เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
filmtofichoramiji
[SF] Jaywalker (Chris x Cillian)
  • Title: Jaywalker
    Pairing: Chris Nolan x Cillian Murphy
    AU: La La Land x Shut Up Flower Boy Band

    Soundtrack: Jaywalking (English Ver. Cover) (กดเพื่อฟัง) l Jaywalking ต้นฉบับ เป็นเพลงประกอบซีรีส์เกาหลีเรื่อง Shut Up Flower Boy Band ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจหนึ่งในการแต่งฟิคเรื่องนี้ โดยเราได้นำมาแปลงเป็นภาษาอังกฤษและคัฟเวอร์ไว้ให้ เป็นเพลงที่คิลเลียนร้องในฟิคค่ะ (#ทุ่มเทเก่ง) ดูเนื้อร้องเต็มๆ ได้ท้ายเรื่องเลย

    • ส่วนเพลงประกอบจาก La La Land ในแต่ละองก์ ก็คลิกชื่อเพลงเพื่อฟังระหว่างอ่านได้เลยจ้า



    .
    .

    .


    เคยคิดว่า 'สโลว์โมชั่น'
    เป็นเทคนิคที่ใช้กันในภาพยนตร์

    ไม่รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง

    พูดจากประสบการณ์...
    ที่กำลังพบเจออยู่ตรงหน้านี้เลย

    ...

    สมองว่างเปล่า เวลาหยุดหมุน
    ไร้การเคลื่อนไหว ยกเว้นที่หัวใจ

    ตึกตัก

    ท่อนขานิ่งงัน รากงอกตรึงติดพื้น
    สายตาจับจ้องเพียงใบหน้า...

    ซึ่งค่อยๆ เคลื่อนคล้อยใกล้เข้ามา

    "..."

    น้ำลายหนืดคอหนัก
    เมื่อนัยน์ตากลมโตกวาดผ่าน

    ไม่เคยเห็น...สีฟ้าโดดเด่นขนาดนั้น

    ร่างบอบบาง สูงเทียมไหล่ ข้ามถนนมา
    ผิวขาวราวหิมะ ปากบางลิ้มสีกุหลาบ

    มือกระชับสายสะพายเคสกีตาร์เข้าไหล่
    สายตาคู่นั้นเหลียวมา...ต้องหันหลบ

    รถยนต์บนถนนเตรียมออกแล่น
    ไฟสัญญาณจราจร...ยังแดงอยู่?

    จำเป็นต้องละทิ้งโอกาส
    ต้องข้ามถนนเดี๋ยวนั้น

    หมับ

    มือบางคนคว้าต้นแขนเขา
    กระตุกกลับเข้ามา

    ปี๊น

    คนที่เขาแอบมองอยู่นั่นเอง

    "ไฟเขียวแล้ว ไม่เห็นรึไง"

    บ่นพึมพำ ปล่อยมือ และจากไป

    อา...
    เพราะจัง

    เนื้อเสียงนุ่มละมุน
    สำเนียงไอริชชัด

    หายไปแล้ว

    "..."

    จะหาตัว...ได้ที่ไหนนะ?




    ลอนดอน, 1995


    "รับ!"

    โจนาธานปาจรวดกระดาษมาให้
    คว้าหมับ คลี่ออกดู เลิกคิ้ว

    "อะไร"
    "อ่านสิครับคุณพี่ชาย"

    คริสทำตาม "ขอเชิญร่วมงานเปิดบิสโตร 'แคท อิน ทาวน์' ณ ถนน— โจ พี่ไปไม่ได้หรอกครับ"
    "ไม่รับคำปฏิเสธ ไม่เอาน่า นี่ร้านเพื่อนผมเอง ไปกันเหอะ"

    "ไม่ว่างจริงๆ..." มือใหญ่พับจรวดคืนรูป
    นั่งลงบนเตียง "มีอะไรต้องเขียนอีกเยอะ"
    "อย่างี่เง่าดิ คืนเดียวเอง ออกไปใช้ชีวิตบ้าง..."
    "แค่นี้พี่กลายเป็นคนงี่เง่าไปซะแล้ว?"

    คริสแอบพึมพำเสียงเบา

    น้องชายนั่งลงข้างๆ ยังรบเร้า "ไปรู้จักคนใหม่ๆ หาแรงบันดาลใจไง"
    "โจ..."
    "เนี่ยโอกาสดีเลยด้วย พี่โสดมานานละนะ ในบรรดาผู้คนมากมาย อาจจะมีสักคนที่ใช่ก็ได้—"
    "...โดนพ่อยึดกุญแจรถมาใช่ไหมครับ"
    "ก็..."

    ยิ้มแห้ง ไม่มีข้อแก้ตัว

    พี่ชายหัวเราะในลำคอ ส่ายหัวน้อยๆ "แค่ขอให้พี่ไปส่งดีๆ ก็ได้ เรานี่นะ"
    "แต่ผมอยากให้พี่ไปด้วยจริงๆ ไม่งั้นไม่ถ่อมาหาถึงนี่หรอก ครั้งสุดท้ายที่เราดื่มด้วยกันมันเมื่อไรนะ ตั้งแต่พี่เรียนจบปะ"
    "เดี๋ยวพี่ไปส่ง..."

    คริสโตเฟอร์ยื่นคำขาดอย่างนุ่มนวล
    โจนาธานต้องยอม ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

    .
    .

    น้องชายตัวดีวอแวลากลงรถมาจนได้

    คริสวางกระติกชาลงบนโต๊ะ
    ส่ายหน้าเมื่อโจถามถึงเครื่องดื่ม

    "พี่มีแล้ว"
    "เชื่อเขาเลย" น้องชายพึมพำ

    ดื่มชาในร้านเหล้า
    โลกนี้น่าจะมีแค่คนเดียว

    ปกติแล้วคริสก็ดื่มบ้าง แต่คืนนี้เขาคงต้องพาน้องชายกลับจึงเลือกไม่แตะ นัยน์ตาสีฟ้านุ่มลึกกวาดมองเรื่อยเปื่อย บรรยากาศในร้านดูอบอุ่นด้วยไม้ ตั้งแต่หน้าประตู เคาน์เตอร์บาร์ ยันเครื่องเรือนทั้งหลาย สมทบด้วยแสงอ่อนโยนจากหลอดไฟสีส้มสลัว วงดนตรีแรกกำลังเตรียมตัวอยู่บนเวทียกระดับเล็กๆ ตรงหน้าโต๊ะที่เขานั่งพอดี

    โจนาธานกลับมาพร้อมเบียร์ของตัวเอง
    เพื่อนที่เป็นเจ้าของร้าน และอีกสองสามคน

    แนะนำตัว ทักทาย พอเป็นพิธี
    แพททริคผู้จัดหาวงดนตรีในคืนนี้เริ่มร่าย

    "ส่วนใหญ่เป็นพวกนักศึกษามหา'ลัยน่ะ พวกนี้อยากออกงานอยู่แล้วก็เลยมาให้เกือบจะฟรี มีทั้งในลอนดอนนี่ แล้วก็บาธ แมนเชสเตอร์ก็มี วงจากกัลเวย์ หรือคอร์กยังมาเลย..."

