เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Himmechumh
C
  • ผมไม่เคยตามหาเขา หรืออาจจะเคยแต่เป็นเพียงการตามหาเขาในก้อนความทรงจำเก่าเก็บในช่วงเวลาที่ความคิดถึงอดีตตัดสินใจโจมตีผมในค่ำมืดดึกดื่นของคืนธรรมดาๆ สักคืนหนึ่งในช่วงชีวิตที่ผ่านมาเท่านั้น

    จนกระทั่งวันนี้ ในบาร์เก่าคร่ำคร่าแทบไม่มีผู้คน เงียบเชียบจนเสียงแก้วกระทบกันจากบาร์เครื่องดื่มชัดเจนเกินจะละความสนใจ พื้นไม้ที่เต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลาถูกขัดจนขึ้นเงาสะท้อนแสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟฝุ่นเกาะที่แขวนเพดานอย่างโดดเดี่ยวอยู่กลางร้าน 

    ในวันแบบนี้ 

    สถานที่แบบนี้ 

    ผมพบเขาอีกครั้ง

    ชั่วขณะที่สบตาเหมือนได้กลับไปอยู่ในช่วงเวลานั้นอีกครั้ง เสียงดนตรีจากตู้เพลง เสียงผู้คนจอแจวุ่นวาย ณ ที่แห่งนั้นดังขึ้นจากความทรงจำพร่าเลือนที่ถูกกลบเก็บเสียจนแทบค้นหาไม่พบ 

    ในบรรดารายละเอียดที่ถูกรื้อขึ้นมา มีเพียงเขาตรงหน้าและตัวผมตรงนี้ที่ดูจะชัดเจนกว่าอะไรทั้งหมด

    ถ้าผมเดินเข้าไปพร้อมเบียร์หนึ่งแก้ว พยายามบอกเขาว่าผมชอบเพลงที่กำลังเปิดอยู่ แม้ความเป็นจริงจะมีแต่เสียงก๊องแก๊งของการขยับขวดเหล้าจากบาร์เท่านั้นที่แทรกขึ้นมาในความเงียบขณะนี้ เขาจะทำหน้าอย่างไร เขาจะยังจำได้ไหมว่าเหตุการณ์คลับคล้ายกันนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ผมไม่กล้าที่จะคาดหวัง

    อย่างไรก็ตาม เขาเพียงแค่ขมวดคิ้วจ้องผมกลับเมื่อเห็นว่าผมมองเขานานเกินกว่าที่ควรเป็น เขาอาจคิดว่าผมกำลังมองหน้าหาเรื่อง แน่นอนว่าผมเองไม่อยากถูกหมัดใหญ่ๆ ของเขากระแทกเข้าที่หน้าเหมือนกัน

    ผมถอนหายใจ ยกแก้วเบียร์ในมือขึ้นดื่มจนหมดแก้ว วางเงิน กำลังจะลุกจากเก้าอี้ เสียงทิ้งตัวบนเบาะตรงข้ามดังขึ้นดึงความสนใจพร้อมกับร่างยักษ์ที่ปรากฏตัวตรงหน้า 

    ผมจำดวงตาคู่นั้นได้ไม่มีผิดเพี้ยน แม้จะดูโศกเศร้าลงกว่าครั้งสุดท้ายที่ผมเห็น แต่ดวงตาคู่นั้นยังคงมองมาด้วยสายตาที่เคยมองผมในเช้าวันหยุดที่แสนสงบ พร้อมรอยยิ้มเผยฟันเขี้ยวน่าเอ็นดูของเขา และรอยไฝที่ยังคงกระจัดกระจายอยู่บนใบหน้านั้นราวกับกลุ่มดาว

    "ตั้งใจจะพูดว่าผมชอบเพลงนี้ แต่เขาดันไม่เปิดเพลง" ผมฟังประโยคที่เขาเอ่ยออกมาอย่างล้อๆ แล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้

