เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[บอยอะตอม] Snook mekooperk_
Lost me
  • #หนอนชาเขียวเกี้ยวนางอาย #โจรสลัดฟันเป็ดน้อย #บัวลอยทับทิมกรอบ

    #Snook_me

    --------------------------------------

    "ผมไม่สะดวกจริงๆครับ ผมขอโทษจริงๆนะ" ภพธรตอบอย่างสุภาพ หลังจากมีลูกค้าเข้ามาชวนเขาออกไปทานข้าวอีกแล้ว และเป็นลูกค้าคนเดิมซะด้วย
    "ทำไมล่ะครับ ผมได้ยินมาว่าวันนี้แพลนของคุณมีงานถึงแค่บ่ายสามนี่" พิทวัสพูด ก่อนที่ชายในเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์เดินออกมาข้างๆ
    "อ่า..อย่างนี้นี่เอง"
    "ขอโทษด้วยนะ พอดีว่าเขาต้องไปกับผม" ธนกฤตเดินมาโอบไหล่ภพธรที่ยืนยิ้มแห้งๆ เขามองหน้าพิทวัสอย่างเอาเรื่อง ซึ่งชายที่ตัวเล็กกว่าก็ไม่ได้ดูเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
    "เอ่อ เดี๋ยวมานะ ลืมว่าต้องเอาของไปให้พี่ชา" ภพธรผละออกแล้วเดินไปอีกทาง ปล่อยให้ธนกฤตยืนอยู่กับพิทวัส 2 ต่อ 2 เมื่อเห็นดังนั้นคนตัวสูงจึงเริ่มบทสนทนา
    "เลิกจีบแฟนผมสักทีเถอะคุณ"
    "ผมแค่หวังดีกับแฟนของคุณ"
    "ห๊ะ"
    "ทำไมคุณไม่คิดบ้างล่ะครับว่าบางทีแฟนคุณอาจจะสบายขึ้นถ้ามาอยู่กับผม"
    "นี่คุณเมากาแฟมาเหรอ" ธนกฤตหัวเราะแห้ง เพื่อผ่อนคลายอารมณ์โกรธที่อยู่ในใจ
    "ตรงๆเลยนะ ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร ผมรู้ว่าสถานะทางการเงินของคุณกับภพธรเป็นยังไง แถมช่วงนี้ก็มีปัญหากับเจ้านายคุณด้วยนี่ คุณกำลังพาแฟนของคุณไปลำบากนะ รู้ตัวรึเปล่า" 
    "ลำบากยังไง  ผมไม่ได้อยู่บนเขาบนดอย ต้องปีนขึ้นเขา น้ำไฟผมก็มีจ่าย ไม่ได้ต้องไปลัดเลาะหาน้ำหาไฟ ล่าสัตว์มาทำอาหารซักหน่อย" ธนกฤตประชดแต่คนฟังกลับหัวเราะในลำคอ
    "เอาเถอะ แต่คุณคิดง่ายๆนะ กับอีแค่อาชีพช่างภาพเนี่ย จะเลี้ยงดูปูเสื่อเขาได้เหรอ บ้านภพธรรวยนะ คุณจะดึงเขาลงมาลำบากกับคุณงี้เหรอ เอาตัวเองยังไม่รอดเลยมั้ง" พิทวัสหัวเราะเบาๆ ธนกฤตก็กำลังจะอ้าปากเถียงต่อแต่ภพธรก็เข้ามาพอดี
    "มีอะไรกันรึเปล่าครับ?"
    "อ้อ เปล่าครับ คุยเล่นกันนิดหน่อย ยินดีที่ได้พบครับ" พิทวัสตอบยิ้มๆ แล้วเดินไปกอดทักทายธนกฤตที่ยืนตรงข้ามคล้ายกับเป็นมิตร เสียงทุ้มพูดกระซิบข้างหูธนกฤตเบาๆแล้วผละออก ก่อนจะแยกย้ายไปอีกทางหนึ่ง

    "ถ้ารู้ตัวว่าดูแลเขาไม่ได้ก็ถอยออกมาเถอะ" 

    ภพธรโบกมือลาพิทวัสแล้วหันไปคุยกับชายหน้าหมีตัวใหญ่ที่ยืนข้างๆ
    "ไปกินอะไรกันดีตอนเย็น"
    "พี่ตู่อยากกินซีฟู้ดนี่"
    "ไม่เอาหรอก คุณต้องจ่ายค่าหออีก ค่าไฟอีก ผมว่าก๋วยเตี๋ยวข้างทางนี่แหละ ดีแล้ว"
    "ไม่เป็นไรหรอก ซีฟู้ดก็ได้ ผมไม่ได้จนขนาดนั้น"
    "ผมก็ไม่ได้ว่าว่าคุณจน ผมแค่อยากให้คุณเก็บเงินเอาไว้จ่ายค่าอะไรของคุณก่อน แล้วต้นเดือนหน้าค่อยกินก็ได้ ผมไม่รีบหรอก" ภพธรยิ้มแล้วจูงมืออีกคนที่ไม่พูดอะไรให้เดินตาม