    เสียงพูดคุยค่อยๆ เงียบหายไปจากโสตประสาทยามเมื่อท่วงทำนองแรกเริ่มบรรเลงขึ้น คริสตั้งใจฟัง แต่ไม่มีวงไหนสะดุดตาเป็นพิเศษ

    ยกชาขึ้นจิบ
    เปลี่ยนวงใหม่

    ยกชาขึ้นจิบ
    เปลี่ยนวงอีกครั้ง

    ชายหนุ่มเริ่มหมดความสนใจในเสียงเพลง หันมาฟังบทสนทนาในวงเหล้า ตั้งแต่เรื่องสัพเพเหระไปจนวีรกรรมของโจนาธานในมหาวิทยาลัย

    กระทั่งเสียงหนึ่งดังลอดไมค์ขึ้นมา

    "จำไว้เลยนะไอ้พวกเชี่—"

    คริสหันไปมอง สนใจใคร่รู้
    ใบหน้าที่เห็นขุดความทรงจำวันก่อนขึ้นมา

    เด็กหนุ่มไอริชตัวเล็ก...คนนั้น?

    ยืนเบ้ปาก ปล่อยให้เพื่อนยุ่งกับศีรษะ
    สวมหูแมวลงไปบนนั้น หัวเราะกันคิกคัก

    เจ้าตัวหน้ายู่ ทดสอบไมค์ ระหว่างเพื่อนร่วมวงทดสอบเสียงเครื่องดนตรี พร้อมกันดีแล้วจึงหันมาพูดกับผู้ชม

    ทรงกลดสีฟ้าสาดแสงลงมาที่เขาพอดี

    ใช่จริงๆ ด้วย...

    "สวัสดี พวกเรา เดอะ ซันส์ ออฟ มิสเตอร์ กรีน ยีนส์"

    โจนาธานกับเพื่อนปรบมือ ส่งเสียงเชียร์
    คริสนิ่ง จดจ่อสายตา สมาธิทั้งหมดเพื่อฟัง

    เสียงอันไพเราะ...จำได้ขึ้นใจ
    'ไฟเขียวแล้ว ไม่เห็นรึไง'

    สปอตไลท์เหนือเวทีอาบให้หูแมวที่เจ้าตัวสวมใส่กลายเป็นสีฟ้า ทั้งยังขับเน้นม่านนัยน์ตาสีหวานนั้นให้ฟ้าเด่นขึ้นไปอีก คริสโตเฟอร์จมตัวเองลงในห้วงความคิด ซึมซับรับทุกรายละเอียดเข้ามาผ่านประสาทหู ตา หรือแม้แต่จมูก

    ได้กลิ่นเหมือน...ฤดูใบไม้ผลิ

    และราวกับแสงไฟในร้านมืดดับลง
    เสียงอื่นเงียบสงัด คนรอบกายไร้ตัวตน

    รับรู้เพียงการมีอยู่ของคนตรงหน้าเท่านั้น

    '...ในบรรดาผู้คนมากมาย อาจจะมีสักคนที่ใช่ก็ได้'

    "ขอบคุณทุกคน..."

    โสตประสาทของคริสทำงานเป็นปกติอีกครั้ง จับเสียงปรบมือของคนในร้านได้เบาบาง ก่อนค่อยๆ ดังขึ้น วงดนตรีจากเมืองคอร์ก ไอร์แลนด์ลงจากเวที

    "พี่คริ— อ้าว"

    โจนาธานพบว่าพี่ชายหัวแก้วหัวแหวนของตนหายไป

    ...

    "คุณครับ..."

    คริสงึมงำ แผ่วเบาในลำคอ
    อีกฝ่ายไม่ได้ยิน เดินผ่านไหล่

    "คุณแมวฟ้าครับ..."

    หันขวับ ตาแข็งทันที

    คิลเลียนถอดที่คาดผมหูแมวออก
    แปะมันลงกับอกกว้าง "สีขาวเว้ย"

    มือแกร่งรับไว้ได้ก่อนมันร่วงลงพื้น
    สีขาวจริงๆ...ไฟบนเวทีหลอกตาไปหน่อย

    สีฟ้า...มักโดดเด่นกว่าสีใดในสายตาเขา

    คริสเดินตามเจ้าตัวออกไปทางหลังร้าน
    เด็กหนุ่มปลีกวิเวก เพื่อมาสูบบุหรี่

    ลมคืนนี้แรงจัด ไฟแช็กดับตลอด
    คิ้วเรียวขมวดมุ่น เริ่มหงุดหงิด

    "ยืมหน่อย"

    ถือวิสาสะคว้ามือใหญ่ข้างหนึ่ง
    ไปใช้บังลม ระหว่างตนจุดไฟ

    "..."

    มือนั้นปล่อยมือเขาในเวลาอันรวดเร็ว
    แต่สัมผัสที่ประทับทิ้งไว้...หยั่งรากลึก

    รุนแรงนัก

    เผยอกลีบปากสวย ควันขาวพวยพุ่ง
    คริสฝืนแล้ว แต่สุดท้ายก็ไอออกมา

    "เหม็นก็ไปยืนที่อื่นดิ..."
    "ไม่เป็นไรครับ" ไออีกครั้ง
    "ตามมาทำไมอะ ตั้งแต่เมื่อกี้ละ"
    "ผมแค่...จะบอกว่า...ชอบ...นะครับ"

    คิลเลียนเลิกคิ้วสูง
    คริสรีบพูดต่อ "เพลงวงคุณน่ะ"
    "..."

    ประหลาดคน

    คิลเลียน เมอร์ฟีไล่สายตามองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กว่าตนคร่าวๆ นัยน์ตาคมคาย...อายุน่าจะมากกว่าเขาอยู่หลายปี ใบหน้าคมสัน กรามกว้างชัด แต่เห็นแววว่าแก้มเริ่มมีเนื้อหน่อยๆ เส้นผมซีดอ่อนรับกับผิวขาวละเอียด ทั้งหมดทั้งมวลทำให้รู้สึกคับคล้ายคับคลาอย่างไรชอบกล

    "หน้าตาคุณคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นในทีวี"
    "เอ่อ ผมไม่—"
    นิ้วเล็กคีบบุหรี่ไว้ "สารคดีสัตว์โลกอะ ไอ้ตัวที่มันอยู่บนแผ่นน้ำแข็ง"
    "หมีขาว?"
    "เออ"

    คนตัวโตเริ่มทำหน้าไม่ถูก
    คนตัวเล็กดีดบุหรี่ลงพื้น

    จะใช้เท้าเหยียบ
    อีกคนก้มลงเก็บซะก่อน

    "..."

    เอาไปทิ้งลงถังขยะให้
    เดินมาขวาง ยังไม่ให้กลับเข้าไป

    "ผมมี...เนื้อเพลงที่เขียนไว้ คุณช่วยทำดนตรีให้หน่อยได้ไหมครับ"
    ยักไหล่ "ไม่ฟรีนะ"
    "ได้ครับ"
    "แนวไหน"
    "ไม่ได้คิดไว้ครับ เขียนแต่เนื้อ..."
    "ทำไมเขียน เป็นนักแต่งเพลงเหรอ"
    "เปล่าครับ ผมจบวรรณคดี..."