    นี่ผมต้องดีใจขนาดนี้เลยรึไง

    *

    "เจ้าตูบหมายเลขสี่" บทสนทนาหลังผ่านแอลกอฮอล์แก้วแล้วแก้วเล่าดันมาจบที่เรื่องของสัตว์เลี้ยงของผมเสียอย่างนั้น

    "หมายเลขหนึ่งคือเจ้าตูบที่คุณเคยรู้จัก หมายเลขสองคือคุณ ถัดจากนั้นก็สามและสี่" ผมชูนิ้วตามหมายเลขที่ตัวเองขานออกมา ไม่ว่าชูถูกหรือผิดก็ตาม เขายังคงเท้าคางพยักหน้าเออออไม่ขัดอะไร ถือว่านั่นแปลว่าสติของผมยังครบถ้วน

    "แล้วทำไมไม่เลี้ยงหมาจริงๆ ซะทีล่ะ" ผมยักไหล่

    "แค่ชอบ แต่ไม่อยากเลี้ยง ไม่ชอบเวลามันเห่า"

    "ไม่ชอบที่มันเห่า... เพราะว่ามันเห่า" พยายามนับว่าตัวเองพูดคำว่าเห่าไปกี่ครั้งแล้ว

    "ทำไมตอนนั้นคุณหายไป" จู่ๆ เขาถามขึ้นมา แม้จะคาดอยู่แล้วว่าเขาคงถาม ถ้าผมไม่ได้สำคัญตัวผิดเกินไปนัก แต่พอเขาดันถามขึ้นมาจริงๆ กลับคิดอะไรไม่ออก นี่ผมควรปลื้มใจไหม 

    "ทำไมตอนนั้นถึงหายไป" ทวนคำถามกับตัวเอง พยายามไล่เรียงเหตุผลดีๆ ที่ตอบออกไปแล้วเขาจะไม่โมโหจนกลายเป็นยักษ์เขียวหรืออะไรทำนองนั้นแล้วถล่มบาร์ที่ใกล้พังแหล่มิพังแหล่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง

    ผมอาจจะใช้เวลาคิดนานเกินไป สุดท้ายเขาชวนผมออกไปเดินเล่นท่ามกลางความมืดของท้องถนนที่แทบไม่มีไฟทาง ดูเหมือนย่านร้างที่ผู้คนอพยพหนีจากเหตุทุพภิกขภัยในหนังภัยพิบัติที่ใกล้จะเป็นจริงขึ้นทุกวัน

    เขาไม่ได้พูดอะไรแค่เดินเงียบๆ ใช้ความคิดกับตัวเองไปเรื่อยๆ ผมเองยังจัดการกับคำตอบของตัวเองไม่เรียบร้อยดี เขาให้เวลา ไม่ได้เร่งรัดอะไร

    แม้รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าผ่านคืนนี้ไป ผมและเขาจะไม่มีทางได้พบกันอีกครั้ง

    *

    แน่นอน ไม่นานนักเขาสารภาพออกมาว่าปวดเข่า และผมก็ยอมรับว่าผมเริ่มปวดหลังเหมือนกัน

    "คุณยังไม่บอกเลย ทำไมตอนนั้นคุณหายไป" แทบจะทันทีที่เอนตัวลงกับม้านั่งในสวนสาธารณะมืดๆ แถวนั้น เขาถามขึ้นมา

    ผมสามารถบอกเขาได้จริงๆ ใช่ไหมว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเพราะผมแค่ไม่รู้สึกว่าตัวเองคู่ควรกับคำๆ นั้นของเขา 

    ผมรักคุณของเขาทำให้ผมกลัว เหมือนทุกอย่างตอนนั้นถล่มลงตรงหน้า ผมคิดไปไกลถึงชั่วขณะที่ความสัมพันธ์ดำเนินไปถึงจุดจบ และผมขี้ขลาดเกินไปที่จะเผชิญกับสภาพนั้น

