"ถึง คุณฮีโร่"
เตนล์ ชิตพล ลี้ชัยพรกุล
เราเขียนคำนำฉบับนี้ เพื่อแสดงถึงความขอบคุณ และความรักที่มีต่อคุณเสมอมา คุณอาจไม่รู้ว่าตัวคุณเองได้จุดประกายความฝัน และกำลังใจหลายอย่างให้กับใครหลายคน รวมถึงตัวเราด้วย
เดิมทีเราในวัย 19 ปีคิดไม่ออกหรอกว่าตัวเองอยากทำงานอะไร อยากฝึกงานที่ไหน เรารู้แค่ว่าตัวเองชอบสาขาที่กำลังเรียน ชอบนิทาน ชอบวาดรูป และมีความสุขที่ได้เล่นกับเด็ก แค่นั้น. . .
จนกระทั่งวันหนึ่ง ระหว่างที่เรากำลังนั่งรอรถเมล์เพื่อกลับบ้าน รถโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้าก็ขับผ่านหน้าเราไป อาจเป็นเพราะเราชอบสีเหลืองมาก และรถคันนั้นเป็นรถโรงเรียนที่เตนล์เคยเรียนเมื่อสมัยอนุบาล เราเลยมองเห็นรถคันนั้นเด่นเป็นพิเศษ จนสายตาของเราไปสะดุดกับสโลแกนข้างรถ
"เด่นหล้า ดีที่สุดในย่านนี้"
'เวอร์ชะมัด' นี่คือสิ่งแรกที่เราคิด เราขำให้กับความมั่นใจของสโลแกน และอยากจะรู้เหลือเกินว่าโรงเรียนอนุบาลที่ค่าเทอมแสนแพงในย่านบางแคนั้นดีจริงหรือเปล่า? ถ้ามีโอกาสได้ไปทำงานในโรงเรียนอนุบาลที่เตนล์เรียนจะเป็นยังไงนะ? คงมีความสุขเอาซะมาก ๆ
เราเก็บความฝันว่าอยากฝึกงานที่เด่นหล้าไว้ในใจ เพราะคิดว่ายังไงก็คงเป็นไปไม่ได้ อย่างที่อธิบายไปบรรทัดบน เด่นหล้าเป็นโรงเรียนอนุบาลที่ค่าเทอมแพง และค่อนข้างมีชื่อเสียง การที่นิสิตสาขาวรรณกรรมสำหรับเด็กจะไปฝึกงานจึงเป็นเรื่องยาก (หรือเรียกว่ามีโอกาสน้อยมาก) เพราะไม่ได้เรียนสายครูโดยตรง เราเลยตัดสินใจจะไปหาที่อื่นเพื่อฝึกงาน แต่น่าเสียดาย ที่ที่เราอยากฝึกประกาศรับนิสิตฝึกงานแค่ 1 คน เราจึงสละโอกาสตรงนี้ด้วยการตัดสินใจไม่สมัคร เพราะอยากให้เพื่อนอีกคนในสาขาได้ทำ (แม้จะมารู้ทีหลังว่าเขารับนิสิตเพิ่ม แต่ก็สายไปเสียแล้ว เราไม่อยากทำที่นั้นแล้ว)
ด้วยความสัตย์จริงนะ หลังจากที่เราพลาดโอกาสฝึกงานที่นั่น เราร้องไห้หนักมาก เพราะเรากลัวไม่มีที่ฝึกงาน เราทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่ได้เก่งในด้านใดด้านหนึ่งที่สุด เราไม่ชอบทำงานในสำนักพิมพ์ เพราะภาษาไทยของเราไม่แข็งแรง และเราไม่เก่งเรื่องการวาดรูปขนาดนั้น เราเลยคิดไม่ออกว่าควรไปฝึกงานที่ไหน ระหว่างที่เคว้งคว้างเราก็คอยตามข่าวสารของเตนล์ตลอด คอยดูรูป และไลฟ์ในไอจีทุกครั้งที่มีการแจ้งเตือนจากเตนล์ สิ่งเหล่านี้ช่วยบรรเทาความเครียดในใจเราไปเยอะมาก และคำพูดหนึ่งของเตนล์ก็ทำให้เรากลับมามีกำลังใจอีกครั้ง
"
ถ้าเราอยากได้อะไรก็ต้องพยายาม
ไม่ใช่นั่งรอโอกาสเพียงอย่างเดียว
"
รูปถ่ายเตนล์วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563
พอนึกถึงคำพูดของเตนล์ เราก็ไม่ลังเลที่จะตัดสินใจโทรไปหาโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้าในตอนบ่ายของวันนั้นเลย คิดแค่ว่าถ้าเขาไม่รับก็ไม่เป็นไร ดีกว่ามาเสียดายที่ไม่ได้ทำ
"อนุบาลเด่นหล้า สวัสดีค่ะ" ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงคนหนึ่ง
"สวัสดีค่ะ หนูเป็นนิสิตจากมศว สาขาวรรณกรรมสำหรับเด็กค่ะ อยากทราบว่าที่โรงเรียนรับนิสิตฝึกงานไหมคะ"
เราตื่นเต้นจนมือเย็นไปหมด กลัวก็กลัว แต่ก็อยากฝึกงาน ปลายสายถามอะไรเราก็รีบตอบไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่ง
"เคยสอนศิลปะหรอ งั้นก็เป็นครูสอนศิลปะแล้วกัน เริ่มงาน 7 โมงครึ่งนะ เลิกงาน 4 โมง ตกลงไหม"
หลังจากวางสายไป เราดีใจกระโดดโลดเต้นเหมือนครั้งแรกที่รู้ว่าแอดมิดชั่นติดสาขาวรรณกรรมสำหรับเด็ก ดีใจซะจนแม่ดุ แต่พอหันไปบอกแม่ว่าได้ฝึกงานที่โรงเรียนเอกชนอย่างเด่นหล้า แม่ก็แอบอมยิ้ม วันนั้นกลายเป็นวันที่เรามีความสุขที่สุดเลย ที่สำคัญเรารู้สึกขอบคุณเตนล์มาก ๆ เลยนะ แค่คำพูดเดียวของเตนล์ก็ทำให้เรามีกำลังใจ แค่กำลังใจ หรือคำพูดดี ๆ ในวันที่ท้อแท้น่ะ มันช่วยต่อชีวิตคน ๆ หนึ่งได้เลย
ตอนนี้เราได้ฝึกงานที่เด่นหล้าแล้ว ทุกครั้งที่มาทำงานก็รู้สึกขอบคุณเตนล์เสมอเลยนะ ถ้ามัวแต่กลัว และขี้ขลาดในวันนั้น วันนี้เราคงไม่ได้ฝึกงานที่เด่นหล้าแน่ ขอบคุณเตนล์มาก ๆ ขอบคุณจริง ๆ เตนล์ที่คอยเป็นกำลังใจให้คนอื่นเสมอ ฮีโร่ของเราจริง ๆ เลยคุณเนี่ย ขอบคุณมาก ๆ นะ เบิ้บบู้ครับ ♥
เตนล์กับชุดโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้าสีฟ้าสุดเท่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in