เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Deliberate Gibberishnichised
Turn on the Write: ปลายทางของคนตาย
  • ฉันคิดถึงความตายในชีวิตประจำวันบ่อยเหมือนคิดว่าเย็นนี้จะกินอะไร

    ฉันคิดว่าอะไรจะเป็นสาเหตุให้ฉันตายได้บ้าง มันอาจเป็นราวผ้าม่านที่ร่วงใส่หัว มอเตอร์ไซค์ที่นั่งไปทำงานทุกวันโดนชนคว่ำ เพื่อนที่ทำงานที่เกลียดขี้หน้าฉันแอบวางยาพิษ ฉันคิดถึงความเป็นไปได้ที่ตัวเองจะตายตลอดเวลา


    แล้ววันนี้ก็มาถึง


    ตอนนี้ฉันอยู่ในนรก ฉันคิดมาตลอดว่านรกจะมีสกีมสีแดง หรืออย่างน้อยก็คุมโทนให้เป็นสีโทนร้อนแบบนรกในอุดมคติ แต่นรกที่ฉันมาเจอก็เหมาะสมกับคำว่านรกดี เพราะเป็นสีงานวัดที่ไม่มีอะไรเข้ากันเลย ไม่มีการลดความสดของสี เหมือนคนควบคุมคุณภาพของโรงงานผ้าของที่นี่คงจะขี้เกียจมาก ใครเทสีอะไรมาก็รับได้หมด ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันตายเพราะอะไร แต่รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่หน้าล็อบบี้ของนรกแล้ว (ฉันรู้ว่ามันคือนรกเพราะมีป้ายที่หน้าตาเห่ยพอกันบอกไว้) แต่ตอนนี้แค่เห็นสกีมสีของการตกแต่งภายในที่นี่อย่างน้อยถ้าฉันต้องตายอีกรอบ ฉันก็รู้ว่าฉันจะตายเพราะอะไร

    พนักงานต้อนรับของนรกก็ช่างมารยาทแย่ เป็นคุณป้าวัยใกล้เกษียณที่ควรจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน ป้าบอกให้ฉันเดินเข้าไปหาโต๊ะที่มีป้ายจองเอาเอง นี่ฉันเป็นบุคคลากร VIP ของนรกหรือนี่ มีคนล็อคที่ไว้ให้ด้วย

    ฉันเดินหาป้ายชื่อตัวเองอยู่นานจนเริ่มหิว แต่คนอื่นๆในงานเลี้ยงต้อนรับของนรก(?)ก็ยังไม่มา อะไรกันเนี่ย แม้แต่ในนรกคนก็ยังมาสายจนฉันเริ่มโมโหหิว เลยนั่งมันซะตรงโต๊ะที่ใกล้ที่สุด ถึงได้เหลือบไปเห็นว่า ป้ายชื่อฉันอยู่บนโต๊ะนี้ในที่นั่งถัดไป แต่สะกดชื่อผิดแทบทุกตัวอักษร แต่คำอ่านชื่อนามสกุลมันก็คือชื่อฉัน นี่คงเป็นที่ฉันเองนั่นแหละ

    ฉันนั่งรออยู่นานจนเบื่อจนเลิกหิว อยากจะนั่งหลับรอแต่ก็นอนไม่หลับ รู้ตัวอีกทีก็มีคนที่ฉันไม่คุ้นหน้ามากมายนั่งเรียงรายรอบโต๊ะ นี่มันช่างเป็นสถานการณ์น่าอึดอัด จริงๆแล้วผู้อำนวยการนรกนี่คิดมาแล้วสินะว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ฉันทรมาณยิ่งกว่ากระทะทองแดง

    ฉันต้องเข้าสังคมกับคนไม่รู้จักในงานเลี้ยงที่จัดในสถานที่หน้าตาน่าเกลียด แถมแต่ละคนยังไร้มารยาทอีกต่างหาก 

