มาก เพราะว่าเรื่องส่วนตัวเราให้รายละเอียดกับทุกอย่างเยอะมาก เป็นคนคิดเยอะแต่ว่าไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่ นั่งวิเคราะห์ตัวเอง...มันว่างไง”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงเจือเสียงหัวเราะ แต่เธอก็พูดถูก เพราะเมื่อเราได้อยู่คนเดียวเป็นเวลาช่วงเวลาหนึ่ง มันก็มีโอกาสให้ได้พูดคุยซักถามกับตัวเองมากขึ้นอย่างที่เธอพูดจริงๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in