    ถึงคำพูดของฮิปฮอปจะดูไร้สาระ
    แต่เขาก็ยอมรับว่าในใจของเขากำลังห่อเหี่ยวและกังวลกับคำเหยียดเหล่านั้นไม่น้อยเลย

    -------------------------------------

    "เป็นไงวะ" แอมมีถามหลังจากเพื่อนตัวเองไปเข้าห้องน้ำ 
    "อย่าเงียบดิวะ กูตื่นเต้นนะเว่ย" เจษพูด
    "สองขีดว่ะ" ชนกันต์ตอบนิ่งๆ แต่เพื่อนอีกสองคนกลับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่เจษจะพูดขำๆคล้ายว่าเพื่อนกำลังแกล้งเขาอยู่แน่ๆ

    แต่มันไม่ใช่
    ชนกันต์ท้องจริงๆ

    แท่งสีขาวแบนถูกวางลงบนโต๊ะกินข้าว ปรากฏขีดสีแดงจางๆสองขีดเป็นคำตอบให้กับเพื่อนสองคน แอมมีวางช้อนส้อมแล้วนั่งประสานมือเงียบๆทันที บรรยากาศมาคุจนเจษต้องพูดแทรกเพื่อให้อะไรๆมันดีขึ้น
    "บางทีมันอาจผิดพลาดก็ได้นะ มึงลองตรวจกับหมอดีกว่า ปะ ไปกัน"
    "กูว่ากูท้องจริงๆแหละ" ชนกันต์ตอบ สีหน้าของเขานิ่งมากจนเพื่อนทั้งสองกังวล
    "ครั้งล่าสุด พี่เขาไม่ได้ใส่ กูคิดว่ามันปลอดภัยเลยไม่ได้ให้ใส่ กูพลาดเอง"
    "..."
    "...แล้วมึงจะเอาไงต่อวะ" แอมมีถาม
    "ก็คงไปบอกพี่ตู่ บอกญาติ แล้วก็เลี้ยงเด็ก"
    "แล้วพี่บอยล่ะวะ เขาเป็นพ่อเด็กนะเว่ย" แอมมีพูด
    "กูเลี้ยงคนเดียวได้"

     ใช่ ชนกันต์คิดแบบนั้นแหละ เงินทองเขาก็มีมากพอที่จะเลี้ยงเด็กคนนึงได้ตลอดชีวิต เรียนก็จบแล้ว งานก็ทำแล้ว

    แต่การเป็น"แม่"คนเนี่ยสิ
    "แม่เลี้ยงเดี่ยว" ซะด้วย
    มันยาก แต่เขาก็ไม่อยากให้ลูกมีพ่อแบบนั้น
    พ่อที่ให้ความมั่นใจอะไรกับเขาได้เลย

    "เหี้ย ไม่ได้นะเว่ย เด็กมันต้องมีพ่อ"
    "กูเป็นทั้งแม่และพ่อให้ได้อยู่แล้ว" ชนกันต์ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ในขณะที่เพื่อนสองคนก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะรู้ว่าคงห้ามความคิดชนกันต์ไม่ได้
    "มีอะไรก็โทรหา ไลน์มานะ มึงห้ามเก็บไว้ ถ้ามึงเก็บกูโกรธจริงๆด้วย"
    "เออ ไม่ต้องเกรงใจ อยากได้อยากแดกอะไรก็บอก เที่ยงคืน ตี1กูก็ไป" แอมมีกับเจษพูด ส่วนชนกันต์ก็ได้แต่ขอบคุณเพื่อนๆแล้วหันมองไปนอกหน้าต่าง

    อนาคตที่กำลังจะถึง มันต้องหนักมากแน่ๆ

    -----------------------

    "อือ ที่ไหนเนี่ย" นนท์งัวเงียมองไปรอบๆห้องสีครีม เขาพบว่าตัวเองกำลังอยู่บนเตียงใหญ่ น้ำหนักโซ่ถ่วงที่อยู่ตรงขาทำเอาเขาพยายามพยุงตัวเองขึ้นมองว่าสถานการณ์ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขา
    "อ..อะไรวะเนี่ย"
    เออ เขาถูกยาสลบแล้วก็ถูกพามาที่นี่โดยฝีมือคนที่เขารักมากที่สุดนี่นา

    เดี๋ยว... เขาถูกลักมาฆ่ารึเปล่า

    ธนนท์คิดดังนั้นก็พยายามดึงโซ่ให้หลุดจนสุดแรง แต่น้ำหนักของโซ่มีมากเกินกว่าที่จะดึงออก

    ต้องมีกุญแจ
    ไม่ก็มีเลื่อย
    หรือไม่ก็มันต้องมีอะไรที่แงะได้สิวะ!