    เรียนจบแล้วจริงด้วย

    "ถ้าให้ผมทำให้ มันจะเป็นร็อคนะ"
    "แล้ว...?"

    คิลเลียนมอง นิ้วชี้วนเป็นวง "หน้าตาคุณมันไม่ไปทางนั้นเลยนะ"

    หนุ่มสุภาพยิ้มบาง มีเลศนัย

    "คุณควรไปเยี่ยมห้องผมสักครั้ง"

    .
    .

    เขาฝากโจนาธานไว้กับเพื่อนๆ เจ้าตัว
    พาคนแปลกหน้ามาที่ห้องเป็นครั้งแรก

    "พูดเป็นเล่น"

    คิลเลียนอุทานคำเดิมซ้ำๆ ตั้งแต่มาถึง

    ไม่เชื่อสายตาที่เห็นแผ่นเสียงแต่ละแผ่นบนชั้นวางในห้องของคริส ใครจะไปคิดเล่า ภาพลักษณ์สุภาพนุ่มนวลแบบนั้น จะฟังอะไรอย่างเรดิโอเฮด และอีกหลายวงในแนวเดียวกัน

    "โคตรบ้า..." มือเล็กดึงแผ่นเสียงหนึ่งออกจากซอง ลงไปวางบนเครื่องเล่น "ที่คอร์กยังหาซื้อไม่ได้เลยอันนี้"

    หัวเข็มแตะลงแผ่น วิ่งไปตามร่อง
    เพลง 'มาย ไอร์ออน ลัง' ดังขึ้น

    คริสยิ้ม "สักวันผมจะใช้เพลงของพวกเขาในหนังของผม"
    "ไหนว่าเรียนวรรณคดีมา"
    "ครับ แต่จะเป็นผู้กำกับ"
    คิลเลียนยักไหล่ "แล้วแต่เลย"

    พ่อคนประหลาด




    คืนนั้น พวกเขาคุยกันถึงเช้า
    อีกฝ่ายกลับไปก่อนเขาตื่น ไม่ทันได้ถามชื่อ

    ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้เจออีกไหม ผ่านมาเกือบอาทิตย์ เจ้าตัวอาจจะกลับไอร์แลนด์ไปแล้วก็ได้ ไม่มีหวังเอาเสียเลย ส่วนเรื่องทำดนตรีอะไรนั่นไม่สำคัญหรอก มันก็แค่ข้ออ้างที่คริสยกขึ้นมาเพื่อยื้อเวลาคุยต่อเท่านั้น

    แต่เนื้อเพลงมีอยู่จริง

    หนุ่มนักดนตรีไอริชฉีกมันไปจากหน้าสมุดของเขาซึ่งวางแผ่หราอยู่บนโต๊ะทำงาน

    คริสได้แต่ยิ้มให้กับตัวเอง ทั้งที่ใจหาย
    เหมือนไม่ได้มีแค่กระดาษที่ถูกกระชากไป

    ตลอดสัปดาห์นั้น คริสโตเฟอร์ยอมไปทุกปาร์ตี้ ทุกร้านเหล้า ทุกงานดนตรีในลอนดอนที่โจนาธานลากไป อาจเพราะลึกๆ ข้างในเขายังอยากเจอใครสักคนอีกสักครั้ง จนคืนที่เขาเริ่มถอดใจ คิดว่าจะมาเป็นคืนสุดท้าย...

    คุณแมวฟ้าก็ปรากฏตัวขึ้น

    ครั้งนี้ไม่มีหูแมว ใบหน้านั้นยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าครั้งก่อน คริสค่อยๆ เบียดตัวเองแทรกผ่านฝูงชนเข้าไปยืนแถวหน้าสุด อีกฝ่ายไม่เห็นเขา

    เพลงจบ เปิดให้คนดูขอ
    ไม่มีใคร? คริสยกมือ

    "ครีป - เรดิโอเฮด"

    ลูกแก้วสีฟ้าสวยสบมอง
    เพียงแวบเดียว ก่อนเริ่มเล่น

    เดอะ ซันส์ ออฟ มิสเตอร์ กรีน ยีนส์หมดคิว หนุ่มนักดนตรีไอริชหายตัวไปอย่างรวดเร็ว คริสยังเตร่อยู่ในงานจนค่ำ...จนเลิก

    จนได้เจอ

    "ครีป? แบบ...จริงจังปะ"
    "นึกอะไรไม่ออกน่ะครับ" คริสเกาท้ายทอย
    คนตัวเล็กเหล่มอง "จิตใต้สำนึกคุณคิดว่าผมน่ากลัวรึไง เลยพูดคำนั้นออกมา"
    "ผม...เปล่า—"

    ฉับพลัน คิลเลียนหัวเราะร่า

    "ล้อเล่นน่า...แกล้งสนุกดีนะคุณน่ะ"

    สว่างไสวดีจัง...อดหัวเราะตามไม่ได้

    "ผมนึกว่าคุณกลับ..."
    "อ้อ ใช่ แต่พอดีมีค่ายเพลงติดต่อมา อยากให้ไปเล่นให้โปรดิวเซอร์ของค่ายดูอีกครั้ง เลยอยู่กันต่อ แล้วก็มาเล่นวันนี้ไง..."

    หัวใจคริสหล่นวูบ
    เงียบไปพักใหญ่

    อาทิตย์ใกล้อัสดง ข้างทางไร้แสงไฟ
    แสงเส้นสุดท้ายทอดยาววนรอบเมือง

    คิลเลียนเดินนำคริสไปไกล
    ปีนราวเหล็กเหนือพื้นเล่น

    ก้าวพลาด ร่วงหล่น
    แขนยาวเข้ามาคว้าเอวไว้ทัน

    ประคองเด็กซนลงมายืนบนพื้น

    "..."
    "แปลว่า...จะกลับแล้วสินะครับ"

    คิลเลียนผละออก พยักหน้าน้อยๆ
    คริสชั่งน้ำหนักอยู่ในใจ

    กับคนที่จะไม่ได้เจอกันอีก
    คิดยังไง...ก็ไม่ควรเริ่ม

    "จริงสิ เรื่องเพลงของคุณ..."
    "อยู่ต่อไม่ได้เหรอครับ"

    คริสโพล่งออกไป
    ทั้งที่พยายามยั้งใจแล้วแท้ๆ

    คิลเลียนสั่นหัวดิ๊ก
    คล้ายลูกแมวหงอยๆ

    มือซุกกระเป๋า ปลายเท้าเขี่ยพื้น

    "แม่ผมไม่อนุญาตหรอก ที่อยู่ต่อนี่ก็ทะเลาะกันแทบตายแล้ว..."
    "ครับ..."
    "ถ้ายังอยากได้เพลง เดี๋ยวผมทำเสร็จส่งเทปกลับมาให้ก็ได้"

    แต่ผมอยากได้...อย่างอื่น

    คริสลอบถอนหายใจ
    สั่นหัวให้ตัวเองเบาๆ

    "อะไรอะ"
    "ไม่มีอะไรครับ"
    "บอกหน่อยดี้"
    "แค่เสียดายน่ะครับ...คืนนี้บรรยากาศดี น่าจะมีใครให้เดินจับมือ..."

