เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[บอยอะตอม] Snook mekooperk_
Find me
  • #หนอนชาเขียวเกี้ยวนางอาย #โจรสลัดฟันเป็ดน้อย #บัวลอยทับทิมกรอบ

    พูดคุยกันได้ในแท็ก #Snook_me ในทวิตเตอร์นะคะ :)

    ------------------------------------------------

    เด็กตัวสูงค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นบนเตียงสีดำตัวเดิม ความถ่วงหนักที่ขาแปรเปลี่ยนมาหนักที่บริเวณเอวแทนเนื่องจากมีท่อนแขนพาดกอดไว้อยู่ ปลายจมูกโด่งสัมผัสตรงหัวไหล่ตรงจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ รณเดชยังไม่ตื่น แน่นอนล่ะว่าเขายังไม่ตื่นเพราะเหนื่อยจากกิจกรรมที่ทำเมื่อวานจนเกือบเช้า แถมเวลาในตอนนี้ก็ยังเช้าเกินไปที่จะตื่นซะด้วย

    คนอายุมากกว่านอนหลับสนิทพลางกอดอีกคนแน่น ฝ่ามืออุ่นจับมือบางไว้ไม่ให้ห่างกาย ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำเอาใบหน้าของเขาแดงขึ้นได้ไม่ยาก เขาค่อยๆหันไปมองใบหน้าที่ซบอยู่ที่บริเวณไหล่ จมูกโด่งพ่นลมหายใจออกมาสม่ำเสมอ แก้มขาวๆของอีกคนแนบกับผิวแทนนุ่ม เปลือกตาปิดสนิทพริ้มอย่างมีความสุข เหมือนกับเขาที่เคยวาดฝันไว้เงียบๆว่าวันหนึ่งเขาอยากตื่นมาเจอกับคนที่ตัวเองรักกำลังนอนหลับแบบนี้ และมันก็เป็นจริงขึ้นมาสักที

    และธนนท์คงจะมองอีกคนเพลินไปหน่อยจนปลุกให้ตื่นขึ้น แขนอุ่นที่โอบเขาไว้หลวมๆในตอนแรกกระชับแน่น ดวงตาสีน้ำตาลมองจ้องผ่านเข้าไปยังดวงตากลมของเด็กใต้ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางจนดวงตาเปลี่ยนรูปเป็นสระอิตามกล้ามเนื้อ

    "อรุณสวัสดิ์"
    "อรุณสวัสดิ์ครับ"
    เด็กหนุ่มต้องตั้งสติไปพักหนึ่งกว่าจะอ้าปากตอบออกไปได้ เพราะเขายังหลงนึกว่าตัวเองอยู่ในความฝัน ก่อนที่เขาจะพยายามลุกขึ้นเพื่อหวังจะหนีไปนั่งเขินในห้องน้ำแทน แต่แขนที่พาดบริเวณเอวกลับล็อกตัวของเขาไว้อย่างแน่นหนา
    "ไปไหนอะ?"
    "อ่า ผมกะว่าจะไปอาบน้ำน่ะครับ"
    "ไว้ค่อยอาบด้วยกันก็ได้" แหนมพูดพร้อมกับดึงอีกคนลงมากอดอีกรอบแถมยังยกตัวคร่อมเขาไปครึ่งหนึ่ง ธนนท์กำลังจะอ้าปากเถียงอีกรอบ แต่ก็ถูกคนอายุมากกว่าพูดขอร้องด้วยน้ำเสียงเดียวกันกับเมื่อคืน

    น้ำเสียงที่ออดอ้อนและจับตรึงเขาไว้กับเตียงตลอดคืน
    และน่าจะตลอดเช้าของวันนี้ด้วย

    "รออาบด้วยกันนะ" เจ้าของเสียงยิ้มให้อย่างอบอุ่น ส่วนคนที่นอนอยู่ข้างล่างทำได้เพียงหลบสายตาแล้วพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้