    ว่าแต่นี่ฉันตกมาในนรกสังกัดไหนกันนะ ฉันคิดพลางก้มลงมองหาอะไรก็ตามในป้ายชื่อที่ห้อยคออยู่ที่อาจบอกอะไรได้บ้าง ในบัตรประชาชนฉันเขียนไว้ว่าศาสนาพุทธ แต่ในเฟซบุ้คฉันเขียนว่า ‘Music is my religion’ เสมียนณในนรกอาจจะเล่นเฟซบุ้คนะ ฉันหวังว่าอย่างน้อยคนบนโต๊ะนี้ก็จะฟังเพลงคล้ายๆกัน


    ต้องเป็นเฟซบุ้คแน่ๆ เพราะสะกดตามชื่อฉันจากภาษาอังกฤษเป็นไทย ถึงได้เขียนทุกอย่างผิดแบบนี้

    ฉิบหาย ถ้าหากฉันสังกัดนรกศาสนาเพลงเข้าจริงๆ แล้วงานเลี้ยงต้อนรับเอาเพลง Viva La Vida มาเล่นสดเป็นเวอร์ชั่นบอสซาโนว่าล่ะ


    โอเค ฉันควรเลิกวิตกกังวลไปเอง โดยเริ่มจากหาคนคุยด้วย อย่างน้อยคู่สนทนาบนโต๊ะนี้คงไม่มีใครแย่ไปกว่าตัวฉันเองแล้ว ฉันมองไปรอบตัว ห้องจัดเลี้ยงเริ่มมีคนทยอยเข้ามา บนโต๊ะฉันมีเด็กผู้ชายนั่งอยู่หนึ่งคน จริงๆคือน่าจะเป็นวัยมหาลัย เมื่อคนเราเริ่มเติบโตเข้าสู่อีกช่วงอายุนึง วัยที่ผ่านมาก็คือเด็กทั้งหมดนั่นแหละ


    “สวัสดี เราชื่อเบล เธอจำได้มั้ยว่าตัวเองตายยังไง เราจำอะไรไม่ได้เลยอะ” โอโห ฉันนี่ช่างเป็นอัจฉริยะในการแนะนำตัว

    “สวัสดี เราชื่อบูม เราจำไม่ได้หรอกว่าตายยังไง แต่เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนใช่มั้ย ฉันก็มีเพื่อนชื่อนี้” ผู้ชายตรงหน้าดูเป็นเด็กมหาลัยจืดๆวัยใสทั่วไป ฉันจำไม่ได้ว่ารู้จักคนหน้าตาแบบนี้ แปลว่าอาจมี แต่ฉันจำไม่ได้

    “ไม่อะ ฉันก็มีเพื่อนชื่อนี้ แต่ถ้ารู้จักกัน ฉันก็ต้องจำหน้าเธอได้สิ ละในนรกนี่ก็น่าจะมีคนชื่อเบลกับบูมอย่างน้อยชื่อละสิบคนอะ"

    “แล้วถ้าเธอไม่เคยเห็นหน้าฉันล่ะ”

    ฉันทำหน้าบรรลุ ส่วนเขาทำหน้าเหมือนชิงโชคได้ซีดีจากเพจดัง


    จริงด้วย! นรกทำให้ฉันลืมการมีอยู่ของอินเตอร์เน็ตไปได้อย่างไร เมื่อนึกขึ้นได้ฉันรีบคว้าหามือถือเข้าแอพพลิเคชั่นนกสีฟ้าอันคุ้นเคยแล้วกดเข้าไทม์ไลน์เพื่อนสนิทในอินเตอร์เน็ตของฉัน (wifiนรกก็ช้าสมกับคำว่านรก)


    “นายคือ @boommiza327 ใช่มั้ย!!!” ฉันกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นระหว่างมองคนตรงหน้าควานหามือถือมากดหาชื่อคนที่เขาคิดเช่นกัน