    คิลเลียนมองหน้าเขาอีกครั้ง

    "เอ้อ ผมไม่ได้หมายถึง...อ่า คือ คุณไม่ใช่สเปกผมอยู่แล้..."

    ยิ่งแก้ยิ่งแย่
    คริสกุมขมับตัวเองในความคิด

    "ผมต้องพูดคำนั้นมากกว่าไหมวะ พ่อคุณ แค่สูทโพลีเอสเตอร์นี่ก็ไม่ผ่านแล้ว"

    ผ้าวูลผสมครับ

    "ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย โอเคนะ หายห่วงได้ ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะมีใครคิดอะไร"
    "ครับ ไม่มีอยู่แล้ว"
    "ดี"

    พัง...พังหมด 
    โอกาสที่แทบไม่มีอยู่แล้วนั่น

    "คุณมาจากแถวไหนของคอร์กหรือครับ"
    "บาลลินเทมเปิล... คุณเป็นคนที่นี่เหรอ"
    "ครับ เวสมินสเตอร์..."

    คิลเลียนมองป้ายบอกทางบนถนน
    ครุ่นคิด "เดี๋ยวนะ คุณไม่ได้ต้องกลับทิศตรงข้ามกับผมเหรอ"

    อีกฝ่ายดูจะยังจำทางกลับอะพาร์ตเมนต์เขาได้จากคืนก่อนโน้น คริสเลิ่กลั่ก

    "ผมจะไปหาน้องชายน่ะครับ"
    "เหรอ..."

    เดินมาส่งถึงหน้าที่พักจนได้

    "ราตรีสวัสดิ์ครับ"
    "อือฮึ"

    คริสจำใจบังคับตัวเองให้รีบจากมา
    แต่โชคชะตาก็เล่นตลก รั้งเขากลับไป

    "ตาหมี!"

    คนที่เข้าประตูไปแล้ว โผล่หน้าออกมาใหม่

    "ถ้าจะเอาเพลง ลองไปที่โน่นได้นะ ถามหาบ้านของเบรนดันดู"
    คริสเลิกคิ้ว "ใครครับ"
    "พ่อผมเอง" คิลเลียนหัวเราะ
    คริสหลุดขำ "ตลกดีนะครับ...พ่อผมก็ชื่อเบรนดัน"

    เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง
    พร้อมกัน

    ก็ไม่ใช่คืนที่เลวร้ายอะไรเท่าไรหรอกมั้ง




    คอร์ก, 1996


    "Sunday Afternoon
    You were across the road
    Head spun
    You stopped the time?"

    ขยับริมฝีปากตาม ไร้สุ้มเสียง

    แม้ไม่รู้จังหวะมาก่อน แต่ท่วงทำนองฟังง่ายติดหู เพียงท่อนต่อไปเขาก็เริ่มจับทางได้

    ส่วนเนื้อเพลง?
    เขาแต่งเองต้องรู้อยู่แล้ว

    "It's green light?
    I couldn't tell
    Or red light?
    I couldn't tell
    On me, you cast a spell?"

    เสียงร้องของหนุ่มนักดนตรีร่างเล็กยังไพเราะเหมือนในความทรงจำ

    ลูกแก้วสีฟ้าใสเปล่งประกายใต้แสงสปอตไลท์บนเวที และมองเห็นเขาในที่สุด

    "Whenever I look in your eyes
    Baby blue crystal just shine
    like a moonlight?"

    เขา...ที่กำลังรอให้เจ้าตัวค้นพบ
    เขา...ที่เดินตามเสียงเพลงมาจนเจอร้านนี้
    เขา...ที่เพียงได้ยินคำว่าคอร์กก็รับงานทันที ตามหัวหน้ามาถ่ายวิดีโอแนะนำบริษัทลูกค้าถึงที่นี่ แต่ไม่กลับไปพร้อมคนอื่น

    เพราะส่วนหนึ่งในใจมันร่ำร้อง
    บอกว่าควรลองตามหาดูสักครั้ง

    แรงบันดาลใจที่หลุดมือลอยหายไป

    "You're my muse and rhyme
    Melody that written by you
    completed my heart and dreams?"

    เพลงจบ นักร้องนำลงจากเวทีมาหาคริส

    "ตาหมี..."
    "คุณแมวฟ้า..."

    คิลเลียนหัวเราะ "ไม่ได้มาทวงค่าลิขสิทธิ์เพลงใช่ไหม..."
    คริสอมยิ้ม "เก็บเป็นมื้อค่ำสักมื้อพอไหวไหมครับ"
    "หืม"
    "ไม่ใช่เดทนะครับ ก็แค่กินข้าว..."
    "ขอนับเงินในกระเป๋าแป๊บนะ เพิ่งโดนแม่หักค่าขนม"
    "ผมล้อเล่นครับ"

    คิลเลียนดึงชายเสื้อโค้ทสีเข้ม พาคนตัวสูงออกจากร้านเหล้า เดินไปตามถนนในเมืองเล็กๆ อันเงียบสงบ ไร้แสงไฟรบกวน จนมองเห็นดวงดาวในคืนฟ้ามืดได้ชัด เช่นคืนนี้

    แต่ดาวดวงใดจะสุกสกาวสดใสกว่าคนตรงหน้า...ไม่มี

    "ชอบไหม"
    "ครับ?"
    "เพลง"
    "ชอบสิครับ"
    "โทษทีที่ยืมมาเล่นก่อน ค่ายเพลงอยากฟังดนตรีที่เราแต่งเอง ก่อนพิจารณาเรื่องสัญญาน่ะ"
    คริสยิ้มเอ็นดู "ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ผมแค่นึกเนื้อเพลงได้แล้วอยากมีเก็บไว้ฟังเล่นๆ เท่านั้น..."
    "ใจดีจัง"

    คิลเลียนยิ้ม ย่นจมูกขัดใจคนดี
    ปลายจมูกรั้นเล็กๆ...เหมือนลูกแมว

    "เคยกินอาหารญี่ปุ่นไหม?"

    คริสส่ายหน้า มือเล็กเลื่อนประตูไม้
    รุนหลังคนตัวโตให้เข้าไป

    "แล้วจะติดใจ"

    .
    .

