เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
That moment when..ppatricia
สติเป็นสิ่งที่เราควรจะมีติดตัวไว้เสมอ (แม้แต่ตอนไปกินบอนชอน)
  • เรื่องมันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วนะ แต่มานึกถึงทีไรมันก็ตลกในความเด๋อของตัวเองอ่ะ เราไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้มันจะเข้าข่ายเรื่องตลกมั้ยในความคิดคนอื่นๆ แต่สำหรับตัวเราเราคิดว่ามันก็ตลกในระดับนึงเลยอ่ะค่ะ5555555555555555


    มันเริ่มมาจากมีอยู่วันนึงเราไปนั่งรอเพื่อน(เพื่อนเราทำงานnight shift เลิกประมาณเที่ยงคืนครึ่ง) เพื่อกลับบ้านด้วยกัน ก็ไปนั่งรอที่บอนชอน สาขา Fifth Avenue ใกล้ๆกับตึก Empire State (บอนชอนในNYCน่าจะมีประมาณสามหรือสี่สาขานี่ล่ะค่ะ แต่เราว่าสาขานี้ตกแต่งร้านดี+บรรยากาศน่านั่งสุด) อันนี้จำได้แม่น เพราะว่าสาขานี้มันใกล้ร้านอาหารที่เพื่อนเราทำงานอยู่ บวกกับตอนนั้นก็ห้าทุ่มกว่าๆแล้ว ก็คิดว่ารอนี่แหละ ปลอดภัยและอร่อยแน่นอน


    ก็เดินดุ่มๆเข้าไป พนักงานก็พาไปนั่งตามปกติ เราก็สั่งอาหารตามปกติ ที่สั่งไปตอนแรกคือสั่งน่อง(drum size s ซึ่งมี5อัน) กับเฟร้นฟรายแล้วก็โค้ก พนักงานก็จดออเดอร์ไปตามเรื่องตามราว สักพักเดินออกมาพร้อมกับแก้วโค้กแล้วก็บอกเราว่าน่องหมด เอาเป็น wings or strips แทนได้มั้ย ละคือสองอย่างหลังที่ให้เลือกต่อให้เป็นsize sที่เล็กที่สุดแล้วมันก็จะมีทั้งหมดสิบอันอ่ะค่ะ ซึ่งเราคิดว่าเรากินไม่หมดแน่ๆ ไหนจะเฟร้นฟรายอีก แต่ก็คิดว่าเออถึงไม่หมดก็เอากลับบ้านได้ สุดท้ายก็เลยสั่ง strips size s half & half ไป 


    สั่งเสร็จก็นั่งรอออเดอร์ไปเรื่อยๆ มองดูบรรยากาศข้างนอกข้างในร้านไปเรื่อยเปื่อย คือคืนนั้นที่ไปกินคนไม่เยอะเลยนะคะ มีอยู่สองสามโต๊ะเองมั้ง(ไม่รวมโต๊ะเรานะ) แถมสาขานี้เปิดถึงตีสองเลยนะ นี่ยังไม่เที่ยงคืนเลย มันจะรีบหมดไปไหนวะ *คิดในใจอย่างเก้วกราดเพราะส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบแทะน่องมาก*

    บรรยากาศในร้านก็จะมืดๆนิดนึง 

    ด้านในร้านถือว่าโอเคเลยค่ะ สลัวๆหน่อยมีเทียนอันเล็กๆวางอยู่ตามโต๊ะ เหมาะจะมานั่งเดท นั่งดื่ม นั่งแทะไก่(ท่ามกลางความมืด)พอสมควร มีทีวีอยู่สองจอ จอนึงเปิดเพลงเกาหลี(ตอนนั้นกะลังเปิดเอ็มวีเพลง Stay with me ของ Chanyeol & Punch ที่ประกอบซีรี่ส์ที่พิกงยูเล่น/จำชื่อเพลงได้ จำชื่อคนร้องได้ จำชื่อพระเอกได้ แต่จำชื่อเรื่ิองไม่ได้55555555555555)  ส่วนอีกจอเหมือนจะรีรันกีฬาอะไรซักอย่างอยู่ น่าจะNFLแหละ ไม่ค่อยได้สนใจจอซ้ายค่ะ สนแต่จอขวา


    รอประมาณสิบกว่านาทีพนักงานก็เอาเฟร้นฟรายมาเสิร์ฟหลังจากนั้นก็ตามด้วยไก่อย่างที่สั่ง โอเคกำลังจะได้ฤกษ์กินล้ะ แต่สายตาดันหันไปเห็นโต๊ะข้างๆและโต๊ะด้านหน้า มีกระป๋องใส่กระดูกวางอยู่ เรียกกระป๋องนี่ถูกแล้วมั้ยไม่รู้ (ปกติบอนชอนจะมีกระป๋องสำหรับใส่กระดูกไก่ที่แทะแล้วไว้ให้ลูกค้าใช่ป่ะคะ/ถ้าเราจำไม่ผิดสาขาที่ไทยนี่คือจะวางไว้ให้ที่โต๊ะตั้งแต่แรก) เอาเป็นว่าทุกโต๊ะที่มีคนนั่งในร้านมีกระป๋องอยู่บนโต๊ะหมดแต่โต๊ะเราไม่มี แล้วทันใดนั้นในสมองเราก็ประมวลความคิด(เด๋อๆ)ขึ้นมาเองอย่างรวดเร็วว่า เอ๊ะ คนอื่นได้ชั้นก็ต้องได้สิ! ทำไมชั้นไม่ได้อ่ะ และเสียงสองในสมองก็แทรกขึ้นมาว่า 



    ไม่ได้ก็ต้องขอสิ! 