    เฮ้ย แล้วมือถือของเขาล่ะ
    ใช่ ต้องโทรขอความช่วยเหลือดิ

    ธนนท์ลุกออกจากเตียงเดินลากขาไปทั่วห้อง เนื่องจากขยับเท้าไม่สะดวก เขาพยายามรื้อลิ้นชัก ตู้เสื้อผ้าและกระเป๋า แต่ก็ไม่พบทั้งมือถือและสิ่งของที่จะใช้งัดโซ่ได้เลย เขาจึงเดินไปที่ประตูแล้วพยายามเปิดออก แต่ก็แหงล่ะ มันถูกล็อกไว้จากด้านนอก เด็กหนุ่มนั่งลงบนพื้นแล้วพยายามใช้มือดึง แงะ กระชากโซ่ออกแต่ผลที่ได้ก็มีแค่มือเขานี่แหละที่เป็นแผล

    ทำยังไงดี

    "พยายามไปก็เจ็บมือเปล่าๆ" เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลง รณเดชถอนหายใจแล้วยืนพิงกำแพงกอดอกมองอีกคน
    "พี่ทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะฮะ! พี่จะมากักขังหน่วงเหนี่ยวอะไรผมแบบนี้ไม่ได้"
    "พี่ก็ไม่ได้อยากทำหรอก แต่พอพี่คุยกับเราแล้ว พี่ปล่อยเราไปไม่ได้จริงๆ"
    "ทำไมจะปล่อยไม่ได้ล่ะ พี่แกะโซ่ให้ผมก่อนเถอะนะ เราคุยกันดีๆไม่ได้เหรอ" ธนนท์พูดเสียงอ่อนลงเพื่อหวังจะซื้อใจอีกคนไว้ไม่ให้ทำร้ายตัวเอง
    "พี่แหนม พี่จะฆ่าผมเหรอ" เด็กหนุ่มถาม
    "บ้า พี่ไม่ได้โรคจิตถึงขั้นจะมาเก็บศพคนรักไว้ดูหรอกนะ" แหนมพูดนิ่งๆ แต่คนฟังกลับใจเต้นแรงเมื่อได้ยินคนตรงหน้าพูดว่า 'คนรัก'

    พี่แหนมยังรักเราอยู่เหรอ

    "ยอมรับเถอะนนท์ เราก็ยังรักพี่อยู่" รณเดชเดินไปแล้วนั่งยองๆลงตรงหน้า มืออุ่นลูบแก้มใสแล้วจับคางอีกคนให้หันมาสบตา ดวงตากลมใต้แว่นสั่นระริกหลังจากสบตากับคนอายุมากกว่า
    "ใช่มั้ย" แหนมถาม เด็กหนุ่มไม่ตอบแต่กลับมองหนีไปทางอื่น

    อีกฝ่ายรู้ดีอยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร
    รู้ตั้งแต่เมื่อวานที่เจอหน้าแล้ว

    "เดี๋ยวพี่มา" แหนมปล่อยมือแล้วลุกขึ้นยืน
    "พี่จะไปไหนครับ แล้ว..แล้วผมล่ะ" ธนนท์ถามอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาไม่ชอบโซ่ที่ผูกที่ขาเลย อย่างน้อยก็อยากให้อีกคนเอาโซ่ออกให้ก็ยังดี
    "ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครทำอะไรนนท์หรอก" รณเดชพูดพร้อมล็อกประตู ก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถที่จอดรออยู่

    เพื่อคุยกับญาติของเขาให้รู้เรื่อง
    เพื่อนำยาฮอร์โมณที่จัดเตรียมไว้มาใช้ในคืนนี้
    เพื่อเขากับนนท์จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสักที

    รณเดชมองออกไปข้างนอกดูวิวบ้านเมืองที่วุ่นวาย แต่ในหัวสมองของเขากลับมีแต่ภาพของเด็กตัวสูงที่เขาไปหาเมื่อวานนี้

    ตัวสั่น หน้าแดงก่ำ น้ำตาคลอเอ่อจนไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวพร้อมกับคำพูดว่า 'ไม่ได้รัก'

    แม้ปากของคนอายุ22จะพูดแบบนั้น แต่สิ่งที่รณเดชสัมผัสได้คือ ความโดดเดี่ยว ถูกทอดทิ้ง ซื่อสัตย์
    และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจลักพาตัวอีกคนมาแบบนี้ทั้งๆที่รู้ดีว่ามันผิดกฎหมาย

    ต่อให้เขาต้องเข้าคุกหรือโดนประหาร
    ยังไงธนนท์ก็ต้องอยู่กับเขา
    เว้นแต่ว่าอีกฝ่ายจะไม่รักเขาแล้วจริงๆก็แค่นั้น

    Tbc

    *ไม่สนับสนุนให้ท้องก่อนวัยอันควรหรือจับคนมาขังหน่วงเหนี่ยวนะจ๊ะ อ่านเอาอรรถรสก็พอเน่อ?

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in