    แน่นอน...คริสที่มีเงินเดือนเป็นคนจ่ายค่าอาหาร มันคงตลกไม่น้อยถ้าจะไปเบียดเบียนค่าขนมหนุ่มนักดนตรีที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย แถมมีวี่แววว่าจะไม่จบการศึกษา

    "หัวผมมันไม่ไปจริงๆ อะ กฎหมายบ้าบออะไรวะ รู้สึกเลยว่าที่สอบไปตกหมดแน่ๆ แต่ก็ดี จะได้ถือโอกาสลาออกซะเลย"

    คริสลอบมองคนตัวเล็กเป็นระยะๆ
    บังคับยังไงใจก็สู้สบตาคู่นั้นไม่ไหว

    "แล้วคุณอยากทำอะไรล่ะครับ"
    ยักไหล่ "เล่นดนตรีไปเรื่อยๆ ก็ดี แต่จะดีกว่าถ้าได้เซ็นสัญญากับค่าย ไม่งั้นคงไม่มีอะไรกิน"

    ผมเลี้ยงได้นะครับ
    คริสกระซิบ...ในใจ

    "แต่ผมก็อยากลองแสดงดูเหมือนกัน"
    "จริงหรือครับ"
    "อือดิ ผมชอบละครเวทีนะ ไม่นานมานี้เพิ่งได้ดูเรื่องหนึ่ง ดีมากเลย รู้สึกอยากเข้าไปอยู่ในเรื่องราวแบบนั้น..."
    "ลองดูสิครับ เผื่อสักวันคุณจะได้มาเล่นหนังของผมบ้าง"

    คริสสนับสนุน

    "จริงนะ คุณผู้กำกับ"
    ชายหนุ่มหลุดหัวเราะ "ยังไม่ได้เป็นหรอกครับ แต่ใกล้แล้ว..."

    อันที่จริง...เขากำลังจะย้ายไปลอส แอนเจลิส เพื่อไล่ตามความฝันการสร้างภาพยนตร์ในฮอลลีวูด

    บางที...ที่รู้สึกว่าต้องมาตามหาคุณแมวฟ้าดูสักครั้ง คงเพราะกลัวจะไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว

    ปี๊น

    คิลเลียนคว้าต้นแขนคริส
    ดึงให้หลบรถที่เกือบเกยขึ้นฟุตบาท

    "ขับรถภาษาหอกอะไรวะ!"
    "คิลลี่"
    "แพดดี้?"

    คนเปิดกระจกรถลงมากลับเป็นน้องชายของเขาเอง กับผองเพื่อนในวงดนตรี

    "นี่จะขึ้นเขาไปดูดาวกันอะ วันนี้ฟ้าเปิด ไปด้วยกันเปล่า"
    "ไปดิ"

    คิลเลียนตอบ แทบไม่คิด
    หันไปชวนอีกคน "ไปด้วยกัน"

    คริสมองที่ว่างในรถ
    ซึ่งเหลือเพียงหนึ่ง

    "คุณไปเถอะครับ รถเต็มแล้ว"
    "ไม่เอา ไปด้วยกันดิ"
    แพดดี้โผล่หน้าออกมา "เดินตามถนนนี่ขึ้นไปก็ได้นะ ชั่วโมงเดียวเอง"
    "บ้าเรอะ" คิลเลียนด่า
    คริสยักไหล่ "เจอกันข้างบนก็ได้ครับ"
    "ไม่อะ คุณเข้าไปก่อน"
    "แต่ว่า—"
    "เออ เข้าไปเหอะ"

    คิลเลียนรุนหลังคนตัวโตเข้าไปนั่งในรถ
    ก่อนตามขึ้นไป นั่งลงบนต้นขาแกร่ง

    ตัวเบากว่าที่คิดไว้เสียอีก

    มือเล็กเกาะหลังเบาะคนขับ
    ออกคำสั่ง "ไปได้"

    คริสนั่งตัวเกร็ง ไม่รู้จะเอามือไปไว้ไหน

    หัวใจ...จะระเบิดตายก่อนไปถึงไหมนะ?

    .
    .

    ดวงดาวราวเกล็ดเพชรหว่านโปรยโรยนภาสีหม่นอนธการ

    ยิ่งได้นอนดูบนหลังคารถ ยิ่งรู้สึกว่าใกล้...คล้ายจะเอื้อมคว้าได้ถึง เสียงพูดคุยหัวเราะขบขันของแพดดี้กับเพื่อนนักดนตรีดังแว่วเจือจางจากกองไฟ แต่อย่างไรก็ไม่ชัดเจนเท่าเสียงหัวใจของคนที่นอนอยู่ข้างกัน

    "เมื่อยคอว่ะ"
    "..."
    "ยืมหน่อย"

    คนตัวเล็กดึงแขนเขาไปหนุนศีรษะ
    เรือนผมนุ่มให้สัมผัสจักจี้น้อยๆ

    คริสลอบมองม่านนัยน์ตาสีฟ้าละมุนหวานจากด้านข้าง นานจนเจ้าตัวรู้สึก และเอียงคอหันมาสบตา หนุ่มอังกฤษอยากหลบ แต่ทำไม่ได้ คล้ายถูกมนตราสะกดให้จดจ้องมองความสวยงามตรงหน้าไปชั่วนิรันดร์

    ประกายน้ำพราวระยับในดวงตาคู่นั้น
    เจิดจรัสยิ่งกว่าดาวดวงใดบนท้องฟ้า

    "..."

    นครดาราเอ๋ย...
    ส่องแสงสกาวให้เขาคนเดียวได้รึเปล่า?

    "คุณมาที่นี่ทำไมกันแน่นะ..."

    คิลเลียนกระซิบ
    ไม่เข้าใจ

    นัยน์ตาคมคายไหววูบ
    สะท้อนคำตอบกลับมา

    ผมมาตามหาคุณ

    "ตอนที่ผมกำลังแกะคอร์ดเนื้อเพลงนั้น มันรู้สึกเหมือนเป็นความทรงจำ..."

    บ่ายวันอาทิตย์ ตรงทางม้าลาย
    ใครคนหนึ่งจะข้ามถนนทั้งที่ไฟเพิ่งเขียว

    โชคดี...เขามือไว คว้าแขนปรามไว้ทัน

    "หรือคิดไปเองก็ไม่รู้" คิลเลียนพึมพำ
    คริสสั่นหัวน้อยๆ "ไม่หรอกครับ..."
    "..."
    "มันมาจากความทรงจำของผมจริงๆ..."

    บ่ายวันอาทิตย์ ตรงทางม้าลาย
    มีคนทำโลกหยุดหมุน จนเขาลืมข้ามถนน

    โชคดี...ใครคนนั้นดึงกลับมาทันก่อนรถชน

    "คุณนั่นเอง..."

    เสียงนุ่มกระซิบ รอยยิ้มระเรื่อตรงมุมปาก

    "ผมตาบอดสีเขียว-แดงน่ะครับ หันไปมองไฟเร็วๆ แล้วแยกไม่ออก..."
    "ก็เลยคิดว่ายังข้ามได้สินะ" คิลเลียนเอ่ยกลั้วหัวเราะ

    คริสได้แต่เอามือเกาหูแก้เขิน

    "โดยเทคนิคแล้วก็เหมือนคุณช่วยผมแต่งเนื้อเพลงนั้นขึ้นมา เพราะงั้น...เก็บไว้เถอะครับ ใช้เป็นเพลงของวงก็ได้"

    แววตาไร้เดียงสาเหมือนลูกแมวช้อนมองคุณหมีใจดี คนที่เจอกันผ่านๆ ไม่กี่ครั้ง แต่ไม่รู้ทำไม...คนสมองทึบขี้ลืมอย่างเขากลับจำแววตาของอีกฝ่ายได้ขึ้นใจ แก้วใสสีครามคมกริบ...มักมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยนแบบที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน

    สายตา...ที่มนุษย์ทุกคนคงใฝ่ฝันจะให้มีใครมองกันแบบนั้นสักครั้ง

    สายตา...ที่ตอนนี้เริ่มเลื่อนลงมาจับจ้องริมฝีปากจิ้มลิ้มโทนกลีบกุหลาบ

    "ผมไม่ต่อยคุณหรอก..."

