ตาดวงเดิมคู่นั้นอบอุ่นเหลือเกิน
"นี่ Ashton kusher แมวของพี่ชายเราเอง"
แม้ผมจะแปลกใจที่จะมีใครสักคนตั้งชื่อยาวเหยียดให้กับสัตว์เลี้ยงตัวเอง แต่ผมกลับรู้สึกปกติเมื่อเรื่องนี้หลุดออกมาจากริมฝีปากสี old rose ของเธอ
หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ เธอมักจะเล่าเรื่องเหนือธรรมชาติให้ผมฟังเสมอ และตัวผมที่มักเป็นผู้ฟังเรื่องมากมายจากเธอไม่แปลกใจ
รอยยิ้มที่แสนอบอุ่น เช่นเดียวกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่หรี่ลงอย่างมีความสุข
ทุกอย่างเหมือนเดิมเว้นเสียแต่เรื่องหนึ่ง ที่เปลี่ยนไป
นั่นคือ เราทั้งคู่ต่างมีคนรักเป็นของตัวเองแล้ว
เธอกับฉัน ความทรงจำมากมาย
เป็นไปได้ไหม ที่คนเราจะแอบรักใครสักคนได้ถึง 8 ปี
ย้อนกลับไปวันที่เราเจอกันวันแรก เธอเป็นเด็กที่เพิ่งสอบเข้ามาใหม่ยังโรงเรียนรัฐบาลแห่งนี้ ทั้งใสซื่อ บริสุทธิ์ เฉกเช่นเดียวกับโบว์สีขาวบนผมหางม้าสีดำเข้มของเธอ
ท่ามกลางสนามฟุตบอลที่ร้อนระอุของโรงเรียนรัฐบาล แถวเคารพธงชาติที่บิดเบี้ยว ผมมิอาจละสายตาจากเธอได้แม้แต่นิดเดียว เธออยู่ห้องเรียนเดียวกับผม ทำให้ผมยืนข้างเธออย่างหลีกไม่ได้
ฉับพลันที่เราจ้องตากัน นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองมาที่ผม
ความอบอุ่นที่ผมได้รับจากดวงตาคู่นั้นถูกส่งมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าเยาว์วัย
"เราชื่อนิ้ง เธอหล่ะ?"
"สวัสดีนิ้ง" ผมทักแชท msn ไปหาเธอในวันหนึ่ง กึ่งกลางเทอม1 ของชั้นม.4
เพราะความกล้าและบ้าบิ่นในวันนั้น ทำให้ผมกับเธอได้คุยกัน
เราทั้งคู่คุยกันเรื่องชีวิตประจำวัน เรื่องไร้สาระ เรื่องทั่วไป จนเธอกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกวันที่กลับมาบ้าน ผมรีบเปิดคอมพิวเตอร์แล้วส่งข้อความหาเธอ
เป็นครั้งแรกที่ตัวผมรู้จักกับคำว่า ' คิดถึง '
การเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเธอ พัฒนาให้เกิดความรักที่ก่อตัวในใจผมอย่างเงียบงัน จากที่เคยเจอกันในห้องและสามารถทักทายได้อย่างราบรื่น กลายเป็นความเขินอายแม้เห็นเพียงปลายผมของเธอ
จนสุดท้าย เราแทบไม่พูดคุยกันในชีวิตจริงเลย
ไม่อยากจะขอ ให้เวลานี้เป็นของเรา
เขาเป็นเพื่อนร่วมห้อง
ผมแค่เดินเข้าไปถามในวันพุธ ที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ
เราสามคนหลบฝนอยู่ในอาคารเรียน แววตาที่เขามองเธอไม่อาจทำให้ผมคิดเป็นอื่นได้
"ใช่แล้ว เรากับไกด์เป็นแฟนกัน"
เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางสมองของผม ทุกอย่างกลายเป็นความว่างเปล่า ไม่อาจรับรู้ต่อสิ่งใด แม้กระทั่งน้ำตาที่ปะปนกับละอองฝน แต่สิ่งเดียวที่ผมรับรู้ได้คือผมอยากจะหนีออกจากที่แห่งนั้น