    “เธอคือ @bubbellbubi จริงๆด้วย!!!!” เขาอ่านชื่อฉันว่า บับ-เบว-บุ-บิ แบบออกเสียง ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมที่นี่ถึงเรียกว่านรก


    ฉันกับบูมรู้จักกันมาเกือบสิบปีแล้วตั้งแต่ยุคที่เว็บประมูลยังไม่ตาย เฟซบุ้คและทวิตเตอร์ยังไม่เกิด เรียกได้ว่าเพื่อนอินเตอร์เน็ตวัยเด็ก บูมเป็นคนเชียงใหม่ ส่วนฉันเป็นเด็กกรุงเทพ เราจึงไม่เคยนัดเจอกัน ฉันคิดมาตลอดว่าชีวิตนี้ฉันจะไม่ได้เจอเขา ซึ่งเป็นความจริง เพราะที่ฉันเจออยู่นี่ก็เป็นตอนที่ฉันจบชีวิตแล้ว


    “เราดีใจนะที่อย่างน้อยเราก็ได้เจอกัน” ฉันพูดแบบทื่อๆพร้อมกับตาปลาตายมองตรงไปที่เขาและพยายามขยับมุมปากตัวเองให้ยิ้ม

    “ถึงอินเตอร์เน็ตในนรกจะช้า แต่เราก็คุยกันได้เลยเนอะ ฮ่าๆ” เขามองหน้าฉันด้วยสีหน้าที่นิ่งพอกัน เสียงหัวเราะแห้งแล้งเหมือนทะเลทราย (ฉันคิดมาตลอดว่าความร้อนแบบนรกเป็นร้อนชื้น) จนฉันมั่นใจว่าเราทั้งสองคนสัมผัสได้ถึงความกระอักกระอ่วนในระดับที่อาจเป็นสาเหตุการตายรอบที่สามของฉันได้ แต่เสียงไมค์จากพิธีกรก็ดังขึ้นช่วยชีวิตพวกเราไว้

    “เอาล่ะค่ะ ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่นรกสังกัดศาสนาเพลงนะคะ ดิฉันไม่คิดจริงๆค่ะว่าเราจะมีเพื่อนร่วมศาสนามากมายขนาดนี้ ดีใจที่พวกเราจะได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกันนะคะ สำหรับคลาสนี้ พวกเราจะได้อยู่ร่วมกันไปอีก8ปีนรกค่ะ 1ปีนรกก็ประมาณ 2.38 ปีตอนมีชีวิตนะค่ะ” พิธีกรเสียงแหลมแสบหูในชุดสีเลวพอๆกับการตกแต่งภายในที่พูดคำว่า ‘นะค่ะ’ แบบผันเสียงถูกต้องตามวรรณยุกต์ที่คนมักเขียนผิด นี่ฉันต้องเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่จริงๆหรอ 


    เอาเถอะ อย่างน้อยฉันก็มีเพื่อนที่รู้จักกันมาครึ่งชีวิต แต่เจอหน้าแล้วทำตัวไม่ถูกจนอยากจะหนีไปนั่งใต้โต๊ะ แถมต้องติดแหงกกับมันไปอีก 19.04 ปีตอนมีชีวิต นี่มันนรกโดยสมบูรณ์แบบ ฉันผิดไปแล้วที่คำนวนว่าตัวเองจะตายอย่างไรวันละ178ครั้งต่อวัน แต่ทำไมไม่เคยคิดเลยว่าตายแล้วต้องทำไงต่อ โอโห ทำไมชีวิตหลังความตายถึงได้ยากแบบนี้ คนเราสามารถตายแล้วตายอีกได้มั้ย ฉันสัญญาว่าจะตั้งใจเป็นพลเมืองนรกที่ดี เผื่อตอนตายอีกรอบจะได้ขึ้นสวรรค์กับเขาบ้าง

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in