    พึมพำ คล้ายจะอนุญาต
    คริสส่งยิ้มอบอุ่นให้

    "ผมไม่ได้กลัวเรื่องนั้นหรอกครับ แต่...ผมจะไม่อยู่ลอนดอนแล้ว"
    "จะไปไหน"
    "แอลเอ...ฮอลลีวูด"

    ใช่สิ...คุณว่าที่ผู้กำกับ

    "ผมไม่อยากถลำลึกไปกว่านี้..."

    แค่นี้ก็รู้สึก...เหมือนจะถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว

    "อือฮึ..."
    "ขอโทษนะครับ"

    คิลเลียนส่ายหน้า ปลายเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนคลอเคลียท่อนแขนแกร่งไปมา

    นิ้วเล็กยกขึ้น ชี้ออกไปสุดปลายฟ้า

    "มันดูไร้จุดสิ้นสุด เพราะโลกมันกลมนะ..."
    "..."
    "วันข้างหน้า...เราอาจเจอกันอีกก็ได้"

    ณ ปลายทางฝัน

    คงต้องอธิษฐานให้เราได้เจอกัน




    คืนก่อนวันกลับ หนุ่มนักดนตรีชวนมาดื่ม

    นัยน์ตาคู่สวยไม่สดใสเหมือนเคย
    รินเหล้าเข้าปาก ไวเหมือนเททิ้ง

    "คุณ...โอเคหรือเปล่าครับ"
    คิลเลียนพยักหน้า ซดอีกแก้ว

    "มีอะไรบอกผมได้นะ..."
    "คุณจะไปอยู่แล้วจะมาแคร์ทำไม!"

    ขึ้นเสียง ปัดมือใหญ่ทิ้งก่อนมันวางลงบนไหล่ คริสเงียบไป ก่อนลองอีกครั้ง

    "ผมจะไปอยู่แล้ว ยิ้มให้ผมไม่ได้หรือครับ"
    "..."

    มืออบอุ่นค่อยๆ วางลงบนไหล่เล็กอีกครั้ง
    ตอนนั้นเองที่มันเริ่มสั่น และน้ำตาก็เริ่มไหล

    คนตัวเล็กฝังใบหน้าลงกับอกกว้าง
    เสียงหวีดหวิวสะอื้นไห้กรีดใจคนฟังเป็นริ้ว

    "ขอโทษ..." คิลเลียนกระซิบซ้ำๆ

    ขอโทษที่ยิ้มให้ไม่ไหว
    คนฝันเพิ่งสลายก็แบบนี้

    "กลับบ้านนะครับ..."

    อ้อมแขนอบอุ่นโอบกอดไว้

    แม้ไม่เข้าใจอะไร
    แต่พร้อมปลอบโยนโดยไม่ถาม

    "กลับบ้าน"

    .
    .

    "เพิ่งรู้ว่าต้องการมันมากขนาดนี้ ก็ตอนต้องเสียมันไปอะ ทำไมความฝันต้องพังทลายเพราะอะไรแบบนี้ด้วยวะ..."

    คนเมาโวยวายวกวนกลับมาเข้าประโยคเดิมเป็นรอบที่ร้อย และคริสก็เอ่ยปลอบแบบเดิมเป็นรอบที่ร้อยโดยไม่เคยรำคาญ

    "แม่คุณแค่เป็นห่วงน่ะครับ พวกคุณยังเด็ก สัญญากับค่ายเพลงหลายปีแบบนี้อาจจะทำลายชีวิตคุณไปเลยก็ได้..."

    คนที่ขี่หลังเขาอยู่ชะโงกหน้ามาใกล้
    เรียวปากเกือบโดนแก้มอีกคนตอนเอ่ยเถียง

    "ต่อให้มันเป็นสิ่งที่เรารักเนี่ยนะ..."
    คริสเม้มปาก "วงการเพลงมันมีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนะครับ หลายครั้งพวกเขาก็เอาความฝันของศิลปินอย่างพวกคุณนี่แหละ มาเอาเปรียบพวกคุณเอง..."
    "...ทีนี้ผมจะไปทำอะไรอะ เรียนกฎหมายก็ไม่ได้เรื่อง เวร..."

    คริสได้แต่ยิ้มเอ็นดู "คุณบอกว่าชอบละครเวทีไม่ใช่หรือครับ..."

    กระชับคนตัวเล็กเข้ากับหลัง
    เดินไปยังบอร์ดประกาศ

    ดึงใบปลิวที่ปิดไว้ออกมา

    "ลองไปออดิชั่นนี่ดูสิ"

    คิลเลียนเมาเกินกว่าจะลืมตาอ่านได้
    ดิส...พิก อะไรวะ

    "มองม่ายเห็นอะ..."

    น้ำเสียงยานคางน่าเอ็นดู
    มือเล็กยังพอมีแรงกำใบปลิวไว้ก่อน

    "ม่ายกลับบ้านนะ"
    "เดี๋ยวคุณแม่เป็นห่วงนะครับ"
    "ดี งอนอยู่..."
    "ใจร้ายจัง"
    "เงียบไปเลย"
    "แล้วจะให้พาไปไหนล่ะครับ..."
    "ห้องคุณไง..."

    คิลเลียนงึมงำ ก่อนตาปิด

    .
    .

    "งือ..."
    "ยกแขนขึ้นหน่อยนะครับ เด็กดี..."

    คริสดึงเสื้อยืดตัวบางออกทางศีรษะเจ้าตัว
    ลำบากนิดเพราะคนเมาไม่ให้ความร่วมมือ

    แต่อาเจียนใส่ตัวเองแบบนั้น จะปล่อยให้นอนเลยก็ไม่ได้ ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าที่แพ็กเรียบร้อยเตรียมกลับลอนดอนพรุ่งนี้ออกมาใหม่ เลือกเสื้อตัวที่ยังไม่ใช้มาสวมให้คนตัวเล็ก

    เสร็จเรียบร้อย คริสยังนั่งมองคนบนเตียงต่อเงียบๆ อีกสักพัก พึมพำพร่ำพูดในสิ่งที่เจ้าตัวคงไม่มีสติพอจะได้ยินแล้ว

    "บางครั้งชีวิตก็ไม่ได้ให้ทางเลือกกับเรามากนัก บางครั้งชีวิตก็ 'เลือก' หนทางให้เราเอง..."