    ผมบอกเขาไปอย่างนั้นได้จริงๆ ใช่ไหม

    "ไม่บอกแล้วกัน" ผมยิ้ม เขายู่หน้าทันควัน ถอนหายใจเฮือกใหญ่แต่ก็ดูเหมือนจะยอมรับอะไรบางอย่าง

    "ยังไงคุณก็ไม่เคยบอกอะไรผมอยู่แล้ว ไม่รู้อีกสักเรื่องคงไม่เป็นไร" ผมชอบที่เขาว่าง่าย และไม่เคยเซ้าซี้อะไรผมเลย จนอยากบอกว่าจริงๆ ลองถามออกมาก็ได้ อะไรที่เขาติดใจ อะไรที่เขาอยากรู้ แต่คิดอีกที ผมเองก็คงไม่ตอบคำถามของเขาอยู่ดี

    ผมนี่มันแย่จริงๆ

    *

    เขาบอกลาตอนเกือบรุ่งสาง ไม่มีพิธีรีตรอง แค่โบกมือลา แล้วหันหลังจากไป ไม่ได้น่าตรึงตาตรึงใจหรือเป็นอะไรที่จะกลายเป็นความทรงจำสวยงามตอนนึกถึงอะไรทั้งนั้น แค่เงียบเชียบและเรียบง่ายในแบบของเขา 

    แล้วทุกอย่างของเขาและผมก็จบลงตรงนั้น

    *

    เริ่มกลับมาคิดกับตัวเอง

    ถ้าย้อนเวลาได้ผมจะโอบรับคำนั้นของเขาไว้ จะเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมมองภาพความเป็นจริงในอนาคต ณ ตอนนั้น แล้วในเวลาแบบนี้เขาอาจจะยังอยู่กับผม นอนดูรายการโทรทัศน์น่าเบื่อบนโซฟาที่บ้าน และอาจจะมีเจ้าตูบหมายเลขสี่ที่เป็นหมาจริงๆ เสียที

    หมดกัน


    end.





    คิดนานมากว่าควรลงไหม รู้สึกค้านในใจว่าไม่ควรไปกวนอะไรขึ้นมาอีก แต่ว่า...

    @mechumh


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
paparkro9er (@papark_baka)
บรรยายความรู้สึกไม่ถูกเหมือนกัน มันฟุ้ง ๆ ไปหมด แต่สุดท้ายไอ้ที่ฟุ้ง ๆ รอบ ๆ ตัวก็จางหายไปในที่สุดล่ะนะ
smile515903 (@smile515903)
กดใจทิ้งไว้ในทวิตเตอร์​นานมาก เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่าน ขอบคุณ​สำหรับงานเขียนดีๆ นะคะ เราชอบมากเลยค่ะ ขอโทษ​ที่มาอ่านช้านะคะ ;-;
mechumh (@mechumh)
@smile515903 ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ดีใจที่ชอบค่ะ ;v;
あん. (@owlcheger)
เราชอบนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
mechumh (@mechumh)
@owlcheger ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ตอนเราเห็นคอมเมนต์คุณครั้งแรกเราร้องไห้เลยอะ เรากังวลมากๆ ว่าจะไปทำอะไรๆ ให้มันแย่ลง แต่การที่คุณบอกว่าชอบมันมีความหมายกับเรามากๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ;v;
あん. (@owlcheger)
@mechumh ; - ; ดีใจที่คอมเมนต์เรามีความหมายกับคุณเหมือนกันค่ะ งานเขียนคุณเป็นแรงบันดาลใจเราหลายอย่างเลย ทั้งงานเขียนเราเองและงานวาด วันไหนรู้สึกแย่อยากพักผ่อนก็มาอ่านงานคุณ ชอบเรื่องราวและอารมณ์ของความสัมพันธ์หลายๆ แบบที่คุณถ่ายทอดออกมา ยังไงก็ตาม จะคอยเป็นกำลังใจให้นะคะ