    ให้ตายสิ
    เขาปฏิเสธอีกคนไม่เป็นอยู่แล้วนี่นา

    ---------------------------------------------------------

    หลายวันผ่านไป ทุกคนก็ดูจะใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่คู่ที่มีความสุขจริงๆก็มีเพียงธนนท์กับรณเดชที่มีชีวิตคู่ที่ไปได้สวย ในทางกลับกัน คู่ของสองพี่น้องกลับไม่ได้เป็นอย่างนนท์เลย

    ภพธรเดินกลับมาบ้านอย่างเหนื่อยล้าจากการทำงาน พักหลังธนกฤตมักจะนอยด์ใส่เขาอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็นอยด์แต่เรื่องเดิมๆ

    เรื่องเงินน่ะแหละ

    "อ้าว แล้วนี่จะไปไหน?" ภพธรถามหลังจากเห็นน้องชายยืนแต่งตัวคล้ายจะออกไปข้างนอก
    "ผมไปงานแต่งงานรุ่นพี่น่ะครับ งานพี่แสตมป์"
    "ไปไหวใช่มั้ย"
    "ไหวสิ ไปแปปเดียวเดี๋ยวก็กลับ ผมไปกับแอมมีด้วย ไปละ" อะตอมพูดแล้วเดินออกจากบ้านไป ส่วนภพธรก็เดินมาเล่นโทรศัพท์ แฟนเขายังไม่ตอบข้อความที่ส่งไปถามตั้งแต่ตอนเย็น

    ไม่ว่างหรือไม่ตั้งใจอ่านก็ไม่รู้

    ว่าแล้วชายผิวแทนก็นั่งนึกว่าอะไรทำให้ธนกฤตกังวลแต่เรื่องเงิน ฝั่งเขาก็ไม่ได้ส่งใครไปขู่เหมือนกับที่นนท์เคยโดน เขาไม่เคยบ่นเรื่องสถานะการเงินของอีกคนด้วยซ้ำ แล้วทำไมแฟนเขาถึงดูกังวลขนาดนั้นล่ะ แต่กว่าจะคิดอะไรได้เยอะเเยะก็มีข้อความจากชายคนหนึ่งส่งมาหาเขา

    ผมเอง พรุ่งนี้ผมเข้าออฟฟิศ ประชุมเสร็จไปทานข้าวด้วยกันนะครับ
    หวังว่าจะชวนทันเนอะ :)

    -------------------------------

    "ขอบคุณมากนะที่มางานพี่" แสตมป์ตบบ่าอีกคนเบาๆ ในขณะที่อะตอมก็ยิ้มแล้วแสดงความยินดีให้กับคู่บ่าวสาวเหมือนคนที่มาร่วมงานคนอื่นๆ งานแต่งงานไม่ได้จัดใหญ่โตทำให้พื้นที่ในงานไม่ได้กว้างใหญ่อะไรมากมาย มีแต่คนสนิท เพื่อนสนิทกันก็เท่านั้น
    "ยินดีด้วยนะพี่ อย่าไปเถลไถลแถวทองหล่อบ่อยๆล่ะ"
    "ระวังหน่อย เดี๋ยวชะตากูขาด อ้าว กัน ขอบคุณมากนะที่มา" ชายตาหยีหันไปทักทายชายอีกคนที่เดินเข้ามาในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม
    "ยินดีด้วยนะแสตมป์" กันยิ้มแล้วหันไปมองชายตัวเล็กข้างๆ เขาคุ้นหน้าคุ้นตาซะเหลือเกินแต่ก็ไม่ได้ทักทายอะไรออกไป

    ใช่ชนกันต์รึเปล่า?