    และบางครั้ง ความรักก็ทำแบบนั้นเช่นกัน

    "ไม่ว่ายังไง สู้ต่อไปนะครับ คุณแมวฟ้า ไล่ตามทุกความฝันเท่าที่ทำได้ คุณไม่มีวันรู้หรอกว่าฝันไหนจะเป็นจริง..."

    ฝันไหนจะเติมเต็มชีวิตคุณ

    และถ้าปลายทางฝัน เราได้เจอกันอีกครั้ง
    ตอนนั้น...เราค่อยมารู้จักชื่อกันและกันก็ได้

    แรงบันดาลใจของผม




    ลอส แอนเจลิส, 2004


    "คนต่อไปครับ"

    หนุ่มไอริชลุกขึ้น เดินตามสตาฟฟ์เข้าไปในห้อง ไม่ได้ตื่นเต้นเรื่องการออดิชั่นเท่าไร เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเหมาะกับบทแบทแมนเลยแม้แต่นิด ที่มา...ก็เพราะชื่นชอบผู้กำกับ ประทับใจผลงานภาพยนตร์อันโดดเด่นเหนือใครของเขา อยากเจอ...อยากรู้จักเท่านั้น ไม่ได้หวังว่าจะมีโอกาสร่วมงานกันด้วยซ้ำ

    คริสโตเฟอร์ โนแลน
    จะหน้าตาเป็นยังไงนะ?

    "..."

    "คิลเลียน เมอร์ฟี?"

    คนทางซ้าย —กับป้าย 'แคสติ้ง ไดเรกเตอร์' ตรงหน้า— เอ่ยขึ้น เขาพยักหน้ารับ

    คนที่นั่งอยู่ตรงกลาง กับป้าย 'ผู้กำกับ' ตรงหน้า นั่งเงียบไม่พูดอะไร

    คิลเลียนไม่รู้จะตื่นเต้น ดีใจ หรือสับสน
    สายตาคู่นั้นคมคายขึ้นตามวัย

    แต่ก็ยัง...ไม่กล้ามองเขานานเกินไปอยู่ดี

    ตาหมีขาวเอ๊ย...

    "เริ่มที่ชุดแบทแมนก่อนนะครับ คอสตูม..."

    .
    .

    "ไอ้ชุดนี่มันถอดยังไงวะ..."

    คิลเลียนพึมพำอยู่คนเดียวในห้องแต่งตัวหลังจากทดสอบหน้ากล้องกับบทแบทแมนเสร็จ ต่อไปเขาต้องใส่ชุดสูทและสวมบทเป็นบรูซ เวย์น... แต่เขายังถอดไอ้ชุดเวรนี่ไม่ออกสักที

    "ขอโทษนะครับ ใครอยู่ข้างนอกช่วยหน่อยได้ไหม..."

    เขาหมุนตัว หันหลังออกจากม่าน
    มือหนึ่งยื่นมารูดซิปลงให้

    "ขอบคุณ..."
    "ไม่เป็นไรครับ"

    เสียงนั้นยังอบอุ่นเหมือนเคย
    ทั้งที่ไม่ได้ฟังมาเกือบสิบปี

    สุดปลายทางฝัน...เราได้เจอกันสักทีสินะ

    "อย่าเพิ่งไปไหน..."

    คริสยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
    รอคนกำลังเปลี่ยนชุด

    หนุ่มไอริชกลับออกมาในมาดคุณชายลูกเศรษฐี เรือนผมนุ่มสลวยที่เคยคลอเคลียแขนของเขาในคืนหนึ่งถูกเสยขึ้นไปเป็นมันเรียบ แม้ยังมีบางเส้นแตกกลุ่มออกมา

    "ขออนุญาตนะครับ..."

    ผู้กำกับกระซิบ แผ่วเบาเป็นพิเศษ
    ปลายนิ้วเอื้อมจัดผมเส้นนั้นให้เข้าที่

    นักแสดงหนุ่มยิ้ม ยื่นมือให้
    แนะนำตัว "ผมคิลเลียน เมอร์ฟี"

    คุณแมวฟ้า...

    "เรียกผมว่าคริสก็ได้ครับ"

    เราได้รู้จักกันและกันเสียที

    แต่...อาจจะในวันที่สายเกินไป?

    รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้า
    เมื่อสองมือแนบสัมผัสเข้าหากัน

    ไอเย็นเล็กๆ จากมือใหญ่ข้างนั้น
    กระตุกหัวใจคิลเลียนร่วงโรยหล่นลงมา

    ...กองแทบพื้น

    แหวนแต่งงาน

    นัยน์ตาสองคู่สบประสานในความเงียบงัน
    นครดาราวูบดับ...ไม่ฉายแสงให้เขาอีกแล้ว

    "ผม—"
    "ช่างมันเถอะ..."

    คิลเลียนปล่อยมือคริสในฉับพลัน

    ชีวิตไม่ได้ให้ทางเลือกกับเรามากนัก
    บางครั้งชีวิตก็เลือกหนทางให้เราเอง

    เพิ่งเข้าใจว่าที่คุณพูด มันจริงแค่ไหน

    สุดปลายทางฝัน...ที่เราได้พบกัน
    แต่ก็ไม่มีอะไรจับต้องได้อยู่ดี

    เราไม่มีวันเป็นของกันและกัน

    ชะตาคงกำหนดให้เราใกล้กันที่สุดเท่านี้

    อาทิตย์ทอแสงของวันใหม่อีกกี่ครั้ง
    คุณก็ไม่มีวันเป็นของผมอยู่ดี

    "ไม่ว่าคุณจำมันได้ชัดเจนแค่ไหน ได้โปรด...ลืมมันไปเถอะนะครับ"

    แม้ไม่เอ่ยปาก...ก็คงต้องทำให้

    "ผมก็จะลืมเหมือนกัน..."

    ไม่เป็นไร...

    คิลเลียนฝืนยิ้มออกมา
    คริสเงียบ หลบตาอยู่อย่างนั้น

    "ลืมอะไรเหรอ?"

    ระหว่างเรา...มันไม่เคยมีอะไรอยู่แล้ว
    แค่คนสองคนที่ผ่านมา...และผ่านเลยไป

    "ไม่เห็นมีอะไรต้องลืมเลย"





    FIN.




    .

    .


    ( ( EXCLUSIVE ) )


    "เพราะตาของผมหรือเปล่า..."


    เขาถาม น้ำเสียงสุภาพ อมยิ้ม

    ดวงตาคู่ที่ว่าไม่ได้เหลือบขึ้นมองผู้ฟัง
    กลับหลุบต่ำจดจ้อง...มองกาแฟในถ้วย


    "ก็...ส่วนหนึ่งครับ"

    คริสตอบ น้ำเสียงสุภาพยิ่งกว่า
    ตาจับจ้องคนที่เอาแต่มองคาปูชิโนของตน

    ไม่อาจ...ไม่กล้า...ไม่อยากละไปทางอื่น

    "ผมประทับใจการแสดงทั้งหมดนั่น และสิ่งที่คุณสื่อออกมาผ่านแววตาก็เป็นส่วนสำคัญ และคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมไม่อยากให้ตัวละครนี้สวมหน้ากาก..."

