เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cineflixswiftism
Joker (2019) - ตัวตลก

  • งานหนักจริงๆครับช่วงนี้ ผมดูตั้งแต่วันแรกแล้วแหละ แต่กว่าจะมีเวลาคิดถึงหนังจริงๆก็ปาเข้าไปวันอาทิตย์แล้ว บวกกับตามไปดูเวอร์ชั่นของ Jack Nicholson ใน Batman ปี 1989 ของ Tim Burton มาด้วย อยากเก็บให้ครบ (จริงๆก็อยากฟังของ Mark Hamill ใน Batman: The Animated Series ที่หลายๆคนบอกว่าเป็นหนึ่งในตำนานเหมือนกัน แต่ยังไม่มีเวลาเลยครับ55555)

    โจ๊กเกอร์ฉบับตีความใหม่นี้ค่อนข้างต่างไปจากที่ดูมาทุกเรื่องเลย เนื้อเรื่องโฟกัสไปที่ชีวิตของ อาเธอร์ เฟล็ค ชายธรรมดาๆผู้ใฝ่ฝันจะเป็นดาวตลกชื่อดัง กลับต้องมาเจอปัญหาในสังคมรุมเร้าเอามากๆเข้าจนต้องลงมือทำอะไรสักอย่างที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

    หนังดาร์ค หม่นมืด อึมครึม เป็น depression ที่มาในฟอร์แมตของภาพยนตร์ ดูแล้วอึดอัดและกระอักกระอ่วนไปกับการกระทำต่างๆของโจ๊กเกอร์ (ซึ่งหนังนำเสนอจุด breakdown ของเขาได้อย่างน่าเวทนาที่สุด) เป็นหนังดราม่าจิตวิทยาเพียวๆเลยครับ ตอนแรกนึกว่าจะมีฉากแอ็คชั่นเล็กๆให้พอลุ้นบ้าง แต่เอาแค่ที่เห็นในเรื่องก็เหนื่อยจนแทบกระอักเลือดแทนตัวละครแล้ว

    (source: IMDb)
    ที่ผ่านมาเคยเห็นผู้กำกับ Todd Phillips ทำแต่หนังตลกห่ามๆ อย่าง Old School, Road Trip ไปจนถึง The Hangover ไตรภาค (สนุกทุกเรื่องเลย) พอเห็นเขาเปลี่ยนแนวมาทำอะไรแบบนี้ก็หวั่นๆเหมือนกันว่าหนังจะติดตลกเกินไปรึเปล่า แต่ไม่เลย อย่างที่บอกว่าหนังมันหม่นสุดๆ แทบไม่มีความจรรโลงใจให้เห็นเลยตลอดความยาวสองชั่วโมงของหนัง วางใจได้ เครียดสัดๆ แน่นอน (แต่ก็ยังพอมีซีนให้ขำๆบ้างอยู่นะ แต่ก็แค่พอขำๆนั่นแหละ เดี๋ยวหลุดโทน)

    Joaquin Phoenix กับบทโจ๊กเกอร์คือที่สุดของหนัง แบกหนังไว้ทั้งเรื่องเลย สมกับเป็น method actor (กลายเป็นตัวละครนั้นๆ เหมือนไม่ได้แสดง แต่ใช้ชีวิตแบบตัวละครที่ตัวเองรับบทไปเลยเพื่อให้เข้าถึงบทบาทที่สุด) ที่เยี่ยมที่สุดคนนึงของฮอลลีวูด ทั้งน่าขนลุก creepy น่ากลัว โรคจิต แต่ในขณะเดียวกันก็ทั้งน่าเวทนาและดูสิ้นหวังมากๆจนเราอดสงสารไม่ได้ เป็นโจ๊กเกอร์ที่มีความเป็นมนุษย์มนาที่สุดตั้งแต่ดูมา (แต่ยังให้ Heath Ledger เป็นที่หนึ่งในใจ) ลุ้นให้ได้ออสการ์จริงๆครับ 

    จะแปลกมั้ยถ้าผมบอกว่าผมเข้าใจโจ๊กเกอร์นะ เข้าใจว่ามันน่าเศร้ามากๆที่สังคมมันเน่าเฟะขนาดนั้นแต่เรากลับทำอะไรเพื่อ restore มันไม่ได้เลย ผมเองก็เคยตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับอาเธอร์ (แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดในหนังหรอก5555) แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ ได้แต่เฝ้ามองให้มันล่มสลายไปอย่างช้าๆ

    ผมไม่ได้มองว่าโจ๊กเกอร์เป็นตัวร้ายนะ เมื่อคิดดูดีๆเขาก็เป็นแค่คนธรรมดาคนนึงที่ถูกปัญหาต่างๆรุมทึ้งชีวิตจนมันเปื่อยไปหมด แทบไม่เหลืออะไรในชีวิต สุดท้ายก็ต้องออกโรงทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงจุดยืนของคนที่โดนสภาพเศรษฐกิจ (รวมไปถึงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์) ทำร้าย แม้ว่า action & consequence มันจะ extreme ไปหน่อยก็เถอะ


    หนังไม่สนุกนะถ้ามองในแง่ของหนังป๊อปคอร์นทั่วไป แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นหนังดราม่าจิตวิทยาที่มุ่งเน้นไปที่การสำรวจจิตใจตัวละครและตีแผ่มุมมืดของสังคมที่บีบให้คน decent คนนึงเสียสติไปเลย ผมว่าหนังโคตรสนุกเลยแหละ น่าจะติดท็อปปีนี้ของผมได้ไม่ยากนัก

    ปล. : หนังไม่เหมาะสำหรับเด็กอย่างรุนแรงครับ มีภาพเลือดสาดและเนื้อหาที่หนักหน่วงทีเดียว ขนาดผมเองก็ยังช็อคกับหลายๆฉาก ไม่นึกว่าจะแรงได้ขนาดนี้ (ขนาดนี้คือสำหรับหนัง mainstream ทั่วไปนะครับ)

    Score: 8.5/10

    Directed by: Todd Phillips
    Written by: Todd Phillips & Scott Silver
    Genre: Crime, Drama, Thriller
    Runtime: 122 mins

    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ ^^

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in