    .
    .
    "เอ่อ ผมไม่..." อะตอมปฏิเสธแก้วแชมเปญที่ถูกยื่นมาให้เบาๆ หลังจากที่งานแต่งจบ งานAfter Partyก็ตามมา ซึ่งมันคือธีมครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับผับดีๆนี่เองแหละ ด้วยจำนวนเพื่อนสนิทที่ค่อนข้างเยอะของแสตมป์ทำให้บรรยากาศหนาแน่นไปด้วยผู้คนที่มาเฉลิมฉลอง
    "เอาน่า ไหนๆก็มาทั้งที ต้องฉลองหน่อยสิ มาดื่มกัน" แสตมป์พูดแล้วยื่นแชมเปญให้อีกครั้ง ซึ่งเด็กหนุ่มก็รับมาอย่างเสียไม่ได้
    "ตอม กูดื่มให้แทน" แอมมีที่มางานกับอะตอมด้วยยื่นมือมารอรับแก้ว
    "ไม่เป็นไรหรอกมั้ง"
    "ไม่เป็นไรเหี้ยไรล่ะ มึงลืมแล้วรึไงว่ามึงท้อง" แอมมีด่าเพราะอีกคนทำท่าเหมือนจะไม่สนใจเด็กในท้องตัวเองเลย
    "เหี้ย มึงจะพูดทำไม เดี๋ยวเขาก็ได้ยินกันหมดหรอก" อะตอมพูดแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนตัวเอง
    "นี่ไงไม่กินแล้ว"
    "เออดี ไปหาที่นั่งเลยไป"
    "หาไม กูยืนได้ เพลงสนุกจะตายมึง"
    "เอ้าแต่กูได้ยินว่า..." แอมมีกำลังจะอ้าปากพูดต่อว่า ถ้าเต้นมากๆอาจเป็นอันตรายกับลูกในท้อง แต่แน่นอน ชนกันต์ก็ห้ามปากอีกคนไว้ได้ทัน
    "มึงหยุดเลย กูรู้ว่ามึงจะพูดอะไรต่อ กูยังยืนได้อยู่ สบายดี กูไม่ได้เป็นอะไรนะเว่ย กูแค่..นั่นแหละ"

    อย่างที่บอกไปตอนแรก งานแต่งงานไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่โตมาก มีเพียงคนสนิทร่วมกันเท่านั้น ทำให้ทุกคนที่จะเต้นต้องยืนเบียดกัน และมันช่างเป็นความบังเอิญที่ กันตถาวร ได้ยินคำพูดของแอมมี

    และแน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินหรอก
    แต่เขาก็วิ่งออกไปข้างนอกทันทีที่ตั้งสติได้ และกดโทรออกหาเพื่อนที่ชื่ออนุวัฒน์
    เพื่อบอกในสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินมา

    --------------------------------------------

    "ฮัลโหล" อนุวัฒน์ที่กำลังนอนดูทีวีบนเตียงกว้างรับโทรศัพท์ เขาพยักหน้ารับฟังตามสิ่งที่คนในสายพูดมาจนกระทั่งตัวเองต้องเด้งตัวขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ก้อนเนื้อด้านซ้ายในอกเต้นแรงบีบแน่นจนเจ็บ ลำคอเขารู้สึกแห้งผากจนต้องการน้ำ
    "มึงแน่ใจเหรอ" คำถามที่ออกจากปากของชายผิวขาวสั่นน้อยๆด้วยความตระหนกก่อนจะกดวางสายไป
    "...กูโอเค กูแค่..ตกใจ ขอบใจมึงมากนะ" หลังจากวางสาย ภายในห้องนอนก็มีเพียงเสียงจากโทรทัศน์ที่ดังอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นหูของอนุวัฒน์ก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆอีก นอกจากความคิดและความสับสนของตัวเอง

    ทำยังไงดี

    ------------------------------------------

    เช้าวันต่อมาที่สดใสของชนกันต์เริ่มขึ้นอีกครั้ง โชคดีที่เขาขอตัวกลับมาก่อนเลยไม่ได้กินแอลกอลฮอล์ใดๆ อะตอมทำกิจวัตรของตัวเองตามปกติ บางครั้งเขาก็รู้สึกว่ามีอะไรกำลังดิ้นเบาๆอยู่ในท้อง บางทีเขาก็อาจจะคิดไปเองแต่นั่นก็ทำให้เขามีความสุขไม่น้อย เมื่อรับรู้ว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิด อาการปวดแปล๊บตามประสาก็มีบ้าง แต่เขาทนไหวอยู่แล้วล่ะ ชนกันต์ปิดประตูและกำลังจะเดินลงไปทานข้าว จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกของพี่ชายตัวเอง
    "อะตอม ลงมาหน่อย"
    "มีอะไรพี่ต--" อะตอมเดินลงบันไดมาอย่างไม่คิดอะไร แต่พอเห็นชายที่นั่งอยู่ที่โซฟา หัวใจที่กำลังพองโตกลับแฟ่บลงอย่างน่าประหลาด ดวงตาสีน้ำตาลมองจ้องไปยังใบหน้าขาวตี๋ของอีกคน ผมที่เคยยาวประบ่าบัดนี้ถูกตัดสั้นเป็นทรงอันเดอร์คัทดูเรียบร้อย

    แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น

    ไม่มีทาง
    ไม่มีทางเป็นเรื่องนั้นได้หรอก

    "พี่เขามีเรื่องอยากคุยด้วย" ภพธรพูด ส่วนอนุวัฒน์ก็ยืนขึ้นคล้ายกับจะพูดอะไรบางอย่าง
    "แต่ผมไม่มี" ชนกันต์พูดแล้วหันหลังกลับจะเดินขึ้นห้องไป แต่ก็ถูกเรียกไว้ก่อน
    "อะตอม พี่ขอคุยแค่แปปเดียว ขอร้องล่ะ" ชายตัวสูงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบแต่นุ่มนวล วอนขอให้อีกคนรับฟังเขา ส่วนภพธรก็ปลีกตัวไปอีกห้องหนึ่งเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่ทั้งสองคน
    "....."
    "พี่..พี่ได้ยินมาว่าเราท้อง"
    "ผมไม่รู้ว่าพี่ได้ยินมาจากไหน แต่มันไม่ใช่ความจริง" อะตอมพูดแล้วหันหลังจะขึ้นบันไดต่อ แต่ก็ถูกเรียกไว้อีก
    "ตอมอย่าลืมสิว่าเราเป็นอะไร พี่เป็นอะไร แค่กลิ่นฮอร์โมน พี่ก็เดาได้แล้วนะ" ใช่ คนที่เป็นอัลฟ่า โอเมก้า หากมีอะไรที่ผืดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมนในร่างกาย กลิ่นจะเป็นตัวบอกการคาดเดาได้เป็นอย่างดี
    "จมูกพี่น่ะมีปัญหา"
    "แต่.."
    "ถ้ามีแค่นี้ ก็เชิญพี่กลับไปแล้วครับ" อะตอมพูดแล้วหันไปเดินขึ้นบันไดอีกรอบ แต่คราวนี้รองเท้าสลิปเปอร์ของเขากลับลื่นทำให้เหยียบพลาด และตัวของเขากำลังจะตกลงมา อนุวัฒน์ที่คอยมองอะตอมอยู่ห่างๆวิ่งเข้าไปหาทันทีที่เห็นว่าร่างเล็กกำลังจะไถลตกบันได แขนแกร่งโอบลำตัวบางแนบไว้แล้วใช้หลังตัวเองรับน้ำหนักทั้งหมด แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่า'ลูก'ที่อยู่ในท้องได้รับการกระทบกระเทือนหรือไม่
    "เฮ้ย เป็นอะไรรึเปล่า" ภพธรที่ได้ยินเสียงโครมรีบวิ่งออกมาก็พบว่าอะตอมตกบันไดแต่มีอนุวัฒน์รับไว้เลยปลอดภัย
    "อะตอม เป็นอะไรมั้ย เด็กในท้องเป็นอะไรรึเปล่า" พี่ชายถามด้วยความเป็นห่วงและนั่นก็เป็นตัวยืนยันคำตอบให้แก่บอยแล้วว่า ชนกันต์ท้องจริงๆ
    "ม..ไม่เป็นไรครับ"
    "คุณบอย คุณโอเคมั้ยครับ ขอบคุณนะครับ" ภพธรที่เริ่มตั้งสติได้พยุงอีกคนให้ลุกขึ้นแล้วยกมือขอบคุณใหญ่
    "ตกลง .เราท้องจริงๆใช่มั้ยอะตอม" บอยถามอีกครั้ง แต่เด็กหนุ่มกลับเงียบ
    "..."
    "..."
    "ใช่"
    "..."
    "แต่เด็กไม่ใช่ลูกของพี่หรอก ถึงจะเป็น ผมก็ไม่ให้พี่เลี้ยง!" ชนกันต์ตอบด้วยความโมโห ส่วนภพธรก็ลูบหลังอีกคนเบาๆเพื่อหวังจะคลายอารมณ์โกรธของน้องชาย
    "ไม่ใช่ลูกของพี่ได้ยังไง ในเมื่อ..."
    "ผม..ผมไปนอนกับคนอื่นมาไง!"
    "โอ๊ย พอสักทีเถอะอะตอม เด็กมันต้องมีพ่อนะเว่ย!" ภพธรพูดด้วยอารมณ์ที่อึดอัดเต็มที เขาไม่อยากให้เด็กเติบโตมาในครอบครัวที่มีปัญหา อะตอมหันไปมองหน้าตู่สลับกับอนุวัฒน์ก่อนจะพูดอย่างอัดอั้นเช่นกัน
    "เด็กมันต้องมีพ่อ.. แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าพี่บอยจะดูแลลูกผมได้ดีล่ะ! ขนาดความมั่นใจว่ารักผมจริงๆมั้ยยังให้ไม่ได้เลย!" ชนกันต์พูดเสียงสั่น ส่วนบอยก็ค่อยๆเดินมายืนตรงหน้าอีกคน
    "ตอม ใจเย็นๆก่อนนะ ตอนนั้นที่พี่ไม่ได้พูดออกไปเพราะพี่ไม่รู้จริงๆว่าแค่คำพูดมันจะเป็นตัวยืนยันได้จริงๆมั้ยเท่านั้นเอง แต่ที่พี่มาวันนี้ พี่มาเพราะเรื่องลูกและเรื่องเรานะอะตอม" คนตัวสูงค่อยๆเลื่อนมือไปจับมืออีกคนไว้ ดวงตาเล็กจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลที่สั่นไหว
    "พี่รักเราจริงๆนะ พี่ถึงมาหาเรา"
    "แล้วผมจะเชื่อได้ยังไงว่าพี่รักผมจริง จะดูแลลูกได้จริงๆ"
    "เราอยากให้พี่พิสูจน์ยังไงเราก็บอกมาเลย จะให้พี่ไปดำน้ำ หาเงิน ลงแข่งทำอะไรก็ได้ ขอแค่เราอยู่กับพี่ นะอะตอม ให้โอกาสพี่นะ" อนุวัฒน์พูดตรงๆ น่าแปลกที่คราวนี้ชนกันต์กลับรู้สึกถึงความจริงใจในน้ำเสียงนุ่มๆพวกนั้น