    ผู้กำกับหนุ่มร่ายยาว เสียงนุ่มละมุนน่าฟังทำให้คิลเลียนรู้สึกเสียดายอย่างบอกไม่ถูก ทุกครั้งที่ประโยคจากปากคนตรงหน้าต้องจบลง

    "อา...ถ้าต้องใส่ผมก็ไม่เรื่องมากหรอกนะ ท้าทายดี"

    คริสรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องพูดแบบนี้
    และก็รู้ดีด้วยว่าคนเรื่องมากคือเขาเอง

    นัยน์ตากลมโตสีหวานปานท้องฟ้าในวันสดใสกลางฤดูร้อนที่อุตส่าห์ได้มานั่น... จะปล่อยให้สูญเปล่าไปเฉยๆ ได้ยังไง

    "แปลว่าคุณตกลง?"

    คิลเลียนหลุดหัวเราะ "ผมตกลงตั้งแต่คุณโทรมาแล้ว แค่ไม่พูด..."

    คริสยิ้มบ้าง "ต่อให้คุณพูด ผมก็ยืนยันว่าเราต้องมาคุยกันแบบนี้อยู่ดี"

    "ผมรู้ คุณเป็นพวกโอลด์สกูล"

    ก็...ส่วนหนึ่งนะ

    จริงๆ เขาอาจจะแค่ต้องการสำรวจดวงตาคู่นี้อีกสักหน่อย ในแต่ละมุม...แต่ละองศาอันแตกต่าง เพื่อให้รู้ว่าควรจะเก็บภาพสองลูกกลมสวยใสนี่อย่างไร

    หลังจากไม่เห็นมานานเหลือเกิน
    นอกจากในความฝัน เป็นบางครั้ง

    "ก็...ครับ"

    หรือเขาอาจจะแค่อยากเจอ...

    บางทีอาจจะแค่นั้น


    อยากเจอ...ทั้งที่ยื่นคำขาดเองว่าให้ลืม
    อยากเจอ...ทั้งที่ตั้งกฎห้ามตัวเองไว้แล้ว

    ถ้าจะให้อีกฝ่ายรับบท ก็ต้องยั้งตัวเองให้ได้
    และระหว่างถ่ายทำ จะต้องไม่ตกหลุมรักคนคนนี้

    ไม่...อีกครั้ง

    แต่บางที...วินาทีที่ห้ามตัวเองไม่ให้รัก
    อาจเป็นวินาทีเดียวกับที่เขาควรรู้ตัว

    ว่าได้เริ่มรักไปแล้ว อย่างไม่อาจถอนใจ

    "แล้วผมก็มาเล่นหนังให้คุณจนได้นะ...คุณผู้กำกับ"


    ไม่สิ...


    ...ตาหมี






    REAL FIN.


    _____________________________________


    และนี่ก็คือเรื่องราวปิดไตรภาค What Makes A Man และ Daylight นั่นเอง แฮ่

    ใครลืมไปแล้วสามารถกลับไปอ่านรื้อฟื้นได้ 
    ใครยังไม่เคยยลก็เชิญให้ไปอ่านกันนะ

    ( Jaywalker เป็นโลกมโนที่สองคนเคยได้เจอกันมาก่อน WMAM และ Daylight ช่วงที่คิลเลียนเป็นหนุ่มวัย 19 เล่นดนตรี และคริสวัย 25 ปีกำลังหาลู่ทางเป็นผู้กำกับ )


    —• FACTS •—

    • คริส และคิลเลียนต่างเป็นแฟนตัวยงของ Radiohead
       คริสอยากใช้เพลง Paranoid Android ของ Radiohead ในหนังเรื่อง Memento แต่ค่าลิขสิทธิ์แพงเกินไปสำหรับหนังทุนต่ำ อย่างไรก็ดี Memento ยังได้ Treefingers (Extended Ver.) มาเป็นซาวด์แทร็ก
       นอกจากนี้ Prestige ก็ใช้เพลง Analyse ของทอม ยอร์ก นักร้องนำวง Radiohead
       คิลเลียนคิดว่า Radiohead เป็นวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เจเนอเรชั่นหนึ่งจะมีสักวง
    • คริสตาบอดสีเขียว-แดง ไม่สามารถแยกสีเขียวกับแดงออกจากกันได้ คนที่จ้างเขาทำงานหลังเพิ่งจบจาก UCL บอกว่าเวลาให้คริสชาร์จแบตเตอรี่กล้อง สวิตช์มักจะอยู่ไม่ถูกที่ เพราะคริสแยกสีไฟที่บอกว่าแบตเต็มหรือยังไม่ออก สุดท้ายเลยต้องเลิกให้คริสเป็นคนชาร์จแบตให้?
    • คุณพ่อคริส: Brendan James Nolan l คุณพ่อคิลเลียน Brendan Murphy
    The Sons of Mr.Green Genes วงของคิลเลียนเคยเกือบได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง แต่ตอนนั้น แพดดี้ น้องชายเขาที่อยู่ในวงด้วยยังเรียนไม่จบ แม่ไม่อยากให้เอาชีวิตไปผูกกับสัญญาทำวงหลายปี จึงไม่ได้เซ็นสัญญากัน
    คิลเลียนเลยหันไปหาสิ่งที่ชอบอีกอย่างคือการแสดง เดบิวต์ในสายการแสดงครั้งแรกโดยเล่นละครเวทีเรื่อง Disco Pigs ของเอนดา วอลช์ ในปี 1996 (Disco Pigs ถูกสร้างเป็นหนังชื่อเดียวกัน มีคิลเลียนกลับมารับบทเดิม ในปี 2001)
    • คิลเลียนไปออดิชั่นบทแบทแมน แค่เพราะอยากเจอผู้กำกับที่ชอบอย่างคริส จากเรื่อง Memento (2000), Following (1998) ไม่ได้หวังได้บท แต่คริสชอบการแสดงของคิลเลียน แม้ไม่ใช่กับบทแบทแมน จึงได้ติดต่อให้มาเล่นเป็นสแกร์โครว์

    —• LYRICS: JAYWALKING •—

    Jaywalking (Eng Ver. cover by Horamiji)

    Sunday Afternoon
    You were across the road
    Head spun
    You stopped the time

    It's green light?
    I couldn't tell
    Or red light?
    I couldn't tell
    On me, you cast a spell

    *I just don't know (I wish I knew)
    How to get away

    Then you laughed, you smiled 
    you slowly murdered me 

    You look just like an angel, I
    Never knew anyone 
    who could be so bright

    Whenever I look in your eyes
    Baby blue crystal just shine 
    like a moonlight (starlight)

    You're so beautiful
    My heart can't take take 
    take it anymore

    I don't know any rules
    I don't care what people say
    I just wanna get to you

    You're my muse and rhyme
    Melody that written by you
    completed my heart and dreams

    (*)

    Whenever I lost in your eyes
    Baby, I need you
    dream of you every night

    You're so beautiful
    My heart can't take take 
    take it anymore

    take it anymore
    take it anymore
    take it anymore
    take it anymore
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in