    เท่านั้นแหละค่ะ เราก็โบกไม้โบกมือเรียกพนักงานผญที่ยืนอยู่หน้าร้านให้มาหาเราหน่อย(เป็นคนเดียวกะที่มาเสิร์ฟไก่ให้เรา) เค้าก็เดินมา Yes? เราก็ยิ้มหวานให้ทีนึงแล้วก็ Can I have a little bucket? เค้าก็ทำหน้างงนิดๆ เหมือนจะถามเราว่าจะเอาไปทำอะไรอ่ะ แต่เค้าก็พยักหน้าว่าได้แล้วก็เดินไปหลังร้านไปหยิบมาให้เรา


    ซึ่งตอนนั้นเราก็ยังคิดไม่ได้นะว่าเค้าทำหน้างงทำไมวะ ก็สั่งไก่มาตามปกติ แต่ไม่ยอมให้กระป๋องมาแล้วจะให้กระดูกที่แทะแล้วไปไว้ไหนอ่ะ นี่เราไม่ได้เรื่องมากเลยนะ จริงๆเราไม่สมควรจะต้องขอด้วยซ้ำ เป็นพนักงานต้องรู้หน้าที่สิ *บ่นในใจอย่างไม่หยุดหย่อน*



    พอเค้าเดินเอากระป่องที่เราต้องการมาให้เราก็ขอบคุณไปตามเรื่อง ละก็จะได้ฤกษ์กินอย่างเป็นทางการละ เอาส้อมจิ้มไก่ชิ้นแรกเข้าปาก โฮ้ย ฟินเว่อ กรอบ อร่อย soy garlic sauce มันดีอะไรขนาดเน้!


    เคี้ยวไปชิ้นที่หนึ่ง ชิ้นที่สอง พอจิ้มชิ้นที่สามขึ้นมาได้ เหมือนสมองจะเริ่มทำงานแบบจริงจังขึ้นมา(อย่างไม่มีเหตุผล)แล้วว่า อีสองชิ้นที่กินไป และอีชิ้นที่สามที่กำลังจะเข้าปาก มันเป็น strips...

    .
    .
    .
    .
    .
    .
     

    strips


    เป็นไก่ไม่มีกระดูกไง


    แล้วที่ขอกระป๋องเค้าคือชั้นขอมาใส่อะไรรรรรรรรรรรรร


    okay, now I get why she had that look on her face.


    ก็นั่นแหละค่ะ ถ้ามีสติมากกว่านั้นหน่อย ไม่ได้มัวแต่มองโต๊ะชาวบ้าน ไม่ได้เอาแต่ฟังเสียงหนึ่่งเสียงสองในหัวตัวเอง ไม่ได้ใช้แค่ความเคยชินที่ผ่านมา(ที่ปกติจะสั่งน่องมาแทะตลอด) มันก็จะไม่ต้องมาเจอสถานการณ์เด๋อๆที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้นมาแบบนี้หรอก55555555555555555



    เหตุการณ์หลังจากนั้นประมาณห้านาทีก็คือเราเรียกพนักงานคนเดิมมาอีกรอบ คืนกระป๋องเค้าไปล้ะก็บอกว่า Sorry, I just realized that I ordered chicken strips. I don't really need this little bucket. 


    ซึ่งเค้าก็ดีใจหาย ยิ้มบอกเราไม่เป็นไรค่ะ เค้าบอกว่าเค้าคิดว่าเราอาจจะเข้าใจว่าที่เค้าเอามาเสิร์ฟเป็นน่องเหมือนที่สั่งไปตอนแรกไรงี้/ซาบซึ้งใจในฟามพยายามจะทำให้เรารู้สึกเด๋อน้อยลงของเค้ามากค่ะ55555555555555555

    หน้าตามื้อดึกตอนห้าทุ่มกว่าๆที่ไม่ได้ถ่ายให้มันออกมาดูดีอย่างที่มันควรจะเป็นเลยแม้แต่น้อย


    ก็เป็นอันว่ามื้อนั้นเรากินไก่ไปห้าชิ้น เฟร้นฟรายครึ่งจาน แล้วก็โค้กอีกสองแก้วก่อนจะเอาทุกอย่างที่กินไม่หมดห่อกลับบ้านไปตามที่คิดไว้ตอนแรกกก/ถ้าตัดเรื่องที่เราบ้าจี้ไปขอกระป๋องเค้ามาแล้วไม่ได้ใช้ มื้อนี้ก็เป็นมื้อที่ึดีและคุ้มค่า ไม่แพงมากถ้าเทียบกับร้านอื่นๆแถวๆนั้น (สามอย่างนี้รวมกันประมาณ$25) และถึงจะไม่ได้กินน่องอย่างที่อยาก แต่ก็ถือว่าเป็นมื้อดึกที่อร่อยมากๆมื้อนึงของเราเลยค่ะ







    จากฟามเด๋อๆด๋าๆในครั้งนี้ก็สรุปได้ว่า บางอย่างที่เราเห็นว่าคนอื่นเค้ามีกันทุกคน เราก็ไม่จำเป็นต้องมีเหมือนเค้าก็ได้นะคะ เพราะมันก็ไม่ใช่ว่าเราจะได้ใช้ประโยชน์จาก สิ่งๆนั้นได้เหมือนกับที่คนอื่นๆเค้าใช้กัน 

    ยกตัวอย่างก็กรณีการขอกระป๋องใส่กระดูกจากร้านบอนชอนของเรา(ผู้ที่สั่งไก่ไม่มีกระดูกไป)เป็นต้นค่ะ55555555555555555555















Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in