    แต่จะเชื่อได้จริงๆเหรอ

    "งั้นพี่ก็เป็นแชมป์สนุ๊กให้ได้อีกรอบสิ ถ้าพี่ทำได้ เราก็ค่อยมาคุยกัน" ชนกันต์พูดจบก็ดึงมือออกแล้วเดินขึ้นห้องไปในทันที ปล่อยให้ภพธรยืนอยู่กับบอยสองคน ร่างสูงได้ยินดังนั้นก็กังวลน้อยๆเพราะการจะครองแชมป์ 3 สมัยซ้อนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เขาไม่มีทางเลือกแล้วนี่นา
    "ถ้ายังไงผมขอเลขบัญชีหรือเบอร์ของคุณได้มั้ยครับ ผมจะได้ช่วยออกค่าดูแลลูกระหว่างไปแข่ง" อนุวัฒน์หันไปคุยกับภพธรที่ยืนถอนหายใจแล้วยื่นเบอร์มือถือให้
    "คุณไม่ได้หลอกน้องผมใช่มั้ย คุณบอย"
    "ไม่ครับ แต่ผมพลาดเองที่ทำให้เขาไม่เชื่อใจ ยังไงก็ตาม ผมฝากดูแลอะตอมด้วยนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมา" พูดจบบอยก็เดินออกไป เส้นทางที่รออยู่ข้างหน้านั้นไม่มีทางสบายอยู่แล้ว

    แต่ถ้ามันแลกกับการที่อะตอมจะเปิดใจยอมรับเขาอีกสักครั้ง
    เขายอม

    Tbc
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in