ทำไม
ผมไม่อาจตอบคำถามที่ไร้คำตอบในใจผมได้
เป็นผมเอง ที่อ่อนแอ
เป็นผมเอง ที่ไม่อาจเอาชนะจิตใจของตัวเองได้
เป็นผมเอง ที่ขี้ขลาดเกินกว่าจะรักเธอสุดท้าย
เป็นผมเอง ที่ช้าเกินไป
ทุกคนสังสรรค์กันราวกับเป็นวันสุดท้ายของโลก
"วันนี้นิ้งสวยมากเลย"
เธอส่งยิ้มขอบคุณตอบกลับผม แววตาที่อ่อนโยนเหมือนกับวันแรกของชีวิตม.ปลายที่เราได้พบกัน ยังคงเหมือนกับวันสุดท้าย
ผมอาจพบเจอเธอเป็นครั้งสุดท้าย ในสถานการณ์ของความก้ำกึ่งระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่
สถานการณ์ที่ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ ไม่ใช่ตรรกะ
เธอกอดร่ำลาเพื่อนในห้อง เวลา 5 ทุ่ม
ผมรวบรวมความกล้าที่ผมมี ความกล้าที่ควรจะมีมานาน แต่ผมกลับไร้ซึ่งความกล้าในวันที่สมควรมีมันมากที่สุด
"นิ้ง เราขอกอดหน่อยสิ"
ราวกับโชคชะตาเข้าข้างผมในรอบหลายปี ไกด์ไม่อยู่พอดี
เธอยิ้มอย่างอบอุ่น พร้อมกับสวมกอดผมอย่างหลวมๆ แม้เป็นระยะเวลาที่สั้น แต่ผมกลับจดจำกลิ่นน้ำหอมบนชุดราตรีได้อย่างแม่นยำ
ผมซุกหน้าลงบนไหล่เล็กของเธอ
"เรารักนิ้งนะ"
ไม่อยากจะถาม ว่าเราจะเหมือนเดิมได้ไหม
กลิ่นน้ำหอมบนชุดราตรีไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำผม
เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว จากวันนั้นผมเรียนรู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง และสามารถมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่งได้
แต่แววตาสีดำ ไม่อาจทดแทนแววตาอบอุ่นสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นได้เลย
ผมรักเธอ เช่นเดียวกับคนรักที่พึงปฏิบัติ
แต่แค่มีเศษเสี้ยวหนึ่งในความรู้สึกผม ที่คอยย้ำเตือน และทิ่งแทงใจผม
แค่อยากให้รู้ ที่ผ่านมานั้น
"วันนี้เราจัดแสดงโปรเจคจบ มาเจอกันหน่อยสิ" เพื่อนคนหนึ่งในห้องเรียนส่งข้อความมาในแชทกลุ่มห้อง LINE
"เอาสิ" ชื่อของผู้ที่พิมพ์ตอบกลับคนหนึ่ง ทำให้ผมตัดสินใจเดินทางไปดูงานจัดแสดง
ผมเจอเธออีกทีในวันที่เราทั้งคู่ต่างมีคนรัก
เธอยังคงคบกับไกด์อยู่
"ไงนิ้ง"
"หวัดดี" ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหรี่ลงอย่างอบอุ่น เป็นแววตาที่แสดงถึงความคิดถึงเพื่อน
เพื่อน
เราทั้งคู่คุยกัน แม้จะไม่มากเท่าแต่ก่อน แต่บทสนทนาทำให้ผมนึกถึงวันเก่าๆที่พวกเราหัวเราะด้วยกัน
เธอดูโตขึ้นในความทรงจำของผม ใบหน้าที่เหนื่อยล้าจากวิจัยจบของเธอ รวมกับสีผมที่ถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลเข้ม
เราทุกคนล้วนโตขึ้น
ในวันที่ตรรกะเอาชนะความรู้สึก
ฉันคิดถึงเธอสุดหัวใจ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in